อันที่จริงนางไม่โทษที่หยางจิ้งหลอกใช้ตนเอง
ชายหนุ่มที่ร่ำรวยไร้ความกังวลต้องประสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ สูญเสียทั้งตระกูลสูญเสียทั้งเมือง หนีตายอยู่ด้านนอกสิบปี หัวใจของเขาถูกลับจนแข็งกระด้าง เขาโกรธแค้นตระกูลเฉิน คิดว่าตระกูลเฉินเป็นคนบาปก็ไม่น่าแปลก
เฉินตันจูเชิญเขานั่งลง “เรื่องที่ข้าทำยากต่อการยอมรับของท่านพ่อ ข้าเข้าใจ แต่ในเมื่อข้าตัดสินใจทำเรื่องนี้ ข้าย่อมต้องคิดถึงผลที่ตามมาได้”
หยางจิ้งนั่งลงอยู่ข้างตัวนาง พูดเสียงเบา “ข้ารู้ เจ้าถูกคนของราชสำนักข่มขู่หลอกลวง”
คงมีคนจำนวนมากคิดเช่นนี้ เนื่องจากการสังหารหลี่เหลียงของนางเป็นการตีหญ้าให้งูตื่น นางจึงถูกคนของราชสำนักจับได้ หลังจากที่ถูกอีกฝ่ายทั้งโน้มน้าวทั้งหลอกลวงทั้งข่มขู่…มิเช่นนั้นเด็กหญิงอายุสิบห้าจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร
เฉินตันจูยังไม่โง่เขลาจนปฏิเสธ เช่นนี้ก็ดี
นางก้มหน้าพูดด้วยความน้อยใจ “พวกเขาบอกว่าเช่นนี้จะไม่ต้องเกิดสงคราม จะไม่มีคนตาย เดิมทีราชสำนักและเมืองอู๋ก็เป็นตระกูลเดียวกัน”
เด็กหญิงก็คือเด็กหญิง หยางจิ้งคิด วันปกติคุณหนูรองเฉินขี่ม้ายิงธนูท่าทางดุดัน แต่อันที่จริงไม่มีความกล้าอันใด ถึงแม้จะบอกว่านางเป็นผู้สังหารหลี่เหลียง แต่คงจะเป็นองครักษ์ที่นางพาไปเป็นคนลงมือ อย่างมากนางก็แค่ยืนมองอยู่ด้านข้าง
แม่หญิงพึ่งพาไม่ได้เสียจริง เฉินตันเหยียนหาเขยเช่นนี้ คุณหนูรองเฉินทำเรื่องเช่นนี้อีก เฮ้อ ภายในใจของหยางจิ้งยิ่งเศร้าโศก ทั้งตระกูลเฉินมีเพียงท่านมหาราชครูและพี่ตันหยางที่พึ่งพาได้ เสียดายพี่ตันหยางตายแล้ว
“อาจู แต่เช่นนี้ ท่านอ๋องก็ถูกเหยียดหยามแล้ว” เขาถอนหายใจ “ท่านมหาราชครูโกรธเคืองเจ้าก็เพราะเรื่องนี้ เจ้ายังไม่รู้ใช่หรือไม่”
เฉินตันจูเงยหน้าขึ้นมองเขา สายตาหลบหลีกอย่างเกรงกลัว “รู้เรื่องอันใด”
หยางจิ้งพูด “เมื่อคืนท่านอ๋องถูกฝ่าบาทขับไล่ออกจากพระราชวัง”
ดังนั้น? เฉินตันจูหัวเราะภายในใจ นางเป็นคนทำให้ท่านอ๋องถูกเหยียดหยาม? ขุนนางชั้นสูงจำนวนมากล้วนอยู่ในเหตุการณ์ องครักษ์หลวงจำนวนมากเพียงนั้น สนมขันทีจำนวนมากเพียงนั้น ล้วนถูกเหยียดหยามเพราะนาง?
หยางจิ้งในชาตินี้ไม่ได้ประสบกับการสูญเสียตระกูล เหตุใดจึงมองนางเช่นนี้
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ได้” นางถามอย่างตกตะลึง ลุกขึ้นยืน “เหตุใดฝ่าบาทจึงทำเช่นนี้”
หยางจิ้งพูด “ฝ่าบาทใส่ร้ายท่านอ๋องว่าส่งคนไปลอบสังหารเขา แสดงว่าเขารับท่านอ๋องไม่ได้แล้ว เขาเป็นฮ่องเต้ คิดจะรังแกท่านอ๋องก็รังแกท่านอ๋อง เฮ้อ…”
เฉินตันจู “ท่านอ๋องล่ะ ไม่มีใครไปซักถามฝ่าบาทหรือ”
หยางจิ้งสีหน้าระอา “อาจู ท่านอ๋องเชิญฝ่าบาทเข้าเมืองอู๋คือการปฏิบัติตามหนทางแห่งความเป็นขุนนาง ข่าวแพร่กระจายออกไปแล้ว ตอนนี้ท่านอ๋องไม่อาจขัดขืนโอรสสวรรค์ได้ ยิ่งไม่อาจขับไล่เขาได้ ฝ่าบาทกำลังรอท่านอ๋องกระทำเช่นนี้ จากนั้นให้ท่านอ๋องแบกรับข้อครหา ใส่ร้ายท่านอ๋อง เจ้ายังเด็ก เจ้าไม่เข้าใจ…”
ใช่ นางไม่เข้าใจ แค่เพียงคำว่าไม่กล้าสามารถอ้างเหตุผลมากมายเพียงนี้ออกมาได้ เฉินตันจูมอง
หยางจิ้ง นี่เป็นความคิดของเขาเอง หรือว่าถูกคนสั่งมา
“เช่นนั้น ทำอย่างไรดี” นางถาม
“แก้ปมยังต้องใช้คนมัดปม” หยางจิ้งพูด “เจ้าเป็นราชทูตต้อนรับฝ่าบาทแทนท่านอ๋อง เวลานี้เจ้าเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการโน้มน้าวให้ฝ่าบาทออกจากพระราชวัง”
เฉินตันจูลังเล “ฝ่าบาทจะยอมฟังข้าหรือ”
“อาจู ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนให้ฝ่าบาทนำกำลังเพียงสามร้อยเข้าเมืองอู๋ อีกทั้งยังบอกอีกว่าหากฝ่าบาทไม่ยอมต้องข้ามศพเจ้าไปก่อน” หยางจิ้งยื่นมือเขย่าไหล่ของเฉินตันจู ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม “อาจู เจ้ากล้าหาญเหมือนพี่ตันหยาง”
เฉินตันจูยืดลำตัวเล็กขึ้น “พี่ชายข้ากล้าหาญจริงๆ”
หยางจิ้งพยักหน้า พูดด้วยความโศกเศร้า “ใช่ พี่ตันหยางตายอย่างน่าเสียดาย อาจู ข้ารู้ว่าเจ้าเดินทางไปแนวหน้าอย่างไม่หวาดกลัวเพราะพี่ตันหยาง พี่ตันหยางไม่อยู่แล้ว ตระกูลเฉินมีเพียงเจ้าแล้ว”
เฉินตันจูก้มหน้าต่ำ “ไม่รู้ว่าเรื่องที่ข้าทำ พี่ชายที่อยู่ข้างล่างจะโกรธหรือไม่”
“อาจู เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้า แต่ราชสำนักร้ายกาจเกินไป” หยางจิ้งพูดเสียงเบา “แต่ว่าตอนนี้หากเจ้าทำให้ฝ่าบาทออกจากพระราชวังได้ ก็ย่อมเป็นการไถ่โทษ พี่ตันหยางที่อยู่ด้านล่างย่อมต้องเห็น ท่านมหาราชครูย่อมต้องเห็นเจตนาของเจ้า ท่านจะไม่กล่าวโทษเจ้าอีก อีกทั้งท่านอ๋องก็จะไม่กล่าวโทษท่านมหาราชครู เฮ้อ ท่านอ๋องกักขังท่านมหาราชครูเอาไว้ อันที่จริงก็เป็นเพราะความเข้าใจผิด ไม่ได้กล่าวโทษท่านมหาราชครูจริงๆ”
ท่านพ่อถูกขังเอาไว้เพราะห้ามไม่ให้ฮ่องเต้เข้าเมืองอู๋ไม่ใช่หรือ เหตุใดตอนนี้จึงกลายเป็นเพราะนางเชิญฮ่องเต้เข้ามา เฉินตันจูยิ้ม ดังนั้นคนเราต้องมีชีวิตอยู่ หากตายไป คนอื่นคิดจะพูดอย่างไรย่อมได้
“ได้” นางพยักหน้า “ข้าจะไปพบฝ่าบาท”
หยางจิ้งยิ้ม “อาจูเก่งเสียจริง”
แต่ก่อนตอนที่นางออกไปเที่ยวเล่นกับเขา ไม่ว่าจะเป็นการขี่ม้ายิงธนูหรือเรื่องอื่นๆ เขามักจะชมนางเช่นนี้ นางดีใจทุกครั้งที่ได้ยิน รู้สึกสนุกทุกครั้งที่เที่ยวเล่นกับเขา ตอนนี้นึกย้อนไป อันที่จริงคำชมเหล่านั้นไม่มีความหมายพิเศษอันใด เป็นเพียงแค่คำหลอกเด็ก
หยางจิ้งไม่ได้มามือเปล่า เขานำสิ่งของเครื่องใช้ของเด็กหญิงมาด้วยจำนวนมาก ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ อีกทั้งยังมีขนมและผลไม้ที่เฉินตันจูชอบกิน กองไว้เต็มโต๊ะ นอกจากนี้ยังกำชับเหล่าสาวรับใช้ให้ดูแลคุณหนูให้ดี ก่อนจะจากไป
เฉินตันจูและอาเถียนยืนส่งอยู่บริเวณไหล่เขา
“นายน้อยจิ้งดีจริง คิดถึงคุณหนู” อาเถียนพูดอย่างดีใจ “มิน่าคุณหนูถึงชอบนายน้อยจิ้ง”
แต่ก่อนคุณหนูใหญ่เคยหยอกล้อคุณหนูรองเช่นนี้ คุณหนูรองก็พูดอย่างเปิดเผยว่านางชอบนายน้อยจิ้ง
แต่ครานี้เฉินตันจูส่ายหัว “ข้าไม่ได้ชอบเขา”
ก่อนหน้านี้นางเคยคิดว่าตนเองชอบหยางจิ้ง แต่อันที่จริงแล้วนางเห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงเพื่อนเล่นในวัยเด็ก จนกระทั่งนางได้พบเจอกับอีกคน ถึงได้รู้ว่าความชอบที่แท้จริงคืออันใด
เฉินตันจูตื่นเต้นขึ้นมา ชาตินี้นางจะได้พบกับเขาอีกหรือไม่…