บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 45 เสนอ

ตอนที่ 45 เสนอ

คุณหนูตันจูหน้าตาน่าเอ็นดู ดวงตาดุจดั่งหยาดน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หากโกรธขึ้นมาหยาดน้ำก็กลายเป็นมีดได้ จู๋หลินย่อมไม่กล้าสบตาก้มหัวต่ำลง

“โกหก” เฉินตันจูพูด “จางเหม่ยเหรินป่วยได้อย่างไร!”

จู๋หลินก้มหน้า “คนย่อมป่วยได้” ห้ามมิให้คนอื่นป่วยได้อย่างไร ไร้เหตุผลสิ้นดี

เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ “เวลาอื่นไม่ป่วย ป่วยเวลานี้”

“เวลานี้สำหรับคนในพระราชวังอู๋ประสบกับเหตุการณ์หลายอย่าง” จู๋หลินอธิบาย อาจจะตกใจกลัว ก่อนที่ท่านอ๋องอู๋จะถูกส่งไปเมืองโจว คนป่วยก็มีจำนวนมาก อีกทั้งยังมีคนตายจากความตกใจ

เขายังพูดไม่ทันจบ หญิงสาวตรงหน้าเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาเบิกกว้างกว่าเดิม แก้มของนางก็กลมป่องขึ้น

“เลิกใช้ข้ออ้างเหล่านี้ ชายอย่างพวกเจ้า!” นางหัวเราะ “ความคิดของพวกเจ้าหลอกผู้อื่นไม่ได้ หลอกได้เพียงตัวเอง!”

จู๋หลินตกใจจนวิ่งหนีไป ในหัวเต็มไปด้วยความฉงน ทำตัวไม่ถูก…คุณหนูตันจูดุเหลือเกิน เหตุใดนางจึงโกรธ เฮ้อ ไม่เข้าใจ…

เหตุใดจางเหม่ยเหรินจึงป่วย เฉินตันจูรู้ดีอย่างยิ่ง นางโกรธจนกัดฟันอยู่ในห้อง หญิงสาวคนนี้มีฮ่องเต้เป็นที่พึ่งพิงอีกจนได้

ใช่ ชาตินี้ หลี่เหลียงไม่ได้สังหารท่านอ๋องอู๋แย่งชิงหญิงงามถวายฮ่องเต้ แต่ฮ่องเต้เข้าไปอยู่ในพระราชวังอู๋ จางเหม่ยเหรินอยู่ต่อหน้า

เฉินตันจูหักพัดในมือทิ้ง ไม่ได้ ชาติก่อนตระกูลนางตายหมด จางเจี้ยนจวินมีชีวิตอยู่อย่างไรนางก็ไม่อาจทำอะไรได้ แต่ชาตินี้ไม่ได้ จางเจี้ยนจวินฆ่าพี่ชายนาง เป็นศัตรูของนาง หากให้เขาได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้…ชาตินี้ คนในตระกูลยังมีชีวิตอยู่ ศัตรูอย่างจางเจี้ยนจวินเสนอหน้าต่อฮ่องเต้ ตระกูลนางอาจถูกประหารอีกก็เป็นได้

“เข้ามา” นางตะโกน

เมื่อได้ยินเสียงเรียกขาน จู๋หลินที่เพิ่งหลบออกไปรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที คุณหนูนี้ต้องการอะไรอีก หลังจากนั้นสักพัก สาวรับใช้อาเถียนที่ติดเงินเขาจำนวนมากก็วิ่งออกมา

“จู๋หลิน จู๋หลิน” อาเถียนตะโกน “เตรียมรถ คุณหนูจะเข้าวัง”

เข้าวังทำอะไร จู๋หลินรู้สึกกังวลเล็กน้อย ต้องการไปก่อกวนในพระราชวัง? นางจะโมโหกับผู้ใด สามคนในพระราชวัง ฝ่าบาท ท่านแม่ทัพ ท่านอ๋องอู๋…ท่านอ๋องอู๋อ่อนแอที่สุด มีเพียงแค่เขาแล้ว

ท่านอ๋องอู๋ยังพักอยู่ในพระราชวัง ตอนนี้เขาอยากออกไปก็ออกไปไม่ได้ ฮ่องเต้ให้ทหารเฝ้าอยู่หน้าประตูวัง หากต้องการออกจากพระราชวังมีเพียงนั่งพระราชรถจากไป

ถึงแม้ตอนนี้จะจำยอมแล้ว เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ท่านอ๋องอู๋ก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้ เขาเติบโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยออกจากเมืองอู๋ เมืองโจวไกลขนาดนั้น ยากจนขนาดนั้น วุ่นวายขนาดนั้น…

“ท่านอ๋อง ไกล จน วุ่นวาย ก็เป็นโอกาส” เหวินจงพูด

ท่านอ๋องอู๋ไม่เข้าใจ “เวลานี้อนาคตของข้าไม่รู้จะเป็นอย่างไร ยังมีโอกาส?”

“สถานการณ์เวลานี้ไม่เป็นประโยชน์ต่อเหล่าท่านอ๋องอย่างยิ่ง” เหวินจงพูดเสียงเบา ถึงแม้อยู่ในพระราชวังอู๋ แต่เวลานี้พระราชวังอู๋ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว ฮ่องเต้อยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่ามีผู้ใดเป็นสายของฮ่องเต้บ้าง “กองกำลังของราชวังแข็งแกร่ง ฝ่าบาทมีอำนาจมาก ท่านอ๋องโจวก็ตายแล้ว เวลานี้ท่านอ๋องต้องหลบหลีกความแหลมคม ห่างไกลออกไป พื้นที่ยากจนทำให้ฮ่องเต้วางใจ รักษาตัวเอง จัดการเมืองโจวให้ดี สร้างความเข็งแกร่งให้ตัวเอง ต่อไปไม่ว่าจะเป็นท่านอ๋องอู๋หรือท่านอ๋องโจว ราชสำนักยังคงไม่อาจดูถูกท่านอ๋องได้”

ท่านอ๋องอู๋จับมือของเหวินจงเอาไว้ พูดอย่างดีใจ “โชคดีอย่างยิ่งที่ข้ามีเจ้า”

เหวินจงถอนหายใจ “ท่านอ๋อง ข้าก็มีแค่ท่านอ๋องเท่านั้น”

ท่านอ๋องอู๋โยกมือของเขาไปมา นึกถึงเหล่าขุนนางที่ไม่มีเขาในใจ ทั้งโศกเศร้าทั้งโกรธแค้น “ข้ามีมหาดเล็กเหวินก็พอแล้ว คนที่ทิ้งข้า ข้าก็ไม่ต้องการพวกเขา!”

คนอื่นก็แล้วไป เมื่อนึกถึงเหม่ยเหริน หัวใจของเขายังคงดุจดั่งมีดกรีด

“ต้องถวายจางเหม่ยเหรินให้ฝ่าบาทจริงหรือ” เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอีกครั้ง “เหม่ยเหรินอื่นได้หรือไม่ พระราชวังมีเหม่ยเหรินตั้งมากมาย”

แต่จางเหม่ยเหรินน่าหลงใหลที่สุด

ถึงแม้ท่านอ๋องอู๋จะไม่สู้ฮ่องเต้ แต่ในฐานะผู้ชายพวกเขาล้วนเหมือนกัน ยากที่จะต้านทานหญิงงาม

เหวินจงบ่นในใจ อีกทั้งจางเหม่ยเหรินนี้ก็ไร้ยางอาย ไปยั่วยวนฮ่องเต้ ส่วนฮ่องเต้ก็กล้าที่จะรับนาง…เฮ้อ การกระทำนี้ถือเป็นการดูถูกและข่มเหงท่านอ๋องอู๋อีกแบบ หญิงงามของเจ้าข้าอยากได้ก็ต้องได้

“ท่านอ๋อง ทิ้งเหม่ยเหรินคนเดียวเท่านั้น” เขาเกลี้ยกล่อม “เหม่ยเหรินทิ้งไว้ข้างตัวฝ่าบาท ดีต่อท่านอ๋องยิ่งกว่า”

ท่านอ๋องอู๋ถอนหายใจ “ข้าเข้าใจ จางเหม่ยเหรินบอกกับข้าแล้ว นางยอมใช้ความงามปรนนิบัติฝ่าบาท ช่วยข้าพูดต่อหน้าฝ่าบาท ไม่ให้ผู้อื่นใส่ร้ายข้า”

เหวินจงอดที่จะกลอกตาขาวไม่ได้ น้ำตาของหญิงงามเชื่อได้หรือ? หากไม่ได้รับสมบัติครึ่งตระกูลของจางเจี้ยนจวิน อีกทั้งคิดว่าหลงเหลือคนรู้จักไว้ข้างตัวฝ่าบาทจะมีผลประโยชน์ต่อตนเอง เขาคงต้องให้ท่านอ๋องอู๋ประหารนางจิ้งจอกนี้ทิ้งเสีย

“ท่านอ๋องเข้าใจก็ดีแล้ว” เขาพูด “เมืองโจวมีหญิงงามมากมาย ท่านอ๋องไม่เหงาอย่างแน่นอน”

“ข้าไม่ได้เป็นคนที่เย็นชาเพียงนั้น” ท่านอ๋องอู๋พูด ก่อนจะสั่งขันทีข้างตัว “ไปดูว่าจางเหม่ยเหรินกำลังทำอันใด”

เหวินจงขมวดคิ้ว “ท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านพบจางเหม่ยเหรินอีกไม่ได้แล้ว”

“ข้าไม่พบนาง ข้าแค่ถามว่านางทำอันใด ร้องไห้อยู่หรือไม่ รีบไปดู อย่าบอกว่าข้าให้พวกเจ้าไปก็พอแล้ว” ท่านอ๋องอู๋พูด กระทืบเท้าระบายความโกรธ “ตอนนี้ข้ายังคือท่านอ๋องอู๋!”

ขันทีรีบตอบรับก่อนจะวิ่งจากไป ไม่นานก็วิ่งกลับมา

“ท่านอ๋อง” เขาทำสีหน้าหวาดกลัว “คุณหนูรองเฉินมาพบจางเหม่ยเหริน”

คุณหนูรองเฉิน? เมื่อได้ยินชื่อนี้ ใจของท่านอ๋องอู๋และเหวินจงต่างเต้นระรัว นางมาทำอันใด!

แต่ก่อนไม่เคยใส่ใจ เพราะเมืองหลวงมีบุตรสาวขุนนางชั้นสูงจำนวนมาก แต่คุณหนูรองเฉินอายุเพียงนี้ แต่ละสิ่งที่ทำน่ากลัวยิ่งนัก

ตอนนี้คิดดู เพียงแค่นางปรากฏตัวย่อมไม่มีเรื่องดี นางปั่นป่วนทหารสังหารหลี่เหลียง นางเข้าพระราชวังใช้ปิ่นปักผมบังคับท่านอ๋องอู๋ นางนำฮ่องเต้เข้ามา ท่านอ๋องอู๋จึงกลายเป็นท่านอ๋องโจว อีกทั้งยังมีคุณชายตระกูลหยางที่ถูกส่งเข้าคุกหลวงหลังจากที่พบนาง…

นางมาพบจางเหม่ยเหรินด้วยเหตุใด

จางเหม่ยเหรินเองก็ฉงนอย่างยิ่ง จึงปฏิเสธการเข้าเฝ้าโดยอ้างว่าป่วย หากแต่เฉินตันจูบุกเข้ามา อายุของนางน้อยแต่มีกำลังมาก เหล่านางในไม่มีผู้ใดรั้งเอาไว้ได้ อีกทั้งถูกนางถีบออกไปหลายคน

นึกขึ้นได้แล้ว บิดาของนางเป็นแม่ทัพ คุณหนูรองเฉินเองก็ใช้มีดดาบเป็น

จางเหม่ยเหรินทำได้เพียงให้นางในพยุงเอาไว้ กระแอมไอด้วยความอ่อนเพลีย “คุณหนูรองเฉิน ขออภัยด้วย ข้าป่วยจริงๆ”

เฉินตันจูพินิจหญิงงามตรงหน้า นางและจางเหม่ยเหรินไร้ความสัมพันธ์กันเมื่อชาติก่อน ในความทรงจำเคยเห็นนางเต้นรำอยู่ในงานเลี้ยง จางเหม่ยเหรินงดงามจริง มิเช่นนั้นท่านอ๋องอู๋และฮ่องเต้คงไม่รักใคร่นาง

“ได้ยินว่าเหม่ยเหรินป่วย” นางพูด

ดังนั้นนางมาเยี่ยม? จางเหม่ยเหรินกลอกตาขาวอยู่ภายในใจ นางไม่คิดว่าตนเองจะมีความสัมพันธ์อันดีกับพี่น้องตระกูลเฉินได้

เฉินตันจูถามต่อ “ดังนั้นเหม่ยเหรินไม่ไปแล้ว พักรักษาตัวอยู่ในพระราชวังหรือ?”

เพื่อเรื่องนี้? จางเหม่ยเหรินยกแขนเสื้อกระแอมไอ ภายในหัวมีความคิดแล่นผ่าน เหม่ยเหรินของท่านอ๋องไม่ไปหมายความว่าอย่างไร ผู้ใดล้วนเดาได้ ดังนั้นเฉินตันจูรู้ว่านางกลายเป็นเหม่ยเหรินของฮ่องเต้ จึงมา…เชื่อมไมตรีกับนาง?

แต่มาเยี่ยมก็ไม่เห็นมีของขวัญ

“ใช่” จางเหม่ยเหรินพูด “ข้าดันป่วยในเวลานี้ ระยะทางไกลเช่นนั้น ไม่อาจทำให้ท่านอ๋องต้องเป็นกังวลไปตลอดทาง ดังนั้นจึงอยู่พักฟื้นในพระราชวัง ข้าไปกับท่านอ๋องไม่ได้ ภายในใจข้าเศร้าโศกยิ่งนัก”

นางพูดพลางปิดหน้าร้องไห้เสียงเบา

เฉินตันจูมองนาง “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้”

ฮะ? จางเหม่ยเหรินเปิดหน้ามองเฉินตันจู หมายความว่าอย่างไร

เฉินตันจูยกมุมปากขึ้น “ท่านป่วยเกรงกว่าตลอดทางท่านอ๋องจะกังวลใจ ดังนั้นจึงอยู่ต่อ แต่ท่านอ๋องไม่เห็นท่าน จะทำให้กังวลใจยิ่งกว่า”

จางเหม่ยเหรินปิดหน้าร้องไห้ขึ้นอีกครั้ง “ความผิดของข้าเอง…”

“ท่านอย่าร้องไห้เลย ในเมื่อท่านไม่อยากลำบากท่านอ๋อง” เฉินตันจูมองนาง “ข้ามีแผนหนึ่ง”

จางเหม่ยเหรินมองนางด้วยความสงสัย “แผนอันใด”

เฉินตันจูยิ้มให้นาง “ท่านฆ่าตัวตายเสีย”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท