ด้านหน้าจวนของตระกูลเฉินไม่มีองครักษ์หลวงเฝ้าอยู่แล้ว หากแต่ประตูจวนยังคงปิดสนิท เวลานี้ด้านหน้าประตูเต็มไปด้วยคนชรา สตรีและเด็กเล็ก มีคนเดินขึ้นไปเคาะประตู มีคนร้องไห้ตะโกน อีกทั้งมีคนนอนอยู่บนพื้น
“ท่านมหาราชครูเฉิน…ท่านออกมพูดเสียบ้าง”
“เฉินเลี่ยหู่…เจ้าจะทำให้พวกข้าตายหรือ”
ก่วนเจียยืนอยู่ด้านในประตู ฟังเสียงร่ำไห้ตะโกนก่นด่าด้านนอก สีหน้าซับซ้อน
ตระกูลเฉินติดตามท่านอ๋องอู๋อพยพมาหลังจากเกาจู่สถาปนาท่านอ๋อง ส่วนก่วนเจียก็ติดตามตระกูลเฉินอพยพมา…ตระกูลของพวกเขาเป็นก่วนเจียตระกูลเฉินมาสามชั่วอายุคน
“โต่วเหยีย” องครักษ์คนหนึ่งถามด้วยสีหน้ากังวล “ทำ…ทำอย่างไรดี”
ถึงแม้ก่วนเจียสีหน้าซับซ้อน แต่ภายในใจไม่ได้รู้สึกอันใดมาก อาจเป็นเพราะครึ่งปีนี้เกิดเรื่องมากเกินไป ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องของบ้านเมืองอย่างฮ่องเต้เข้าเมืองอู๋ ท่านอ๋องโจวถูกสังหาร ท่านอ๋องอู๋กลายเป็นท่านอ๋องโจว แค่เพียงเรื่องของตระกูลเฉิน นายน้อยเฉินตันหยางตายในสงคราม คุณหนูรองสังหารกูเหยียหลี่เหลียง หลี่เหลียงทรยศ คุณหนูรองนำราชทูตของราชสำนักเข้ามา…
ถูกคนดักประตูหรือ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
“ไม่ต้องสนใจ” ก่วนเจียพูด “เฝ้าประตูไว้ให้ดี อย่าให้พวเขาบุกเข้ามาก็พอ”
องครักษ์มองประตูใหญ่ที่หนาแน่น ถูกคนด้านนอกเคาะจนเกิดเสียงดัง ยิ้มเล็กน้อย “อย่างอื่นทำไม่ได้ ประตูจวนพวกข้ายังคงเฝ้าได้ โต่วเหยียวางใจได้ขอรับ”
ทางนี้กำลังสนทนากัน สาวรับใช้เสี่ยวเตี๋ยยืนเรียกก่วนเจียในสวน ก่วนเจียเดินเข้าไปอย่างกังวล เวลานี้นายท่านราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง คุณหนูใหญ่กำลังตั้งครรภ์ แต่ละวันต้องกินยา ก่วนเจียกลางคืนหลับไม่กล้าปิดตา
“เกิดอันใดขึ้นเสี่ยวเตี๋ย?” เขาถาม “ต้องการอันใด ไม่สบายตรงไหน”
เสี่ยวเตี๋ยส่ายหัว “คุณหนูใหญ่และนายท่านรอง นายท่านสามให้ออกมาถามว่าเกิดอันใดขึ้น”
ก่วนเจียถอนหายใจ “ทำไมทุกคนออกมา ไม่มีอันใด ร่างกายของคุณหนูใหญ่ยังดีหรือไม่”
เสี่ยวเตี๋ยเค้นรอยยิ้มออกมา “ยังดี”
ดีหรือไม่ดีสำหรับคุณหนูใหญ่ในเวลานี้ ล้วนไม่ดี
หากร่างกายของคุณหนูใหญ่ไม่ดี รักษาเด็กคนนี้ไม่อยู่ ต่อไปไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ชีวิตนี้ก็จบสิ้นแล้ว หากร่างกายของคุณหนูใหญ่ดี รักษาเด็กคนนี้เอาไว้ได้ การมีอยู่ของเด็กคนนี้จะประหลาดอย่างมาก…บิดาของเขาถูกน้าของเขาสังหาร
เฮ้อ คนในตระกูลจะอยู่ร่วมกันอย่างไร ยังเป็นครอบครัวได้อีกหรือ
เสี่ยวเตี๋ยแต่ละคืนหลับไม่กล้าปิดตา นางดูออกว่าภายในใจของคุณหนูใหญ่กำลังต่อสู้ มีหลายครั้งที่ยกยากขึ้นมาคิดที่จะแอบเททิ้ง
หากคุณหนูใหญ่เททิ้งจริง นางไม่รู้ว่าควรเกลี้ยกล่อมหรือแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
เหตุใดชีวิตที่ดีจึงกลายเป็นเช่นนี้ คอของเสี่ยวเตี๋ยแสบร้อน ชีวิตช่วงนี้คิดถึงไม่ได้ เมื่อคิดถึงนางรู้สึกไม่อาจข้ามไปได้ แต่ไม่คิดก็ไม่ได้ ดูด้านนอก…
“คุณหนูใหญ่บอกว่าถึงแม้หลบอยู่ไม่รู้ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นจริง” นางพูด “เผชิญหน้าเถิด”
ก่วนเจียถอนหายใจเดินตามเสี่ยวเตี๋ยเข้ามาในห้องโถง ครอบครัวของนายท่านรองเฉินและนายท่านสามฉินล้วนอยู่ นายท่านรองเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด นายท่านสามฉินทำมือครุ่นคิดอยู่ด้านหน้า ในปากบ่นพึมพำ นายหญิงทั้งสองพูดคุยกับเฉินตันเหยียนเสียงเบา หัวข้อการสนทนาคงเป็นการถามไถ่ร่างกายของนาง อาจเป็นเพราะสีหน้าที่ผิดปกติ เดิมทีหัวข้อสนทนาที่เหมาะสมที่สุดกลายเป็นคำถามที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรถามหรือไม่
เมื่อเห็นเขาเข้ามา การกระทำของทุกคนหยุดลงและมองมา
“เกิดอันใดขึ้นอีก” นายท่านรองเฉินถาม “องครักษ์หลวงไปแล้ว กลายเป็นราษฎรมาล้อมจวนเราแทน?พี่ใหญ่ทำให้ท่านอ๋องโกรธ แต่ไม่ได้ทำให้ราษฎรโกรธ”
ก่วนเจียพูด “อันที่จริงพวกเขาไม่ใช่ราษฎร แต่เป็นคนในตระกูลของขุนนาง”
นายท่านสามส่งเสียงฉงน “พวกเขามาระบบความโกรธแทนท่านอ๋อง?”
ก่วนเจียลังเลเล็กน้อย ยิ้มขมขื่น “ไม่ใช่ขอรับ คือ…คุณหนูรองนางอยู่ด้านนอก…”
เมื่อเห็นท่าทางลังเลของก่วนเจีย คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงต่างกระจ่าง ไม่มีอันใดน่าแปลกใจ ยังคงเป็นเพราะคุณหนูรองของตระกูล เหมือนเรื่องทั้งหมดก่อนหน้านี้
เฉินตันเหยียนถามเสียงเบา “บอกมาเถิด นางทำอันใดอีก”
ก่วนเจียนึกถึงคำพูดที่ได้ยินที่หน้าประตู พูดเสียงเบา “เหมือนจะบอกว่าคุณหนูรองต้องการให้ขุนนางทุกคนเดินทางไปพร้อมท่านอ๋องต่อหน้าฮ่องเต้ ไม่ว่าป่วยหรืออย่างไร แม้ตายก็ต้องลากโลงศพไป มิฉะนั้นจะเป็นขุนนางไร้คุณธรรมที่ทรยศท่านอ๋อง”
นายท่านรองเฉินตกตะลึง นายท่านสามฉินอดกระแอมไอออกมาไม่ได้
“อาจูกลายเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด” นายหญิงสามผงะ
อาจูไม่ได้อ่อนโยนเหมือนเฉินตันเหยียน แต่ตอนที่อยู่บ้านก็ไม่ได้ยโสถึงเพียงนี้
เกิดอันใดขึ้น นางต้องการเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งหมด
ก่วนเจียไม่อาจตอบได้ เขาไม่ได้พบเฉินตันจูมาเป็นเวลานานแล้ว เฉินตันจูอยู่ด้านนอกตัวคนเดียว ไม่รู้ว่านางกำลังทำอันใด เผชิญกับอันใด…
“ถึงแม้อาจูจะดื้อรั้น แต่นางหาใช่คนเลวร้ายไม่ ข้าคิดว่านางไม่มีทางพูดเช่นนี้อย่างไร้เหตุผล” เฉินตันเหยียนพูดเสียงเบา “อาจมีความจำเป็น”
เฮ้อ ทุกคนในห้องโถงต่างถอนหายใจภายในใจ ถึงแม้จะเกิดเรื่องมากมาย แต่สำหรับเฉินตันเหยียนแล้ว นางยังไม่อาจเกลียดแค้นน้องสาวคนนี้ได้
นายหญิงสามถาม “คนที่มาโหวกเหวกอยู่นอกจวนนั้น ต้องการให้พี่ใหญ่คืนคำหรือ”
ท่านมหาราชครูเฉินขับไล่เฉินตันจูออกไปแล้ว แต่ในสายตาคนนอก เฉินตันจูยังคงเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลเฉิน เฉินตันจูพูดแบบนั้นเท่ากับท่านมหาราชครูเฉินพูด ดังนั้นจึงมาโวยวายที่นี่
“เวลานี้ คืนไม่คืนคำล้วนไม่อาจรักษาชื่อเสียงได้” นายท่านรองเฉินส่ายหัว “พี่ใหญ่คืนคำ เป็นการไม่เคารพต่อฝ่าบาทและท่านอ๋อง พูดจากลับตาลปัตร คนอื่นก็ไม่เห็นใจ ไม่คืนคำยิ่งไม่ต้องพูด กลายเป็นศัตรูของเหล่าขุนนางอู๋ คนชั่วคนหนึ่ง”
นายท่านสามฉินพยักหน้า “ดังนั้นเวลานี้ ใช้การไม่เคลื่อนไหวรับมือการเปลี่ยนแปลง ข้าทำนายดูเมื่อกี้ ตระกูลเฉินของพวกเราต้องผ่านเคราะห์นี้…”
นายหญิงสามถลึงตาใส่เขาด้วยความขุ่นเคือง เวลาไหนแล้ว!
เฉินตันเหยียนพูด “เช่นนี้เถิด ปล่อยให้พวกเขาโวยวายเถิด…”
นางยังพูดไม่ทันจบ มีบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นายท่านจะออกไปแล้ว”
คนในห้องโถงต่างลุกขึ้นด้วยความตกตะลึง ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องส่งขุนนางมาหลายครั้ง เฉินเลี่ยหู่ล้วนไม่พบ อีกทั้งไม่ไปพบท่านอ๋อง เวลานี้…
“ปะทะท่านอ๋องกับทำให้เหล่าขุนนางขุนเคืองแตกต่างกัน” นายท่านสามฉินพูด “บนตำราเขียนว่า ราษฎรไม่อาจรังแก…”
นายหญิงสามผลักเขาทีหนึ่ง “หยุดพูดถึงตำราได้แล้ว รีบไปเถิด”
หลังจากที่เฉินตันเหยียนได้ยินบ่าวรับใช้พูดก็รีบวิ่งออกไปด้านนอกทันที เวลานี้เดินทางมาถึงด้านนอกห้องโถงแล้ว
เสี่ยวเตี๋ยรีบเดินขึ้นไปพยุง ก่วนเจียรีบตามไปด้านหลัง เหล่านายท่านรองเฉินต่างรีบเดินตามขึ้นไป
ตอนที่พวกเขามาถึง เฉินเลี่ยหู่เปิดประตูเดินออกไปแล้ว เมื่อเห็นเขาออกมาคนที่โวยวายอยู่ด้านนอกชะงักไป…เมื่อเห็นประตูเปิดออก ท่านมหาราชครูเฉินเดินออกมาพวกเขาต่างตกตะลึง
โดยเฉพาะเฉินเลี่ยหู่ยังสวมชุดเกราะและมือถือมีดยาว
จะตีคนหรือฆ่าคน?
เหล่าคนชราและสตรีต่างถอยไปด้านหลัง
เฉินเลี่ยหู่ไม่ได้ลงมือ อีกทั้งไม่ได้ตำหนิ เพียงแต่มองพวกเขาอย่างสงบ “พวกเจ้าต้องการพูดอันใด”