บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 28 นั่งฟัง

ตอนที่ 28 นั่งฟัง

เฉินตันจูตอบรับก่อนจะถามต่อ “เจ้าซื้อข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนมาหรือไม่” 

 

 

อิงกูผงะ ก่อนจะส่งตะกร้าในมือออกมา “ซื้อแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

ถึงแม้ท่านอ๋องถูกขับไล่ออกจากพระราชวังจะเป็นเรื่องที่น่ากลัว แต่ภายในเมืองไม่ได้เกิดความโกลาหล คนยังพลุกล่านไปมา ร้านค้าก็ยังเปิดอยู่ ประตูเมืองก็ยังอนุญาตให้เข้าออก กิจการของร้านตระกูลหวังยังคงดีเหมือนเคย นางต่อแถวอยู่สักพักเพื่อซื้อข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียน…ด้วยเหตุนี้นางจึงฟังได้อย่างละเอียด 

 

 

เฉินตันจูรับมา ดีจริง ในที่สุดนางก็ได้กินข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนร้านตระกูลหวังอีกครั้ง 

 

 

“ท่านอ๋อง…” อิงกูถาม 

 

 

ท่านอ๋อง? ท่านอ๋องเพียงแค่ถูกขับไล่ออกจากพระราชวังเท่านั้น ดีกว่าชาติก่อนที่ถูกตัดหัวมากแล้ว เฉินตันจูใช้ช้อนเล็กตักข้าวเหนียวขึ้นมาหนึ่งคำ ลิ้มรสหอมหวานที่กระจายภายในปาก 

 

 

ชาติก่อนนางได้พบกับฮ่องเต้หลังท่านอ๋องอู๋ตาย ส่วนฮ่องเต้ต้องการให้ท่านอ๋องอู๋ตายหรือไม่ คำตอบคือแน่นอน 

 

 

เนื่องจากการแบ่งพื้นที่ศักดินาให้เหล่าองค์ชายของเกาจู่ในตอนนั้น ทำให้เหล่าท่านอ๋องมีอำนาจมาก จักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ไม่อาจควบคุมได้ คิดเรียกคืนสิทธิที่เคยให้ไป ถูกเหล่าท่านอ๋องก่อกวนจนทั้งเหน็ดเหนื่อยทั้งโกรธเคืองทั้งร้อนใจทั้งหวาดกลัว ทำให้มีโรคภัยติดพันและสวรรคตเมื่ออายุยังน้อย เหลือไว้เพียงองค์ชายสามที่ยังเด็ก แม้แต่รัชทายาทยังไม่ได้มีการแต่งตั้ง ดังนั้นเหล่าท่านอ๋องจึงเข้าเมืองหลวงเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์…เฮ้อ แค่คิดก็รู้ถึงความโกลาหน 

 

 

ฮ่องเต้องค์นี้ขึ้นครองราชย์ประสบอุปสรรคมากมาย หลังจากครองราชย์แล้ว ยังถูกท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลูชี้จมูกตำหนิว่าไม่เหมาะสมกับบัลลังก์ ฮ่องเต้ก้มหน้าไม่กล้าถกเถียง เพราะในมือมีเพียงกองกำลังเพียงแสนกว่า สุดท้ายร่ำไห้ร้องขอกับท่านอ๋องอู๋องค์ก่อน ท่านอ๋องโจว และท่านอ๋องฉี ให้คำมั่นมอบพื้นที่เมืองเยียนและเมืองหลูให้ทั้งสาม จึงทำให้เมืองโจว เมืองฉีและเมืองอู๋ยอมส่งกองกำลังบุกรุกเมืองเยียนและเมืองหลู 

 

 

หลังจากที่เมืองเยียนและเมืองหลูล่มสลาย แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่พอใจที่เพียงแค่ประหารท่านอ๋องเยียนและท่านอ๋องหลู เขาลากทั้งสองออกมาใช้ม้าทั้งห้าแยกร่าง ถึงแม้ล้วนบอกว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กโหดเหี้ยม แต่มันก็เป็นความแค้นของฮ่องเต้เช่นเดียวกัน 

 

 

หลังจากที่เมืองอู๋ล่มสลายเมื่อชาติก่อน เมืองโจวถูกกำจัดในเวลาต่อมา เหลือเพียงแต่เมืองฉี ท่านอ๋องฉีส่งโอรสเป็นตัวประกัน แต่ถึงกระนั้น ฮ่องเต้ยังคงใช้กองกำลังกับเมืองฉี ท่านอ๋องฉีถวายธิดาให้องค์ชายสามอีกคน 

 

 

องค์ชายสามมีโรคติดตัว หญิงสาวนี้ใช้สูตรลับเมืองฉีเฉือนเนื้อลงยา รักษาอาการป่วยขององค์ชายสามจนหายดี องค์ชายสามรักใคร่หญิงสาวนี้อย่างมาก คุกเข่าร้องขอต่อฮ่องเต้สามวัน ฮ่องเต้เอ็นดูรักใคร่องค์ชายสามจึงสั่งหยุดกองทัพ 

 

 

ต่อมาท่านอ๋องฉีสวรรคต แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ส่งรัชทายาทของท่านอ๋องฉีกลับไป เมืองฉีก็ไม่กล้าก่อการอันใด เหลือไว้เพียงแต่ชื่อเท่านั้น… 

 

 

เฉินตันจูนั่งอยู่บนก้อนหินด้านนอกอารามดอกท้อ มือยันไว้ที่คาง มองดูต้นหญ้าที่ไหวไปมา นึกถึงเรื่องเหล่านี้ ท่านอ๋องอู๋จะถูกประหารเหมือนเมื่อชาติก่อนหรือไม่ ฮ่องเต้คงจะเกลียดแค้นเหล่าท่านอ๋องมากเกินไป 

 

 

แต่นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่า ฮ่องเต้นำกองกำลังมาเพียงสามร้อยนาย ท่านอ๋องอู๋ยังถูกขับไล่ออกจากพระราชวังได้ ไม่กล้าทำอันใดเสียอย่างนั้น วิ่งหนีไปพักในจวนของขุนนาง ไร้ซึ่งอำนาจและบารมีของท่านอ๋องอู๋ 

 

 

หากท่านอ๋องอู๋องค์ก่อนยังอยู่ ถึงจะส่งคำเชิญออกไป ฮ่องเต้ก็คงไม่กล้าเข้ามา 

 

 

พลานุภาพของเมืองอู๋ต่อราชสำนักมาจากการที่ท่านอ๋องอู๋ใช้กองกำลังตีลงมา แต่ท่านอ๋องอู๋ในตอนนี้คงจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติ เมื่อมันผิดแปลกไป เขาก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร… 

 

 

“เฉินตันจู!” 

 

 

เสียงก้องของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านหน้า ขัดความคิดเหม่อลอยของเฉินตันจู นางเห็นชายหนุ่มอายุสิบเจ็ดสิบแปดวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว 

 

 

ชายหนุ่มสวมชุดยาว เท้าเหยียบรองเท้าไม้ รูปลักษณ์หล่อเหลา 

 

 

เฉินตันจูเหม่อลอยไปชั่วขณะ “พี่จิ้ง? ท่านมาหาข้าเร็วเพียงนี้?” 

 

 

นายน้อยรองหยางจิ้งแห่งไต้ฟูตระกูลหยางในเมืองอู๋ อายุน้อยกว่าเฉินตันหยางสองปี รูปลักษณ์อ่อนโยนกว่าเฉินตันหยาง เขาชื่นชอบการอ่านตำรา ส่วนเฉินตันหยางเป็นขุนศึก แต่ทั้งสองคนกลับเป็นสหายที่สนิทกันมาก แค่เพียงเฉินตันหยางอยู่จวน เขาก็มักจะเข้าออกพร้อมหยางจิ้ง เมื่อเฉินตันหยางไปค่ายทหาร หยางจิ้งก็มักจะขี่ม้าไปเยี่ยมเยือน 

 

 

เฉินตันจูมักติดตามพี่ชาย นางจึงย่อมคุ้นเคยกับหยางจิ้ง เมื่อเฉินตันหยางไม่อยู่จวน นางมักจะให้หยางจิ้งพานางออกไปเที่ยวเล่น อาจเป็นเพราะทั้งสองคนสนิทกัน ท่านพ่อและตระกูลหยางจึงคิดหารือเรื่องงานแต่ง รอเพียงแค่นางอายุเลยสิบหก…เสียดายที่รอคอยไม่ถึง ตระกูลเฉินก็ถูกประหาร เมืองอู๋ก็ล่มสลาย ตระกูลของหยางจิ้งถูกจับเข้าคุกหลวงเพราะการใส่ร้ายของหลี่เหลียง หยางจิ้งหนีรอดออกมาได้ จนกระทั่งพบกับนางอีกครั้งเมื่อสิบปีต่อมา ให้นางไปลอบสังหารหลี่เหลียง 

 

 

เฉินตันจูมองคุณชายอายุน้อยเดินเข้าใกล้ 

 

 

ตอนนั้นท่านพี่ถามนาง “เหตุใดเจ้าจึงชอบเล่นกับนายน้อยรองหยาง” 

 

 

นางพูด “เพราะพี่จิ้งหน้าตางดงาม” 

 

 

คุณชายตระกูลใหญ่ในเมืองอู๋สวมเสื้อผ้าประณีต กินอาหารรสเลิศ มีท่าทางกริยาเป็นอิสระในอีกรูปแบบ 

 

 

เมื่อเห็นหยางจิ้งเข้ามา อาเถียนที่อยู่ด้านข้างไม่ได้ลุกขึ้น นางเคยชินแล้ว ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนการสนทนาของพวกเขา โดยเฉพาะเวลานี้ 

 

 

ดวงตางดงามของเด็กหญิงจ้องมองตนเองไม่กะพริบ หัวใจหยางจิ้งอ่อนระทวย เขาถอนหายใจยาว “ข้ามาสายไป เพิ่งรู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น” 

 

 

เฉินตันจูยิ้มให้เขา อันที่จริงคำว่าเร็วที่นางพูด หมายถึงเร็วกว่าชาติก่อนที่เขามาหานางเมื่อสิบปีให้หลัง แต่ชาตินี้เขากลับมาเร็วถึงเพียงนี้ 

 

 

แต่ว่าชาตินี้ เมืองอู๋ยังอยู่ ตระกูลไต้ฟูปลอดภัย หยางจิ้งไม่ได้หนีตายอยู่ด้านนอกสิบปี เขาคงไม่ได้มาเพื่อหลอกใช้นางใช่หรือไม่ 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท