บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 49 ตัดสิน

ตอนที่ 49 ตัดสิน

เฮอะ…นางกล้าพูดเสียจริง! 

 

 

ฮ่องเต้ยิ้มเย็นยะเยือก “ข้าบอกว่าขอบคุณเจ้า เจ้ากล้ารับเสียจริง เจ้าคิดว่าข้าเป็นฮ่องเต้วันแรกหรือ ราชสำนักของข้าไม่มีขุนนางหรือ ไม่เคยกินยาจึงไม่รู้ว่ายาดีมักมีรสขม?” ฮ่องเต้พูดจบก็ตบพนักเก้าอี้ “เฉินตันจู เจ้ารู้ผิดหรือไม่!” 

 

 

เฉินตันจูก้มลง “หม่อมฉันรู้ผิด” 

 

 

เสียงของฮ่องเต้ดังขึ้นจากด้านบน “พูด” 

 

 

เฉินตันจูก้มหน้ามองเข่าของตนเอง “อันที่จริงก็เป็นดั่งที่พวกเขาพูด ตระกูลของหม่อมฉันมีความแค้นกับตระกูลของจางเหม่ยเหริน หม่อมฉันไม่ต้องการให้ตระกูลของนางมีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย” 

 

 

ฮ่องเต้ตอบรับ 

 

 

“เรื่องที่พี่ชายของเจ้าตาย” เขามองหญิงสาวที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า “หากพูดเช่นนี้ ข้าก็เป็นศัตรูของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องการให้ข้ามีชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย” 

 

 

เฉินตันจูก้มหน้าอยู่จึงมองไม่เห็นสีหน้าของฮ่องเต้ แต่สามารถรับรู้ได้ถึงสายตาเย็นชา 

 

 

ครั้งก่อนแม่ทัพหน้ากากเหล็กเรียกนางเข้าวัง บอกว่าให้โอกาสนางได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาท แต่อันที่จริงฝ่าบาทไม่มีทางเชื่อใจนาง เหมือนหลี่เหลียงเมื่อชาติก่อน ถึงแม้จะโจมตีเมืองอู๋สังหารท่านอ๋องอู๋ อีกทั้งกำจัดกองกำลังที่เหลือของท่านอ๋องอู๋เพื่อฮ่องเต้…แต่ฮ่องเต้ไม่เชื่อใจเขา เพียงแค่ใช้เขาเท่านั้น 

 

 

ชาตินี้ ฮ่องเต้ก็ทำเช่นเดียวกันกับนาง 

 

 

นางนำราชทูตของราชสำนักข่มขู่ท่านอ๋องอู๋ เชิญฮ่องเต้เข้ามา ทำให้ฮ่องเต้ได้เปรียบ โจมตีท่านอ๋องโจวให้พ่ายแพ้ อีกทั้งลบเมืองอู๋ออกจากต้าเซี่ย…แต่ในสายตาของฮ่องเต้ครั้งนี้นางทรยศท่านอ๋องอู๋ได้ ครั้งหน้าย่อมทรยศฮ่องเต้ได้ 

 

 

ขุนนางทรยศล้วนเป็นเช่นนี้มาแต่โบราณ เฉินตันจูไม่น้อยใจแต่อย่างใด นางเป็นผู้เลือกเองย่อมต้องแบกรับผลที่ตามมา นางไม่ต้องการความเชื่อใจจากฮ่องเต้ ดังนั้นฮ่องเต้ไม่เชื่อใจนาง นางก็ไม่เกรงกลัง 

 

 

นางส่ายหัวทันที “ฝ่าบาท ไม่ถือว่าใช่” 

 

 

ฮ่องเต้ถาม “เหตุใดข้าไม่ถือว่าใช่ อย่าบอกข้าว่าถึงแม้เจ้าจะเป็นขุนนางอู๋ แต่ก็เป็นราษฎรของต้าเซี่ย เป็นราษฎรของโอรสสวรรค์ พี่ชายเจ้าเผชิญกองกำลังของข้า ถือเป็นการขัดขืน เป็นโทษที่สมควรได้รับ…คำพูดเหล่านี้เจ้าล้วนไม่ต้องพูด” 

 

 

คำพูดเหล่านี้คุ้นหูยิ่งนัก เฉินตันจูครุ่นคิด ฮ่องเต้พูดเก่งเสียจริง เขาล้วนพูดหมดแล้ว นางย่อมไม่ต้องพูด… 

 

 

“ฝ่าบาท” นางยังมีสิ่งอื่นที่พูดได้ “ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ทหารของฝ่าบาทกับพี่ชายหม่อมฉัน ยังไม่ต้องพูดถึงความถูกต้อง ไม่ต้องพูดถึงกษัตริย์กับขุนนาง เวลานั้นเป็นสงครามของทั้งสองฝ่าย ศัตรูเผชิญหน้าย่อมมีแพ้ชนะ มีเป็นมีตาย ฝีมือสู้ไม่ได้พ่ายแพ้เป็นเรื่องของตนเอง ตระกูลเฉินของหม่อมฉันไม่เคยโกรธแค้นที่ศัตรูแข็งแกร่งกว่า แต่จางเจี้ยนจวิน…” 

 

 

เธอเงยหน้าขึ้น กำมือแน่น กัดริมฝีปากล่าง สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น 

 

 

“เขาเป็นคนฝั่งเดียวกัน พี่ชายของหม่อมฉันเห็นเขาเป็นสหาย มอบความปลอดภัยด้านหลังให้เขา แต่เขากลับทิ่มแทงจากด้านหลัง ทำร้ายพี่ชายหม่อมฉัน ย่อมเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันได้ หม่อมฉันเห็นเขาเป็นเช่นนั้น เขาย่อมเห็นหม่อมฉันเป็นเช่นนั้น พวกเราต่างต้องการกำจัดกันและกัน ฝ่าบาท เขารังแกหม่อมฉันต่อหน้าท่านอ๋องอู๋เพราะอาศัยจางเหม่ยเหรินที่ได้รับการโปรดปรานจากท่านอ๋องอู๋ หากฝ่าบาทก็โปรดปรานจางเหม่ยเหริน ตระกูลของจางเจี้ยนจวินจะอวดอ้างอำนาจอีกครั้ง พวกเขาย่อมต้องรังแกตระกูลของหม่อมฉัน ตระกูลหม่อมฉันจะอยู่ได้อย่างไร…” 

 

 

หญิงสาวยิ่งพูดยิ่งดุเดือด น้ำตาคลออยู่ภายในดวงตา… 

 

 

ฮ่องเต้กระแอมไอ “อย่าได้บอกว่าข้าโปรดปราน ไม่มีเรื่องนี้ อย่าใส่ร้ายข้า” 

 

 

เฉินตันจูนั่งลง ก้มหน้าตอบรับ “หม่อมฉันผิดไปแล้ว” 

 

 

ฮ่องเต้มองหญิงสาวที่นั่งอย่างเชื่อฟัง พูดขึ้น “เวลานี้ไม่ยืนกรานว่าข้าผิด แต่เจ้าเป็นผู้ผิด? ต้องการให้ข้าลงโทษเจ้า เพื่อให้เจ้ามีชื่อขุนนางผู้จงรักภักดีของท่านอ๋องอู๋ดังปรารถนา?” 

 

 

เฉินตันจูก้มหน้า “หม่อมฉันกล้ารับผิด มิใช่ไม่เกรงกลัวการลงโทษหรือต้องการชื่อเสียงดีอันใด” 

 

 

ฮ่องเต้ถาม “เช่นนั้นเพื่ออะไร” 

 

 

เฉินตันจูเงยหน้ามองฮ่องเต้ที่อยู่บนราชบัลลังก์ “เพราะว่าหม่อมฉันเผชิญหน้ากับฝ่าบาท” 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวังไต้ฟูที่อยู่ด้านนอกตำหนักอดดึงแขนเสื้อของแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้ พูดขึ้นเสียงเบา “มาแล้วๆ เริ่มอีกแล้ว…” 

 

 

กลอุบายนี้เคยใช้กับแม่ทัพหน้ากากเหล็ก หญิงสาวตรงหน้าเริ่มหลอกคนอีกแล้ว! 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กสะบัดมือของเขาออก พูดเสียงเบา “หุบปาก อย่าโวยวาย…” 

 

 

ภายในตำหนักมีเสียงกระแอมของฮ่องเต้ดังขึ้น 

 

 

“หมายความว่าอย่างไร” เขาขมวดคิ้ว “เจ้าหมายความว่าข้ารังแกง่ายหรือพูดง่าย?” 

 

 

เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่ใช่ หม่อมฉันหมายความว่าฝ่าบาทเป็นผู้มีจิตใจโอบอ้อมแผ่นดิน ฝ่าบาทไม่ใช่ผู้ที่จะลงโทษผู้อื่นเพียงเพราะเหม่ยเหรินคนเดียว หรือคำซักถามเพียงไม่กี่คำ ดังนั้นหม่อมฉันจึงกล้ายโสต่อหน้าฝ่าบาท อีกทั้งกล้ารับผิดต่อหน้า เพราะฝ่าบาทยุติธรรม” 

 

 

ฮ่องเต้ผงะ เขามองหญิงสาวตรงหน้าที่ไร้ท่าทางโกรธเคืองเศร้าโศกหรือแสร้งร้องไห้เหมือนก่อนหน้านี้ สายตาของนางอ่อนโยน มุมปากมีรอยยิ้มบางเบาเหมือนนั่งอยู่ในแสงแดดแห่งฤดูใบไม้ผลิ ผ่อนคลาย ดีใจ… 

 

 

“เฉินตันจูเอ๋ยเฉินตันจู” ฮ่องเต้พูด ก่อนจะหัวเราะออกมา จากนั้นสะบัดมือ “ไปเถิด!” 

 

 

เฉินตันจูเผยรอยยิ้มกว้างออกมา นางไม่ได้พูดหรือถามอะไรมาก ก้มกราบอย่างคล่องแคล่ว “ขอบพระทัยฝ่าบาท” นางลุกขึ้นยกกระโปรงถอยออกไปด้านนอก หลังจากผ่านพ้นประตูมาจึงหันหลังวิ่งออกไป 

 

 

หวังไต้ฟูมองนางวิ่งลงบันไดไปราวกับกวางน้อย… 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กเดินเข้าตำหนักใหญ่ มองฮ่องเต้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ด้วยสีหน้าแปลกประหลาด 

 

 

“ฝ่าบาท” เขาพูด “ทำให้นางตกใจด้วยเหตุใด” 

 

 

คำพูดเหมือนซักถาม หวังไต้ฟูชะงักเท้าอยู่ด้านนอกตำหนัก ไม่เดินเข้าไปอีก ได้ยินเสียงฮ่องเต้ดังออกมาจากด้านใน 

 

 

เสียงของฮ่องเต้เจือปนไปด้วยอารมณ์ดี ไม่เคร่งขรึมเหมือนก่อนหน้านี้ “ข้าแค่สงสัย อยากดูว่าหญิงสาวนี้หลอกคนเก่งจริงหรือไม่” 

 

 

เสียงของแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังคงแหบพร่าเหมือนเคย ฟังอารมณ์ไม่ออก “ฝ่าบาทเห็นว่าอย่างไร” 

 

 

เสียงฮ่องเต้หัวเราะร่า “หลอกคนเก่งเสียจริง” 

 

 

 

 

 

เฉินตันจูวิ่งไปตลอดทาง แต่ยังไม่ทันได้วิ่งออกจากพระราชวัง นางก็ถูกเหวินจงและจางเจี้ยนจวินที่ออกมาก่อนรั้งเอาไว้ ท่านอ๋องอู๋ก็อยู่ด้านใน จางเหม่ยเหรินกลับไปแล้ว 

 

 

เมื่อเห็นเฉินตันจูเดินออกมาอย่างปลอดภัย สีหน้าของทุกคนทั้งผ่อนคลายทั้งผิดหวัง…ฮ่องเต้ไม่โกรธ พวกเขาไม่เดือดร้อน เฮ้อ น่าเสียดาย เหตุใดฮ่องเต้ไม่ประหารนางเสีย 

 

 

เฉินตันจูคารวะต่อท่านอ๋องอู๋ 

 

 

ท่านอ๋องอู๋พูด “เฉินตันจู เจ้าบุ่มบ่ามเกินไป เกือบจะทำให้ข้าเดือดร้อน” 

 

 

เฉินตันจูหลุบตาต่ำน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ข้าทำเพื่อท่าน…” 

 

 

อีกแล้ว! เหวินจงพูดขัดเฉินตันจู “คุณหนูรองเฉิน เจ้าคิดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรม?” 

 

 

เฉินตันจูเงยหน้าขึ้น สายตาและน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ข้าไม่รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้าแค่รู้สึกไม่เป็นธรรมแทนท่านอ๋อง” 

 

 

ท่านอ๋องอู๋กระแอมไอเสียงเบา “เฉินตันจู ข้ารู้ว่าเจ้าภักดี…” 

 

 

จางเจี้ยนจวินเรียกขานท่านอ๋อง “ท่านอย่าได้ถูกนางหลอก!” สีหน้าของเขาสิ้นหวัง สายตาที่มองเฉินตันจูเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวด “เฉินตันจู เจ้าต้องการอันใด ลูกข้าป่วยเช่นนั้น เจ้าต้องการให้นางตายอยู่ระหว่างทางหรือ เจ้าช่างโหดเหี้ยมเสียเหลือเกิน!” 

 

 

“ในฐานะขุนนางของท่านอ๋อง อย่าว่าแต่ป่วย ถึงแม้จะตาย โลงศพก็ต้องติดตามท่านอ๋องไป!” เฉินตันจูมองเขา “ข้าต้องการอันใด ข้าต้องการทำเพื่อท่านอ๋อง!” 

 

 

จางเจี้ยนจวินแทบจะกระอักเลือดออกมา 

 

 

“เฉินตันจู…ท่านอ๋องมีวันนี้” เขาชี้ไปยังเฉินตันจู “ล้วนเป็นเพราะเจ้า เจ้าลองถามใจของตนเองดู…” 

 

 

นางกล้าที่จะบอกว่าทำเพื่อท่านอ๋อง? 

 

 

เฉินตันจูถามหัวใจของตนเอง นางมีอันใดไม่กล้าพูด ชาติก่อนศีรษะของท่านอ๋องอู๋ถูกตัดไปแล้ว ชาตินี้นางทำให้ศีรษะของท่านอ๋องอู๋ยังอยู่บนคอ ให้เขามีเหม่ยเหรินอยู่ข้างกาย มีขุนนางสนับสนุน นางมีจิตใจเมตตามากแล้ว 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท