ที่ว่าการตัดสินคดีนี้อย่างรวดเร็ว หยางจิ้งถูกจับกุมเข้าคุกหลวง รถของที่ว่าการส่งเฉินตันจูกลับขึ้นไปบนเขาคุณชายใหญ่หยางและหยางฮูหยินนั่งรถกลับจวน ปิดประตูบ้านไม่ออกมาอีก ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่สำหรับคนอื่น เรื่องนี้ก่อให้เกิดปัญหาไม่น้อย
เหล่าคุณชายรวมตัวกันอีกครั้งภายในหอจุ้ยเฟิง บรรยากาศตึงเครียดกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก ระยะนี้เป็นเวลาแห่งปัญหา ท่านอ๋องอู๋ถูกฮ่องเต้ลวงหลอกเหยียดหยามข่มขู่ เมืองอู๋ถึงเวลาแห่งความเป็นความตาย แต่หยางจิ้งก่อเรื่องแบบนี้ขึ้น!
“ข้ารู้ว่าเขาสนิทกับบุตรสาวคนเล็กตระกูลเฉิน บุตรสาวคนเล็กตระกูลเฉินก็งดงาม” คุณชายคนหนึ่งตบโต๊ะด้วยความขุ่นเคือง “แต่เขาก็ต้องดูว่าเวลานี้คือเวลาใด”
คนอื่นต่างซุบซิบนินทาทั้งส่ายหัวทั้งหัวเราะเยาะ “คุณชายรองหยางมีใจกล้าหาญกว่าบิดาและพี่ชายของเขา ไม่คิดว่าจะเป็นความใจกล้าด้านนี้”
คุณชายเหวินตบโต๊ะให้ทุกคนเงียบ
“เรื่องไม่ใช่เช่นนี้” เขาพูด “ข้าไปพบหยางจิ้งในคุกมาแล้ว หยางจิ้งบอกว่าเขาถูกคุณหนูรองเฉินใส่ร้าย”
ตอนที่คุณชายเหวินได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกผิดปกติ
เขาใช้ฐานะของบิดาเหวินจงเข้าไปในคุกหลวงพบกับหยางจิ้ง หยางจิ้งเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังอย่างโกรธเคือง
ได้ยินว่าคุณหนูรองเฉินวางยาใส่ร้ายหยางจิ้ง เหล่าคุณชายต่างตกใจอีกครั้ง “หญิงสาวคนนี้เสียสติไปแล้วหรือ นางต้องการอะไร”
เหล่าหญิงสาวต่างเห็นชื่อเสียงของตนเองสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิต คุณหนูรองเฉินนี้กลับกล้าที่จะใช้ชื่อเสียงของตนเองมาใส่ร้ายคนอื่น
คุณชายเหวินหัวเราะ “นางต้องการทำร้ายคน นางทำร้ายพี่เขยของนาง นางทำร้ายท่านอ๋องอู๋ ตอนนี้คิดจะทำร้ายขุนนางของเมืองอู๋ หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หยางจิ้งจะคัดค้านฮ่องเต้ร่วมกับพวกเราได้อย่างไร”
คนลามกจะมีใครเชื่อมั่น จะได้รับการสนับสนุนจากราษฎรได้อย่างไร
เดิมทีตัวตนของหยางจิ้งเหมาะสมที่สุด หยางไต้ฟูไร้ชื่อเสียติดตัวแม้แต่น้อย เขาไม่ยอมออกหน้า บุตรชายของเขาทำแทนย่อมเหมาะสมที่สุด แต่ตอนนี้จบสิ้นแล้ว เมื่อได้ยินชื่อของเขา ราษฎรคงได้แต่หัวเราะเยาะเย้ย
“คุณหนูรองเฉินร้ายกาจยิ่งนัก!” คุณชายคนหนึ่งตะโกนอย่างโกรธเคือง “พวกเราต้องไปฟ้องนางต่อหน้าท่านอ๋องและฮ่องเต้!”
“เป็นไปไม่ได้” คุณชายตระกูลจางโบกพัดไปมา ตระกูลเขาได้ดีเพราะเหม่ยเหริน ย่อมรู้ถึงความร้ายกาจของหญิงสาว “เรื่องแบบนี้อธิบายไม่ได้ คุณหนูรองเฉินยอมให้ชื่อเสียงแปดเปื้อน ไม่มีทางที่ผู้เป็นชายจะหนีพ้น ต้องโทษหยางจิ้งที่ไม่ทันระวัง วิ่งไปพบนางตัวคนเดียว”
พวกเขาเกรงว่าคนมากจะทำให้คุณหนูรองเฉินระแวงไม่ยอมเชื่อฟังหยางจิ้ง ไม่คิดว่า…ที่แท้หยางจิ้งจะเป็นเหยื่อของอีกฝ่าย
หญิงสาวนี้อายุน้อย อีกทั้งสนิทกับหยางจิ้ง แต่สามารถไร้เยื่อใยได้ถึงเพียงนี้ เหล่าคุณชายมองหน้ากัน ตอนนี้จะทำอย่างไร
เดิมทีพวกเขาวางแผนให้หยางจิ้งเกลี้ยกล่อมคุณหนูรองเฉินให้ไปอาละวาดในพระราชวัง ยั่วยุฮ่องเต้หรือท่านอ๋อง สร้างเรื่องให้ใหญ่ พวกเขาค่อยไปปลุกระดมราษฎรรั้งท่านอ๋องอู๋
ตอนนี้คุณหนูรองเฉินสร้างเรื่องใหญ่ แต่ไม่เกี่ยวกับราชสำนักหรือพระราชวัง ช่างน่าโมโหยิ่งนัก
“ไม่มีนาง พวกเราไปกันเอง!” คุณชายเหวินกัดฟัน
เขายังพูดไม่ทันจบ ด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามา “แย่แล้ว แย่แล้ว ฮ่องเต้บังคับให้ท่านอ๋องอู๋ออกเดินทางทันที แม้แต่พระราชรถก็เข็นออกมาแล้ว อีกทั้งยังเรียกกองทัพนับแสนอารักขา”
อารักขาอะไรกัน ทั้งๆ ที่เป็นการคุมตัว เหล่าคุณชายตื่นตระหนก
คุณชายเหวินยืนขึ้นเรียกทุกคน “พวกเรารีบไปขอโปรดเกล้าอย่าให้ท่านอ๋องอู๋ไป ให้เหล่าขุนนางเดินทางไปแทนท่านอ๋องอู๋ก่อน”
เหล่าคุณชายต่างลุกขึ้นยืน คนที่เพิ่งเดินเข้ามาโบกมือ “สายไปแล้ว สายไปแล้ว ไม่ได้แล้ว เมื่อครู่ฮ่องเต้โมโหต่อท่านอ๋อง บอกว่าฝ่าบาทกับท่านอ๋องยังอยู่ที่นี่ก็มีบุตรของขุนนางใหญ่ใช้อำนาจรังแกคน ลวนลามหญิงสาว หากปล่อยออกไปคงต้องทำเรื่องเลวทรามต่ำช้า ดังนั้น ต้องให้ท่านอ๋องไปนั่งบัญชาการที่เมืองโจว”
นี่ นี่ นี่มันอะไรกัน เหล่าคุณชายฉงน คุณชายเหวินกระทืบเท้า “ข้าบอกแล้ว เฉินตันจูคิดจะใส่ร้ายเหล่าขุนนางของเมืองอู๋!” พูดจบจึงวิ่งออกไป เขาต้องรีบไปถามท่านพ่อถึงแผนการต่อไป
เหวินจงนั่งอยู่ในจวนได้รับข่าวก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเขาเห็นบุตรชายวิ่งมาถาม จึงได้แต่ส่ายหัว “ไม่มีวิธี เรื่องมาถึงเวลานี้ ไม่อาจกอบกู้คืนมาได้แล้ว”
ตั้งแต่ฮ่องเต้เข้ามา ท่านอ๋องอู๋ก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้ว เพราะท่านอ๋องอู๋ต้อนรับฮ่องเต้เข้ามา ทำให้ท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องฉีคิดว่าท่านอ๋องอู๋เป็นพวกเดียวกับราชสำนัก กองทัพตื่นตระหนก ถูกราชสำนักโจมตี ราชสำนักโจมตีท่านอ๋องโจวและท่านอ๋องฉี ก่อนจะหันมาที่ท่านอ๋องอู๋…
ท่านอ๋องอู๋ไม่มีกองกำลังสนับสนุน เมืองอู๋ย่อมต้องพ่ายแพ้
ดูจากท่าทางของฮ่องเต้ก็รู้แล้วว่าเมืองอู๋หมดโอกาสแล้ว
“ตั้งแต่ฮ่องเต้ร่ำไห้ขอร้องท่านอ๋องให้ช่วยสร้างความมั่นคงในเมืองโจว จนกระทั่งเชิญท่านอ๋องเดินทาง” เหวินจงพูด “จนถึงวันนี้ที่จะใช้ทหารอารักขาส่งท่านอ๋องอู๋ หากท่านอ๋องอู๋ปฏิเสธไม่ยอมไป เกรงกลัวฮ่องเต้จะกระทำต่อท่านอ๋อง…”
เขายื่นมือทำท่าตัดคอ
เดิมทีฮ่องเต้เกลียดชังเหล่าท่านอ๋องอยู่แล้ว ฮ่องเต้องค์ก่อนถูกเหล่าท่านอ๋องบีบบังคับจนตาย หลังจากฮ่องเต้องค์ก่อนตาย เหล่าท่านอ๋องแทรกแซงการแย่งชิงบัลลังก์ของพระราชโอรส ถึงแม้ฮ่องเต้องค์นี้จะขึ้นครองบัลลังก์จากการสนับสนุนของท่านอ๋องอู๋องค์ก่อนและท่านอ๋องฉี ท่านอ๋องโจว แต่ตอนแรกก็เป็นเพียงฮ่องเต้หุ่นเชิด เหล่าท่านอ๋องเข้าเมืองหลวง ฮ่องเต้ต้องใช้ราชรถไปต้อนรับ เหล่าท่านอ๋องโมโหในพระราชสำนัก ฮ่องเต้ต้องเดินลงจากเก้าอี้มังกรเรียกเสด็จอาและขอโทษ…
เฮ้อ ความแค้นของฮ่องเต้สะสมมานานกว่าสามสิบปี อันที่จริง ตอนนี้ที่ท่านอ๋องอู๋ยังไม่ถูกประหาร
เหวินจงยังประหลาดใจไม่น้อย
คุณชายเหวินตกใจ แต่ภายในใจก็รู้ว่าสิ่งที่บิดาพูดไม่ผิด สีหน้าของเขาซีดเผือด “มีเพียงแค่ไปแล้วหรือ”
“ไป อีกทั้งต้องไปทันที” เหวินจงพูด “หากมีเขาเขียวหลงเหลืออยู่ ไม่ต้องกลัวจะไม่มีไม้ให้จุดไฟ ข้าเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องแล้ว”
คุณชายเหวินท้อใจ มองบิดาอีกครั้ง “พวกเราต้องไปด้วยหรือ”
เหวินจงพูด “พวกเราเป็นขุนนางของท่านอ๋องอู๋ ท่านอ๋องไปแล้ว ขุนนางย่อมต้องตาม อย่าคิดว่าอยู่ที่นี่จะเป็นขุนนางของฮ่องเต้ได้ ฮ่องเต้ไม่ชอบขุนนางอู๋อย่างพวกเรา”
ถึงแม้ท่านอ๋องอู๋จะพ่ายแพ้ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นท่านอ๋อง อีกทั้งติดตามท่านอ๋องนี้ ต่อไปมีโอกาสสร้างคุณงามความดีต่อราชสำนัก อาทิท่านมหาราชครูเฉิน…เมื่อคิดถึงตรงนี้เหวินจงก็เคียดแค้น ไม่คิดว่าจะถูกท่านมหาราชครูเฉินแย่งชิงไปก่อน
คุณชายเหวินไม่ได้คิดมากเพียงนั้น เพียงแค่พึมพำ “เมืองโจวไม่รุ่งเรืองเท่าเมืองอู๋”
เดินทางไปถึงที่นั่นจะมีชีวิตสุขสบายเหมือนตอนนี้หรือ เขาไม่อยากไป
เมื่อรู้ว่าท่านอ๋องอู๋ต้องไปเป็นท่านอ๋องโจว จิตใจของเหล่าขุนนางต่างซับซ้อน มีคนป่วยขึ้นมาอย่างกะทันหัน มีบางเดินล้มบาดเจ็บที่เท้า แน่นอนว่ามีคนทำผิดกฎเมือง…อาทิหยางจิ้ง ได้ข่าวว่าถูกฮ่องเต้ห้ามเอาไว้ ขุนนางอย่างหยางไต้ฟูไม่อาจพาไปได้ ขุนนางที่เลี้ยงบุตรออกมาเช่นนี้ใช้ไม่ได้
เรื่องร้ายกลายเป็นเรื่องดี? หยางไต้ฟูสามารถอยู่ในเมืองอู๋ได้? คุณชายบางตระกูลมีความคิดจะออกไปก่อเรื่องขึ้นมา
คนในเมืองอู๋ต่างมีความคิดหลากหลาย แต่สำหรับตระกูลจางแล้ว พวกเขายังคงนิ่งสงบ
“พวกเราไม่ต้องรีบ พวกเราไม่เหมือนพวกเขา” จางเจี้ยนจวินบิดาของจางเหม่ยเหรินนั่งคลายร้อนอยู่ใต้หลังคา ดื่มชาอย่างสบายใจ พูดกับเหล่าบุตรชาย “ตระกูลเราอาศัยหญิงสาว หญิงสาวอยู่ที่ไหน พวกเราอยู่ที่นั่น”
ท่านอ๋องคนนี้ไปแล้ว ก็เปลี่ยนอีกคน
พระราชวังในยามค่ำคืนไม่มีงานเลี้ยง เนื่องจากท่านอ๋องอู๋ต้องออกเดินทางไปเป็นท่านอ๋องโจว คนในพระราชวังต้องติดตามไปด้วย ดังนั้นจึงวุ่นวายไปทุกหนทุกแห่ง แม้ยามค่ำคืนก็ยังคงเสียงดังไม่หยุด
แต่ว่าตำหนักที่ฮ่องเต้พักอยู่ไม่ได้ถูกรบกวน
ทางเดินลาดยาวมีเปลวไฟพลิ้วไหว หญิงงามในชุดรัดอกสีเหลืองอ่อนมือถือตะกร้าเดินมา ในขณะที่กำลังจะเข้าใกล้ตำหนักใหญ่นี้ นางก็ถูกองครักษ์ที่เฝ้าอยู่ด้านหน้ารั้งเอาไว้
“ข้าเป็นสนมของท่านอ๋อง ตระกูลจาง” จางเหม่ยเหรินพูดกับพวกเขา ใบหน้าภายใต้แสงไฟงดงาม ดวงตาเขินอาย “ท่านอ๋องให้ข้ามาส่งมื้อดึกแก่ฝ่าบาท หลายวันนี้ไม่มีงานเลี้ยง ท่านอ๋องเกรงว่าจะรับใช้ฝ่าบาทไม่ดี”
จางเหม่ยเหรินไม่รีบไม่ขุ่นเคือง ตอบรับอย่างว่าง่าย ไม่ถึงชั่วครู่องครักษ์คนหนึ่งกลับมา “ฝ่าบาทเชิญพระสนมเข้าไป”
จางเหม่ยเหรินก้มน้อมรับพระมหากรุณาธิคุณ ก่อนจะยกชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อยเดินขึ้นบันไดมุ่งหน้าไปยังตำหนักใหญ่