บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 46 เผชิญหน้า

ตอนที่ 46 เผชิญหน้า

ฆ่าตัวตาย? 

 

 

นางให้คนฆ่าตัวตาย? 

 

 

จางเหม่ยเหรินมองเฉินตันจูด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ นางไม่ได้ฟังผิดใช่หรือไม่ 

 

 

“ไม่ ท่านลองคิดดู ท่านป่วย ท่านอ๋องเป็นกังวลใจยากที่จะทิ้งท่านเอาไว้ หากท่านตายไป ถึงแม้ท่านอ๋องจะเสียใจ แต่ไม่ต้องเป็นกังวลทุกวัน” เฉินตันจูพูดกับนางอย่างจริงจัง “เหม่ยเหรินท่านเคยได้ยินหรือไม่ เจ็บยาวไม่สู้เจ็บสั้น หากท่านตาย ท่านอ๋องปวดใจ แต่ต่อจากนี้ไม่ต้องกังวลทุกวัน” 

 

 

จางเหม่ยเหรินฟังจนนิ่งอึ้ง นางในด้านข้างอ้าปากค้าง 

 

 

“เฉิน…เฉิน…” จางเหม่ยเหรินตะกุกตะกัก ชี้นิวไปยังเฉินตันจู มือขาวเรียวสั่นเทา “เจ้า…เจ้าเสียสติไปแล้วหรือ” 

 

 

เฉินตันจูทำหน้าไร้เดียงสา “ข้าเสียสติ? เหม่ยเหรินโทษตัวเองไม่อาจแบ่งปันความกังวลของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ วิธีนี้ไม่ดีหรือ ใจของเหม่ยเหรินที่มีต่อท่านอ๋องต้องถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์ไป ล่ำลือไปอีกยาวนาน” 

 

 

ผู้ใดต้องการประวัติศาสตร์กัน! ล่ำลืออันใดกัน! จางเหม่ยเหรินโกรธจนวิงเวียนก่อนจะโกรธจนตั้งสติได้ นางมองแม่นางที่ทำหน้าไร้เดียงสาตรงหน้า…สวรรค์เอ๋ย 

 

 

จางเหม่ยเหรินกุมหน้าอกเอาไว้ 

 

 

“เฉินตันจู!” นางกัดฟัน ดวงตาเรียวจ้องมองด้วยความโกรธ “เจ้าต้องการอันใด” 

 

 

เฉินตันจูก็กุมหน้าอกเอาไว้เช่นเดียวกัน 

 

 

“ข้าเป็นราษฎรของท่านอ๋อง ย่อมต้องมีใจทำเพื่อท่านอ๋อง” นางพูด “เหม่ยเหรินไม่ใช่หรือ” 

 

 

เพื่อท่านอ๋อง? นางมีใจเป็นราษฎรของท่านอ๋อง จางเหม่ยเหรินโกรธจนแทบเสียสติ 

 

 

“เฉินตันจู เจ้าคลำหัวใจของเจ้าดู เจ้ามีเขาบนหัวหรือไม่” นางออกแรงตบอก กัดฟังพูดเสียงต่ำ “หากมิใช่เจ้านำฝ่าบาทเข้ามา ท่านอ๋องจะมีวันนี้หรือ” 

 

 

เฉินตันจูตอบรับ ชี้นิ้วไปยังนาง “จางเหม่ยเหริน! ท่านหมายความว่าอย่างไร ท่านบอกว่าฝ่าบาททำร้ายท่านอ๋อง? ท่านกำลัง…สงสัยเกลียดแค้นฝ่าบาท?” 

 

 

จางเหม่ยเหรินหน้าซีดเผือด ลิ้นพันกัน “เจ้า…เจ้าพูดเหลวไหล ข้า ข้า…” 

 

 

เถียงสู้หญิงร้ายคนนี้ไม่ได้ จางเหม่ยเหรินตั้งสติขึ้นมาได้ นางจึงทำได้เพียงใช้วิธีที่แม่นางเชี่ยวชาญ…จางเหม่ยเหรินสะบัดมือทั้งสองข้าง ล้มลงกับพื้น 

 

 

นางในด้านข้างกระจ่าง มีคนเดินขึ้นหน้าตะโกนเรียกเหม่ยเหริน มีคนตะโกนเรียกให้คนเข้ามา 

 

 

ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูเดินจากไปเสียงเบา จู๋หลินยืนนิ่งไม่ขยับ…เขาตกใจกับคำพูดของเฉินตันจูอย่างมาก 

 

 

“ทำอันใด!” แม่ทัพหน้ากากเหล็กหันกลับมาพูด 

 

 

จู๋หลินตั้งสติกลับมาได้ มองดูเหล่านางในและขันทีที่วิ่งเข้ามาเนื่องจากนางในของจางเหม่ยเหรินตะโกนเสียงดัง เขารีบเดินตามแม่ทัพหน้ากากเหล็ก 

 

 

“ท่านแม่ทัพ ข้าไม่รู้ว่าคุณหนูตันจูเข้ามาเพื่อหาจางเหม่ยเหริน อีกทั้งยังให้จางเหม่ยเหรินไปตาย” 

 

 

เขารู้ว่าเฉินตันจูไม่ต้องการให้จางเจี้ยนจวินอยู่ เขาคิดว่าเฉินตันจูมาหาแม่ทัพหน้ากากเหล็กเพื่อพูดเรื่องนี้ ไม่คิดว่าเฉินตันจูจะมุ่งตรงมายังจางเหม่ยเหริน มาพูดให้จางเหม่ยเหรินไปตาย…คิดได้อย่างไร 

 

 

“จะคิดอย่างไรได้” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “เมื่อเห็นว่าจางเจี้ยนจวินอยู่ต่อเพราะเหม่ยเหรินถวายตัวให้ฮ่องเต้” 

 

 

ดังนั้นเพื่อจัดการจางเจี้ยนจวิน ก็ย่อมต้องจัดการจางเหม่ยเหริน 

 

 

สีหน้าของจู๋หลินเป็นกังวลเล็กน้อย “ท่านแม่ทัพ ข้าไม่ได้บอกคุณหนูตันจูเรื่องนี้” 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กโบกมือต่อเขา “นางไม่ต้องให้เจ้าบอก…เจ้าไปเถิด” 

 

 

จู๋หลินตอบรับ ลูบคลำหัวก่อนจะถอยลงไป แม่ทัพหน้ากากเหล็กกลับไปยังตำหนักของตนเอง หวังเจียนนั่งอยู่ในตำหนักเผชิญหน้ากับหนังสือม้วนเป็นโต๊ะ พลิกดูอย่างเหน็ดเหนื่อย 

 

 

“เวลาวุ่นวายเพียงนี้ ท่านแม่ทัพไปทำอันใดอีก” เขาบ่น 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กนั่งลง “ไปดูเรื่องสนุก” 

 

 

หวังซินแสไม่พอใจอย่างยิ่ง “เวลานี้มีเรื่องสนุกอันใดให้ดู” 

 

 

อย่างมากก็แค่เรื่องของขุนนางและท่านอ๋องเมืองอู๋ 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ตอบ เพียงแต่หัวเราะออกมา อีกทั้งยิ่งหัวเราะยิ่งเสียงดังขึ้นอีก 

 

 

“เฉินตันจู…” เขาพลางหัวเราะพลางพูด เสียงชราฟังได้ไม่ชัดมากนัก ราวกับมีบางอย่างกลิ้งไปมาในลำคอ “เฉินตันจู น่าขันอย่างยิ่ง” 

 

 

หวังซินแสทำหน้าตกใจ เขามองแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่หัวเราะร่า น่ากลัวเสียเหลือเกิน กี่ปีแล้ว ครั้งแรกที่เห็นท่านแม่ทัพหัวเราะขนาดนี้ 

 

 

ฮ่องเต้รับรู้เรื่องของจางเหม่ยเหริน ท่านอ๋องอู๋พาเหวินจงและจางเจี้ยนจวินที่อยู้ในพระราชวังเดินทางมา ฮ่องเต้นั่งอยู่บนบัลลังก์ มองดูจางเหม่ยเหรินตรงหน้า จางเหม่ยเหรินพิงอยู่บนตัวของนางใน เสื้อผ้าบางเบา ผมเผ้าแผ่สยาย ปิ่นทองเหมือนจะล่วงลงมา ดุจดั่งน้ำตาข้างแก้ม นางเปรียบผ้าพับอยู่ถูกดึงขึ้นมาจากบนเตียง น่าสงสารยิ่งนัก… 

 

 

สายตาของท่านอ๋องอู๋จับจ้องไปบนตัวของจางเหม่ยเหริน…ไม่พบหลายวัน เหม่ยเหรินผอมลงอีกแล้ว อีกทั้งเวลานี้ยังร้องไห้ไม่หยุด เฮ้อ หากเหวินจงไม่ได้นั่งทับเสื้อของเขาอยู่ เขาต้องเดินไปถามไถ่อย่างละเอียด 

 

 

“เกิดอันใดขึ้น” มีเหม่ยเหรินอยู่ เสียงของฮ่องเต้เบาลงเล็กน้อย 

 

 

จางเหม่ยเหรินดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของนางใน ร้องไห้ “ฝ่าบาท คุณหนูตันจูให้ข้าไปตาย” 

 

 

ฮะ? ทุกสายตาในตำหนักมองไปยังอีกคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างจางเหม่ยเหริน แม่นางตัวเล็กในชุดกระโปรงมัดอกสีเหลือง…ใจกล้ายิ่งนัก แต่ว่า…เฉินตันจูใจกล้าจริงๆ 

 

 

“คุณหนูตันจู มีเรื่อง…” ฮ่องเต้ถามพลางขมวดคิ้ว 

 

 

ยังพูดไม่ทันจบ เฉินตันจูก็ร่ำไห้ขึ้นมา “ฝ่าบาท จางเหม่ยเหรินใส่ร้ายข้า!” 

 

 

แม่นางร้องไห้เสียงดัง ข่มเสียงสะอึกของจางเหม่ยเหริน จางเหม่ยเหรินโกรธจนชะงักไป 

 

 

“เฉินตันจู!” นางตะโกนเสียงดัง “เจ้ากล้าพูดสิ่งที่เจ้าพูดกับข้าต่อหน้าฝ่าบาทอีกรอบหรือไม่” 

 

 

น้ำตาในเบ้าตาของเฉินตันจูไหล “เจ้ากล้าด่าข้าต่อหน้าฝ่าบาทอีกรอบหรือไม่” 

 

 

จางเหม่ยเหรินโกรธจนแทบเป็นลมล้มไป แสร้งทำตัวน่าสงสารอันใดกัน! 

 

 

สายตาของคนในตำหนักวนเวียนอยู่บนตัวพวกนางทั้งสองคน อ้อ…แม่นางทะเลาะกัน 

 

 

ทั้งสองคนไม่มีใครยอมพูด เหล่านางในที่อยู่ในเหตุการณ์จึงต้องเป็นผู้พูด เหล่านางในพูดเฉพาะสิ่งที่พูดได้ก็คือได้ยินว่าจางเหม่ยเหรินป่วยไม่อาจติดตามท่านอ๋องไปได้ คุณหนูตันจูจึงให้จางเหม่ยเหรินฆ่าตัวตาย เพื่อท่านอ๋องไม่ต้องเป็นกังวล 

 

 

หลังจากที่ได้ยิน สีหน้าของเหล่าผู้ชายในตำหนักต่างแปลกประหลาด กระจ่างถึงจุดประสงค์แท้จริงที่เฉินตันจูให้จางเหม่ยเหรินตาย…แค่รู้ว่าจางเหม่ยเหรินอยู่พักฟื้นเพื่ออันใดก็กระจ่างใจแล้ว 

 

 

ท่านอ๋องอู๋ที่จ้องมองจางเหม่ยเหรินอยู่ตลอดเวลาก็หันมามองเฉินตันจู ถึงแม้เขาจะไม่ชอบแม่นางตรงหน้า แต่เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ ก็แอบรู้สึกสะใจไม่น้อย…หากจางเหม่ยเหรินตายไป ก็ทำได้เพียงอยู่ในใจของเขาคนเดียวแล้ว 

 

 

ไม่คิดว่าเฉินตันจูจะยืนออกมา 

 

 

คนจำนวนมากเพียงนี้ รวมไปถึงเหวินจงที่ซื่อสัตย์ล้วนเกลี้ยกล่อมให้เขายกจางเหม่ยเหรินให้ฮ่องแต้ 

 

 

สายเลือดของท่านมหาราชครูเฉินจงรักภักดีต่อเขาเท่านั้น 

 

 

ท่านอ๋องอู๋ดีใจเล็กน้อย แต่สีหน้าของคนอื่นในตำหนักย่ำแย่ยิ่งนักรวมไปถึงฮ่องเต้ 

 

 

ตอนที่เห็นเฉินตันจู จางเจี้ยนจวินใช้สายตาสังหารนางไปหลายร้อยรอบแล้ว แม่นางคนนี้ แม่นางคนนี้อีกแล้ว…แย่งโอกาสที่เขาจะชักนำสายให้ฮ่องเต้ ทำลายอนาคตของเขา ตอนนี้จะฆ่าบุตรสาวของเขา ทำลายอนาคตของเขาอีกครั้ง 

 

 

เขากับคนแซ่เฉินไม่อาจอยู่ร่วมกันได้! 

 

 

“เฉินตันจู เหตุใดเจ้าจึงบีบบังคับให้บุตรสาวของข้าต้องตาย เจ้าและข้ารู้ดีแก่ใจ” หลังจากที่นางในพูดจบ เขาพุ่งออกมาคนแรก ตะโกนด้วยความโกรธเคือง ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าฮ่องเต้ พูดด้วยความโศกเศร้า 

 

 

“ฝ่าบาท ข้าและท่านมหาราชครูเฉินมีความเข้าใจผิด เฉินตันหยางบุตรแห่งท่านมหาราชครูเฉินตายในสงคราม ท่านมหาราชครูเฉินใส่ร้ายข้าว่าข้าทำให้บุตรชายของเขาตาย ฟ้องข้าต่อหน้าท่านอ๋อง ถอนข้าออกจากกองทัพ คิดจะทำให้ข้าตาย” 

 

 

ฮ่องเต้ตอบรับ “ข้ารู้เรื่องของเฉินตันหยาง แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับใต้เท้าจางด้วยหรือ” 

 

 

เฉินตันหยางบุตรแห่งท่านมหาราชครูเฉินตายในสงครามกับราชสำนัก ผลงานของราชสำนักย่อมต้องรายงาน ฮ่องเต้ย่อมต้องรู้ 

 

 

แต่การตายของเฉินตันหยาง ควรเศร้าโศกหรือดีใจ? ทำตัวไม่ถูกเสียจริง 

 

 

ย่อมต้องเป็นคนแซ่เฉินที่ทำตัวไม่ถูก จางเจี้ยนจวินแอบดีใจ 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท