บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 47 หน้าพระพักตร์

ตอนที่ 47 หน้าพระพักตร์

ทุกคนในราชสำนักต่างรู้ดีถึงความแค้นของตระกูลเฉินและตระกูลจาง 

 

 

ท่านอ๋องอู๋พยักหน้าเหล่าขุนนางอู๋อย่างเหวินจงต่างยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง 

 

 

“เฉินตันจู” จางเจี้ยนจวินพูด “เจ้าเกลียดข้าก็มาเอาชีวิตข้าไป อย่ามาทำร้ายลูกข้า” 

 

 

เฉินตันจูนั่งซับน้ำตาไม่พูดอะไร 

 

 

ฮ่องเต้ยื่นมือกุมขมับเอาไว้ ราวกับรู้สึกถึงความวุ่นวายของเมืองอู๋ มองไปยังเฉินตันจู พลางถาม “เฉินตันจู เนื่องจากเจ้ามีความแค้นกับใต้เท้าจาง ดังนั้นจึงบีบบังคับให้จางเหม่ยเหรินไปตายหรือ” 

 

 

“หม่อมฉันมีความแค้นกับใต้เท้าจาง” เฉินตันจูยอมรับ มองไปยังจางเจี้ยนจวิน “ต้องการให้เขาตาย” 

 

 

ดู ใช่จริงด้วย จางเจี้ยนจวินชี้หน้าเฉินตันจู ดูสายตาที่โหดเหี้ยมนี้! 

 

 

ไม่รอเขาพูด เฉินตันจูก็พูดแทรกขึ้นด้วยสีหน้าน้อยใจ “แต่ว่า ไม่ใช่หม่อมฉันต้องการให้จางเหม่ยเหรินตาย” 

 

 

ฮ่องเต้ส่งเสียง “แล้วคือผู้ใดกัน” 

 

 

เฉินตันจูมองไปยังเขา “ฝ่าบาทพระองค์” 

 

 

คุณหนูรองเฉินนี้พูดเหลวไหลอันใดกัน คนภายในตำหนักต่างตกตะลึงและฉงน เสียสติไปแล้วหรือ 

 

 

เฮอะ น่าสนใจ ฮ่องเต้นั่งตัวตรง “โทษข้าได้อย่างไรกัน ข้าไม่เคยไปบอกให้จางเหม่ยเหรินฆ่าตัวตาย” 

 

 

จางเหม่ยเหรินโกรธอย่างมาก “เจ้าพูดเหลวไหลเสียจริง ฝ่าบาทไม่เพียงไม่ได้บังคับให้ข้าตาย แต่เมื่อได้ยินว่าข้าป่วย ยังให้ข้าพักฟื้นอยู่ในพระราชวัง” 

 

 

นางพูดถึงตรงนี้ก่อนจะเหลือบมองไปยังเฉินตันจู หลังจากความตื่นตระหนกในช่วงแรกผ่านไป ความรู้สึกของสตรีทำให้นางกระจ่างอะไรบางอย่าง สายตาจับจ้องสลับไปมาระหว่างเฉินตันจูและฮ่องเต้ เฉินตันจูต้องการให้นางตาย เพราะอิจฉานาง? 

 

 

ท่านพ่อบอกว่าก่อนหน้านี้เฉินตันจูยั่วยวนท่านอ๋อง หลอกลวงท่านอ๋องจนกลายเป็นราชทูต จากนั้นหันมาเกาะฮ่องเต้ นางต้องการเข้าวัง? ไม่คิดว่าจะถูกตนเองแย่งก่อน… 

 

 

จางเหม่ยเหรินหัวเราะเสียงเย็นภายในใจ เด็กเมื่อวานซืน 

 

 

เด็กเมื่อวานซืนมองไปยังนาง “ฝ่าบาทให้ท่านพักฟื้นอยู่ในพระราชวังหรือต้องการรับท่านเข้าวังหลัง?” 

 

 

ทันทีที่สิ้นเสียง ทุกคนในตำหนักต่างสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ฮ่องเต้บนพระราชบัลลังก์ก็อดกระแอมไอออกมาไม่ได้ ดวงตาของจางเหม่ยเหรินเบิกกว้าง สีหน้าจากขาวเป็นแดง ทั้งโกรธทั้งอาย เด็กเมื่อวานซืนนี้พูดอันใดกัน! เรื่องนี้พูดออกมาได้หรือ มียางอายอยู่หรือไม่! 

 

 

อ่อ จริงสิ ไม่มี เพราะคุณหนูรองเฉินผู้นี้ฟ้องคุณชายตระกูลหยางลวนลามนางต่อหน้าสาธารณะชน 

 

 

จางเหม่ยเหรินยื่นมือปิดหน้าล้มลงกับพื้น ร่ำไห้ “ฝ่าบาท…ท่านอ๋อง…เพราะข้าเป็นหญิงจึงต้องถูกเหยียดหยามเช่นนี้หรือ” 

 

 

ครั้งนี้จางเจี้ยนจวินโกรธจนตัวสั่น “เฉินตันจู เจ้า เจ้ากำลังใส่ร้ายฝ่าบาท! เจ้าบังอาจ! เหลวไหล! หยาบคาย!” 

 

 

เจ้าถวายบุตรสาวคนเดียวสองครั้งไม่เหลวไหล? ข้าพูดออกมาเหลวไหล? เฉินตันจูไม่สนใจแม้แต่น้อย “ใช่ ข้าเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดา เมื่อได้ยินเรื่องนี้ความคิดแรกก็เป็นดั่งที่ท่านพูด คิดว่าไม่เพียงข้า หากเหล่าราษฎรได้ยินก็คงคิดเช่นเดียวกัน” นางมองคนอื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ “ในใจของพวกท่านไม่ได้คิดเช่นนี้หรือ” 

 

 

เหล่าขุนนางในตำหนักต่างขุ่นเคืองขึ้นมาทันที “พวกข้าไม่ได้คิดเช่นนี้! มีเพียงเจ้า!” ต่างหลบหลีกสายตาของเฉินตันจู เกรงว่าสบสายตาของนางจะเป็นการยืนยันความคิดของพวกเขา…แม้จะเป็นเช่นนั้นก็ไม่อาจยอมรับได้ 

 

 

มีเพียงท่านอ๋องอู๋ที่สบตานาง อีกทั้งยังพยักหน้าต่อนาง หากไม่ใช่เหวินจงจับแขนของเขาเอาไว้แน่น…ท่านอ๋อง อย่าได้พูดอันใด…เขาคงเกือบจะหลุดชื่นชมนางออกมาแล้ว 

 

 

ฮ่องเต้ละโมบในเหม่ยเหรินของเขา มิฉะนั้นเขาเพียงเสนอออกมา ฮ่องเต้จะรับปากทันทีหรือ ไร้ยางอาย! 

 

 

คุณหนูรองเฉินรีบพูดต่อ! 

 

 

ฮ่องเต้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ ก่อนจะพูดขึ้น “เฉินตันจู ข้าเห็นว่าเจ้าอายุยังน้อย จะไม่กล่าวโทษเจ้า อย่าได้พูดเหลวไหลอีก” 

 

 

หากฮ่องเต้กล่าวโทษนาง ตอนนี้นางคงถูกลากออกไปประหารแล้ว ฮ่องเต้ไม่กล่าวโทษ แต่ต่อไปจางเหม่ยเหรินยังคงกล่าวโทษ อีกทั้งจะเอาชีวิตของนางเหมือนกัน อย่างไรก็ต้องตาย นางมีอะไรต้องกลัว เฉินตันจูพูดต่อ “ฝ่าบาทให้หม่อมฉันหุบปากได้ แต่สามารถให้ทุกคนในเมืองอู๋หุบปากหรือ สามารถให้คนในแผ่นดินล้วนหุบปากหรือ” 

 

 

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ตบโต๊ะ พูดเสียงดัง “เกี่ยวอะไรกับคนในแผ่นดิน!” 

 

 

คนในตำหนักต่างตกใจ ฮ่องเต้อยู่นานเพียงนี้ มักจะมีความเมตตาเสมอมา แม้แต่ตอนที่ขับไล่ท่านอ๋องอู๋ออกจากพระราชวังในครั้งนั้นก็เป็นเพราะเมาสุรา…เพิ่งโกรธแบบนี้เป็นครั้งแรก 

 

 

จางเหม่ยเหรินที่หมอบตัวร้องไห้อยู่บนพื้นแอบดีใจ โกรธก็ดี รีบลากตัวเด็กคนนี้ไปประหารเสีย! 

 

 

เฉินตันจูไม่กลัวตายแม้แต่น้อย เดินหน้าถอยหลังล้วนต้องตาย จะกลัวอะไรกัน 

 

 

“ย่อมเกี่ยวกับคนในแผ่นดิน” เธอตะโกน “จางเหม่ยเหรินเป็นเหม่ยเหรินของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเป็นน้องชายของฝ่าบาท เวลานี้ฝ่าบาทขอให้ท่านอ๋องช่วยสยบเมืองโจว แต่ฝ่าบาทกลับรั้งเหม่ยเหรินของท่านอ๋องเอาไว้ เหล่าขุนนางของท่านอ๋องจะคิดอย่างไร ราษฎรในเมืองอู๋จะคิดอย่างไร คนในแผ่นดินจะคิดอย่างไร” 

 

 

ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางถาม “คิดอย่างไร” 

 

 

เฉินตันจูมองหน้าฮ่องเต้ “ฝ่าบาทรั้งจางเหม่ยเหรินเอาไว้เป็นการรังแกท่านอ๋อง เหยียดหยามท่านอ๋อง ฝ่าบาทเป็นผู้ไร้คุณธรรม” 

 

 

 

 

 

เวลานี้คนที่แอบฟังอยู่ด้านนอกตำหนักข้างตัวของแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ใช่องครักษ์จู๋หลิน หากแต่เป็นหวังเจียน 

 

 

แต่หวังเจียนที่รอบรู้ก็ยังต้องตะลึงเช่นเดียวกับจู๋หลิน 

 

 

“นี่…” เขามองไปยังแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ถามเสียงเบา “เรื่องน่าขันที่ท่านพูด?” 

 

 

น่าขันอย่างไร จะมีคนตายอยู่แล้ว 

 

 

ดังนั้นท่านแม่ทัพเห็นว่ามีคนหาที่ตายจึงรู้สึกขบขัน? 

 

 

แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้หัวเราะออกมา อีกทั้งมองไม่เห็นสีหน้าด้านหลังหน้ากากเหล็ก เขาเพียงแค่ยกมือให้อีกฝ่ายเงียบเสียง 

 

 

ทั้งตำหนักเงียบสงัด 

 

 

ถึงแม้จะได้ยินเฉินตันจูพูดล่วงละเมิดฮ่องเต้จำนวนมาก แต่ไม่เคยคิดว่านางจะใจกล้าถึงเพียงนี้ 

 

 

ด่าฮ่องเต้ต่อหน้า! 

 

 

แต่…มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ในตำหนัก หน้าตางดงาม รูปร่างผอมบาง ชุดกระโปรงมัดอกสีเหลืองทำให้นางดูเหมือนต้นหลิว แต่ลำคอที่เรียวยาวที่แสดงถึงความดื้อรั้นคุ้นเคยอย่างยิ่ง…ทุกคนล้วนนึกขึ้นได้ว่าบิดาของนางคือใคร 

 

 

ท่านมหาราชครูเฉินเคยด่าฮ่องเต้แบบนี้เมื่อไม่นานมานี้! 

 

 

อีกทั้งก่อนหน้านี้เป็นเวลานาน ดวงตาของขุนนางเก่าแก่ในตำหนักต่างเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อหลายสิบปีก่อน ท่านอ๋องอู๋องค์ก่อนก็เคยยืนอยู่บนตำหนักใหญ่ในพระราชวังหลวงด่าฮ่องเต้เช่นนี้ 

 

 

ทั้งนั้นก็ไม่รู้สึกแปลกประหลาดอะไร 

 

 

ท่านอ๋องอู๋หลั่งน้ำตาลงมาอย่างกะทันหัน 

 

 

ไม่คิดว่าเวลานี้คนที่ออกหน้าแทนเขา ปฏิบัติต่อเขาในฐานะท่านอ๋อง จะเป็นหญิงสาวคนนี้ 

 

 

เขาซาบซึ้งอย่างยิ่ง ถึงแม้จะถูกเหวินจงหยิกจนเจ็บหลัง เขาก็อดหลั่งน้ำตาออกมาไม่ได้ 

 

 

ท่านอ๋องอู๋ร่ำไห้ บรรยากาศภายในตำหนักแปลกประหลาดยิ่งขึ้น 

 

 

หากเวลานี้ ท่านอ๋องอู๋ออกมาพูดอะไรสักอย่าง ทันใดนั้นเขาก็จะขึ้นเป็นฝ่ายได้เปรียบ บางทีอาจไม่ต้องไปเป็นท่านอ๋องโจว… 

 

 

จางเหม่ยเหรินหมอบอยู่บนพื้นด้วยตัวเย็นเฉียบ เฉินตันจูผู้ร้ายกาจคิดจะบังคับให้นางตายเสียจริง! พูดคำพูดแบบนี้ออกมา ไม่ว่าฮ่องเต้หรือท่านอ๋องอู๋ที่ได้เปรียบ นางล้วนเป็นผู้ที่ถูกทอดทิ้ง! 

 

 

ในเมื่อนางรับมือกับหญิงสาวไม่ได้ ก็ทำได้เพียงรับมือกับผู้เป็นชายแล้ว 

 

 

“ไม่เกี่ยวกับฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ได้รั้งข้าเอาไว้” จางเหม่ยเหรินพูดเสียงเศร้า “ล้วนเป็นเพราะข้า ร่างกายอ่อนแอไร้ประโยชน์ ป่วยในเวลานี้ ฝ่าบาทจิตใจเมตตา ให้ข้าพักฟื้น แต่ทำให้ชื่อเสียงของฝ่าบาทสูญเสีย…” 

 

 

นางยืนขึ้นอย่างโซเซ ชุดคลุมที่ถูกนางในคลุมเอาไว้ร่วงหล่น เหลือเพียงชุดกระโปรงมัดอก ผมเผ้าแผ่สยายอยู่บนหัวไหล่ขาว เมื่อเหล่าผู้เป็นชายในตำหนักเห็นต่างก็ใจสั่น 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท