บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 54 ความเสียใจ

ตอนที่ 54 ความเสียใจ

ต่อมาจางเหยามีสักระยะหนึ่งไม่ได้มา เฉินตันจูคิดว่าเขาคงเข้ากั๋วจื่อเจียนสมดังปรารถนาแล้ว ต่อไปรับตำแหน่งขุนนางคงมีคนจำนวนมากฟังเขาพูด…ไม่ต้องการคนอย่างตนเองฟังเขาพูดแล้ว 

 

 

แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน เฉินตันจูจำได้ วันนั้นอากาศหนาวมาก หิมะล่วงหล่นลงมา นางไอเล็กน้อยอาเถียน…จิ้งซินไม่ให้นางไปรับน้ำ ตนเองไปแทนนาง นางไม่ได้ยืนกรานจะไป ร่างกายของนางอ่อนแอ ไม่กล้าเสี่ยงให้ตนเองป่วย นางนั่งผิงไฟอยู่ในอาราม จิ้งซินวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็วไม่ได้รับน้ำ 

 

 

“แม่หญิง ท่านรีบไปดู” นางพูดอย่างกังวล “คุณชายจางเป็นอันใดไม่รู้ นอนอยู่ริมน้ำ ข้าเรียกเขา เขาก็ไม่ตอบ ท่าทางเหมือนจะป่วย” 

 

 

เฉินตันจูเดินออกไปด้านนอกไม่ทันได้สวมชุดคลุม อาเถียนรีบหยิบชุดคลุมตามไป 

 

 

เฉินตันจูมาถึงริมน้ำ พบเห็นจางเหยานั่งอยู่ตรงนั้น ไม่มีชุดแขนใหญ่ เสื้อผ้าสะเปะสะปะ รูปร่างผอมลงเหมือนครั้งแรกที่พบ เขาก้มหน้าเหมือนหลับไป 

 

 

“เกิดอันใดขึ้น” เฉินตันจูถาม ยื่นมือผลักเขา “จางเหยา นอนที่นี่ไม่ได้” 

 

 

จางเหยาเงยหน้าขึ้น ลืมตามองเห็นว่าเป็นนาง ยิ้มออกมา “แม่หญิงตันจู ข้าไม่ได้นอน ข้าแค่นั่งพัก” 

 

 

เฉินตันจูมองใบหน้าอ่อนเพลียของเขา แต่คนยังมีสติ เก็บมือเข้าไปในแขนเสื้อ “เจ้า เหตุใดจึงพักที่นี่…เกิดอันใดขึ้นหรือ” 

 

 

จางเหยาถอนหายใจ “สภาพข้าปิดบังเจ้าไม่ได้ ข้า มาลาเจ้า” 

 

 

เฉินตันจูขมวดคิ้วเล็กน้อย “เรื่องกั๋วจื่อเจียนไม่สำเร็จหรือ เจ้ามีจดหมายแนะนำไม่ใช่หรือ คนนั้นไม่ยอมรับการแนะนำของอาจารย์บิดาเจ้าหรือ” 

 

 

“สิ่งที่ข้าพูดกับเจ้าล้วนไม่เสียเปล่า เจ้าดูสิ เวลานี้ข้าไม่ต้องพูดอันใดเจ้าก็เดาได้แล้ว” จางเหยาใช้มือถูใบหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่า ไม่ใช่จี้จิ่วไม่ยอมรับจดหมายแนะนำ หากแต่จดหมายข้าหาไม่เจอแล้ว” 

 

 

หาไม่เจอแล้ว? เฉินตันจูมองเขา “เป็นไปได้อย่างไร จดหมายนี้คือชีวิตของเจ้า เจ้าจะทำหายได้อย่างไร” 

 

 

จางเหยาส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้ แต่อย่างไรก็หาไม่เจอ ข้ารื้อค้นหมดแล้ว แต่ก็หาไม่เจอ” 

 

 

เฉินตันจูเงียบไป “ไม่มีจดหมาย เจ้าไปขอพบจี้จิ่ว หากเขาไม่เชื่อ ให้เขาถามอาจารย์ของบิดาเจ้า หรือเจ้าเขียนจดหมายขออีกฉบับ คิดหาวิธีจัดการ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” 

 

 

จางเหยายิ้มให้นาง “รู้สึกว่าข้ายังสู้เจ้าไม่ได้ใช่หรือไม่” 

 

 

เฉินตันจูไม่อยากพูดกับเขาแล้ว วันนี้นางพูดมามากพอแล้ว นางหันหลังเดินจากไป 

 

 

“เฉินตันจู” จางเหยาตะโกน “อาจารย์ท่านนั้นตายแล้ว จดหมายนี้เขามอบให้ข้าก่อนตาย” 

 

 

เฉินตันจูชะงักฝีเท้าลง ถึงแม้จะไม่ได้หันหน้ากลับไป แต่มือภายในแขนเสื้อกำแน่น 

 

 

“ระยะนี้ข้าคิดหาวิธีขอเข้าพบใต้เท้าจี้จิ่วเสมอมา แต่ข้าเป็นใคร ไม่มีผู้ใดอยากฟังข้า” จางเหยาพูดอยู่ด้านหลัง “หลายวันนี้ข้าลองมาทุกวิธีแล้ว ตอนนี้ตายใจได้แล้ว” 

 

 

อันที่จริง ยังมีอีกหนึ่งวิธี เฉินตันจูกำมือแน่น วิธีนั้นคือนางพูดกับหลี่เหลียง แต่… 

 

 

“อ่อ พ่อตาของข้า ไม่ ข้าถอนหมั้นแล้ว ตอนนี้ควรเรียกว่าท่านอา เขามีสหายเป็นขุนนางในแคว้นหนิงเย่ว์ เขาแนะนำให้ข้าไปเป็นเซี่ยนลิ่ง[1]ในเมืองแห่งหนึ่ง ถือว่าเป็นขุนนางแล้ว” เสียงของจางเหยาดังขึ้นจางด้านหลัง “ข้าจะออกเดินทางก่อนปีใหม่ ดังนั้นมาลาเจ้า” 

 

 

แคว้นหนิงเย่ว์เป็นสถานที่ที่ห่างไกลมาก…เฉินตันจูค่อยๆ หันหลังมา “ลา เหตุใดเจ้าไม่ไปลาข้าในอาราม” 

 

 

จางเหยายิ้มให้นาง “เจ้ามาที่นี่ทุกวัน ข้าจึงรออยู่ที่นี่ ใครคิดว่าเจ้าไม่มา ข้าเองก็ง่วงเล็กน้อย จึงเผลอหลับไป” เขาพูดพลางกระแอมไอหนึ่งที 

 

 

เฉินตันจูพูด “เจ้าตากลมหนาวไม่ได้ อาการไอของเจ้าจะกำเริบอีก” 

 

 

จางเหยาตอบรับ พยักหน้าให้นาง “ข้าจำไว้แล้ว มีเรื่องอื่นอีกหรือไม่” 

 

 

เฉินตันจูมองเขา ส่ายหัว “ไม่มี” 

 

 

จางเหยาตบเสื้อผ้าลุกขึ้นยืน “ข้ากลับไปเก็บของแล้ว ขอตัวก่อน” 

 

 

เฉินตันจูมองเขาเดินผ่านไป เขาหันมาโบกมือให้นาง 

 

 

“ถึงเวลาข้าเขียนจดหมายมาหาเจ้า” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม 

 

 

เฉินตันจูไม่ได้พูดอันใด 

 

 

จางเหยาหันหลังเดินลงจากเขาไปอย่างช้าๆ ลมแรงพัดเกล็ดหิมะที่ล่วงหล่นลงมา ทำให้ร่างของคนเลือนรางบนถนน 

 

 

“แม่หญิงตันจู” จิ้งซินเขย่าแขนเสื้อของนางอยู่ด้านหลัง พูดขึ้น “คุณชายจางไปแล้วจริงๆ จะไปแล้วจริง ๆ” 

 

 

ไปก็ไป นางจะทำอันใดได้ นางไม่ให้เขาไม่ไปได้หรือ นางเป็นใคร นางทำอันใดได้ เฉินตันจูสะบัดมือของจิ้งซินออก วิ่งเข้าไปยังอารามอย่างรวดเร็ว เกล็ดหิมะกระทบลงบนหน้าละลายเป็นน้ำ…นางไม่ได้ร้องไห้ หลังจากคนในตระกูลตายไป นางก็ไม่เคยร้องไห้อีก 

 

 

ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่นางพบกับจางเหยา 

 

 

เฉินตันจูยกมือขึ้นจับหน้า ลมของฤดูร้อนพัดผ่าน บนแก้มเปียกชื้น 

 

 

ต่อมา นางกลับไปยังอารามไม่ได้พักผ่อนสองวันสองคืน ผลิตยารักษาอาการไอหนึ่งขวดใหญ่ ให้จิ้งซินถือไปรออยู่ที่เชิงเขา รอจางเหยาผ่านมาตอนออกจากเมืองมอบให้เขา 

 

 

แต่จิ้งซินรอไม่เจอคน หรือว่าเขาจากไปตอนกลางคืนที่ไม่มีคน 

 

 

หนึ่งปีต่อมา นางได้รับจดหมายจากแคว้นหนิงเย่ว์หนึ่งฉบับ จดหมายส่งมาที่โรงน้ำชาเชิงเขา หญิงชราของโรงน้ำชาแอบนำขึ้นมาให้นางตอนฟ้ามืด จดหมายหนามาก เฉินตันจูไม่ได้นอนทั้งคืนอ่านจนจบ 

 

 

เขาเดินทางถึงแคว้นหนิงเย่ว์แล้ว อีกทั้งเป็นเซี่ยนลิ่งสมดังปรารถนา ในจดหมายเขียนถึงวัฒนธรรมของคนพื้นที่ เขียนว่าเขาทำอันใดในแต่ละวัน สิ่งที่น่าเสียดายคือไม่มีแม่น้ำที่เหมาะสมให้เขาจัดการ แต่เขาตัดสินใจใช้พู่กันในการจัดการ เขาเริ่มเขียนตำรา ภายในจดหมายแนบมาสามใบ คือบันทึกที่เกี่ยวกับการจัดการน้ำที่เขาเขียนขึ้น 

 

 

ถึงแม้เฉินตันจูจะอ่านไม่เข้าใจ แต่ก็ยังคงอ่านอย่างตั้งใจหลายรอบ 

 

 

จางเหยาบอกว่า ใช้เวลาเพียงสามปีก็สามารถเขียนเสร็จแล้ว ถึงเวลาเขาจัส่งให้นางหนึ่งเล่ม 

 

 

จิ้งซินเองก็อ่านจดหมาย ถามนางว่าต้องการตอบกลับหรือไม่ เฉินตันจูครุ่นคิด นางไม่มีอันใดจะเขียน นอกจากถามว่าเขายังมีอาการไออยู่หรือไม่ อีกทั้งเขาออกเดินทางเมื่อใด เหตุใดจึงไม่พบ ยาขวดนั้นส่งไปให้แล้ว แต่…ไม่เขียนดีกว่า 

 

 

นางไม่มีสิทธิพูดบนโลกใบนี้ รู้ว่าเขามีชีวิตอยู่ดีก็ดีแล้ว มิเช่นนั้นนางคงเสียใจ เวลานั้นนางคิดจะไปหาหลี่เหลี่ยงให้จางเหยาเข้ากั๋วจื่อเจียน แต่เช่นนี้จะทำให้จางเหยามีความสัมพันธ์กับหลี่เหลียง แปดเปื้อนจากชื่อเสียงของหลี่เหลียง บางทีอาจไม่ได้เป็นขุนนางตามที่เขาต้องการ อีกทั้งยังอาจทำให้เขาต้องเดือดร้อน 

 

 

ตอนนี้ดีแล้ว จางเหยายังคงทำเรื่องที่ตนเองชื่นชอบได้ 

 

 

นางเริ่มรอคอยตำราที่จางเหยาเขียน หนึ่งปีหลังไม่มีจดหมายหรือตำรามา สองปีหลังก็ไม่มีจดหมายหรือตำรามา สามปีหลัง นางได้ยินชื่อของจางเหยาในที่สุด อีกทั้งเห็นตำราที่เขาเขียน ในเวลาเดียวกัน นางก็รู้ว่าจางเหยาตายไปนานแล้ว 

 

 

ตายในปีที่สองหลังจากที่เขียนจดหมายให้นาง ทิ้งตำราครึ่งเล่มที่ยังเขียนไม่จบเอาไว้ ตำราครึ่งเล่มนี้ทำให้ชื่อเสียงของจางเหยาโด่งดังไปทั่วต้าเซี่ย 

 

 

เมืองแห่งหนึ่งเผชิญกับภัยน้ำเป็นเวลาหลายปี ขุนนางท้องถิ่นคนหนึ่งได้อ่านตำราจัดการน้ำครึ่งเล่มที่จางเหยาเขียนเอาไว้ ทำตามวิธีที่เขียนไว้ในตำรา หลีกเลี่ยงภัยน้ำได้สำเร็จ เหล่าขุนนางรายงานขึ้นไปให้ราชสำนัก ฮ่องเต้ดีใจอย่างยิ่ง พระราชทานรางวัลอย่างหนัก ขุนนางนี้ไม่ได้เก็บเป็นความลับ เขานำตำราของจางเหยาขึ้นถวาย 

 

 

ฮ่องเต้และเหล่าจุนนางในราชสำนักต่างอ่านตำราครึ่งเล่มนี้ ตามหาจางเหยาที่เขียนตำรา ถึงได้รู้ว่าเซี่ยนลิ่งที่เขียนตำรานี้ป่วยตายไปแล้ว 

 

 

ฮ่องเต้เสียดายอย่างมาก แต่งตั้งตำแหน่งขุนนางชั้นสูงให้แก่จางเหยา อีกทั้งยังโทษตัวเองที่ทำให้บุตรหลานของตระกูลเล็กถูกมองข้าม ดังนั้นจึงเริ่มผลักดันการสอบคัดเลือกขุนนาง ไม่แบ่งชนชั้นตระกูล ไม่ต้องมีตระกูลใหญ่แนะนำ ทุกคนล้วนเข้าร่วมการสอบคัดเลือกของราชสำนักได้ เพียงแค่มีความรู้ที่แท้จริงล้วนสามารถเข้าร่วมการทดสอบคัดเลือกขุนนาง 

 

 

นักปราชญ์ใต้หล้าต่างกระจายข่าว คนจำนวนมากเริ่มหันมาศึกษา ชื่นชมฮ่องเต้เป็นผู้มีอริยะที่ยากจะพบเจอ… 

 

 

แต่จางเหยาไม่อาจพบได้แล้ว ไม่มีโอกาสอีกแล้ว 

 

 

เฉินตันจูเสียใจ นางกระแอมไอเป็นเลือดออกมาสองวัน 

 

 

นางไม่ควรให้จางเหยาไป นางไม่ควรกลัวชื่อเสียงของจางเหยาได้รับการแปดเปื้อน นางควรไปหาหลี่เหลียง ให้หลี่เหลียงช่วยจางเหยาเป็นขุนนาง ให้จางเหยาเป็นขุนนางที่สามารถใช้ความสามารถของตนเองในเมืองหลวง ไม่ใช่ไปสถานที่กันดารและลำบากเช่นนั้น 

 

 

ร่างกายของเขาไม่ดี ควรจะพักฟื้นให้ดี มีชีวิตอยู่ได้นานอีกหน่อย ทำประโยชน์ต่อโลกนี้อีกหน่อย 

 

 

ถึงแม้ชื่อเสียงแปดเปื้อนก็ไม่เกรงกลัว แค่เพียงรอให้ความสามารถของเขาถูกฮ่องเต้มองเห็น ทำให้คนประหลาดใจแบบยังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ตายไปแล้ว… 

 

 

เฉินตันจูยื่นมือปิดหน้า สูดลมหายใจอย่างแรง ครั้งหน้านางจะไม่ทำผิดอีก 

 

 

 

 

 

—————————————- 

 

 

[1] เซี่ยนลิ่ง หมายถึง นายอำเภอในสมัยโบราณ 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท