บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 57 เหตุผล

ตอนที่ 57 เหตุผล

ถึงแม้จะไม่ใช่การล่วงเกินแบบนั้น แต่เฉินตันจูยืนกรานว่าการกระทำนี้เป็นการล่วงเกินอีกรูปแบบ 

 

 

“ข้าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยนัก ใต้เท้าต้องช่วยข้า” นางร้องไห้ “ท่านพ่อข้าถูกท่านอ๋องทอดทิ้งแล้ว ภายใต้รังที่พังทลายข้าก็คือไข่ใบนั้น เพียงแค่แตะก็แตกแล้ว…” 

 

 

หลี่จวิ้นโส่วรู้สึกเพียงปวดหัว 

 

 

คำนวณจากระยะทางและเวลา องครักษ์คนนั้นวิ่งมาร้องเรียนก่อนที่คนเหล่านี้จะมาถึง ทำให้เขาเดินทางมาได้ทันเวลา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงองครักษ์ที่ล้อมอยู่ด้านหน้าของเฉินตันจู แต่ละคนล้วนท่าทางดุดัน เพียงคนเดียวก็สามารถทุบคนเหล่านี้ให้แตกได้…รังพังทลายที่ไหนมีไข่ที่แข็งขนาดนี้! 

 

 

คุณหนูรองเฉินเป็นก้อนหินอย่างเห็นได้ชัด นางจะคิดทุบคนเหล่านี้ให้แตกถึงจะยอมจบ 

 

 

คนเหล่านี้ก็เสียจริง! มาหาเรื่องนางทำไมกัน หลี่จวิ้นโส่วชี้ไปยังทุกคนด้วยสีหน้าขุ่นเคือง “พวกเจ้าทำอันใด ท่านอ๋องยังไม่ไป ฝ่าบาทก็ยังอยู่ในเมือง พวกเจ้าก่อกบฏหรือ” 

 

 

เฉินตันจูพยักหน้าตามอยู่ด้านข้าง เช็ดน้ำตาด้วยความน้อยใจ “ใช่ ท่านอ๋องยังคงเป็นท่านอ๋องของพวกเรา พวกท่านทำให้ท่านอ๋องเป็นกังวลได้อย่างไร” 

 

 

เมื่อได้ยินดังนี้ เหล่าคนที่ไม่อยากให้ท่านอ๋องเป็นกังวลอธิบาย “พวกเราไม่ได้ก่อกบฏ พวกเราเคารพรักท่านอ๋อง”  

 

 

“พวกเรากำลังระลึกถึงความเสียดายต่อการจากไปของท่านอ๋อง” จากนั้นถอยไปด้านหลัง 

 

 

หลี่จวิ้นโส่วฉงน “เสียดายต่อการจากไปของท่านอ๋องมาพูดอะไรตรงนี้” 

 

 

เรื่องนี้…ราษฎรคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “เพราะมีคนไม่เคารพท่านอ๋อง!” 

 

 

ใช่ เรื่องนี้เกิดขึ้นจากคนในตระกูลของขุนนางเหล่านี้ไม่อยากติดตามท่านอ๋องไป มาโวยวายกับคุณหนูเฉินตันจู เหล่าราษฎรที่มุงดูต่างพยักหน้า ชี้ไปยังเหล่าคนชรา 

 

 

“พวกเขา!” 

 

 

ทำไมเรื่องกลายเป็นเช่นนี้ ผู้คนข้างตัวคนชราผงะ 

 

 

สิ่งที่ทุกคนพูดไม่ใช่เรื่องเดียวกัน 

 

 

หากพิสูจน์ว่าพวกเขาไม่เคารพต่อท่านอ๋องจริง การตำหนิเฉินตันจูจะยิ่งไม่มั่นคง คนชรามองดูฝูงชนที่โหวกเหวก เขากระจ่างใจว่าราษฎรเหล่านี้เป็นอันใด ต้นเหตุทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะคำพูดของเฉินตันจู 

 

 

ราษฎรเหล่านี้ไม่ต้องติดตามท่านอ๋องไป 

 

 

พวกเขาไม่ต้องไป ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ย่อมไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นเรื่องใหญ่…อีกทั้งยิ่งอยากปกป้องเฉินตันจู เกรงกลัวว่าหากเกิดอะไรผิดพลาดขึ้น ทำให้พวกเขาต้องติดตามท่านอ๋องอู๋เดินทางไปเมืองโจว จะเป็นการแย่ 

 

 

จิตใจของมนุษย์ มักจะคนอื่นตายตัวเองรอด 

 

 

เฉินตันจู! สายตาของคนชราจับจ้องไปยังเฉินตันจู เห็นเพียงนางยืนอยู่ข้างหลี่จวิ้นโส่ว ตามการถอยหลังและเสียงตะโกนของราษฎร นางไร้ท่าทีเย่อหยิ่งหรือสะอึกสะอื้น หากแต่ทำหน้าระอา 

 

 

“ใช่ ข้าเองก็ไม่รู้เหตุใด มีคนวิ่งมาบอกข้าว่าไม่อยากติดตามท่านอ๋องไป…” นางส่ายหัวถอนหายใจ “ใต้เท้า ท่านว่าคำพูดนี้คืออะไร เหล่าราษฎรต่างไม่อาจมองไม่อาจฟังต่อไปได้” 

 

 

คนชราก็ฟังต่อไปไม่ได้ จางเจี้ยนจวินบอกกับเขาว่าเฉินตันจูร้ายกาจมาก แต่ไม่คิดว่าจะร้ายกาจเพียงนี้! 

 

 

“คุณหนูตันจู” เขาถอนหายใจยาว ไม่โวยวายไม่ร้องไห้…เฉินตันจูคนเดียวร้ายกาจกว่าพวกเขาทั้งหมดเสียอีก พูดจากันดีๆ เสียดีกว่า “ท่านอย่าได้พลิกแพลงขาวดำเลย พวกข้ามาถามอะไร ท่านรู้ดีแก่ใจ” 

 

 

เขามองหลี่จวิ้นโส่ว แนะนำตัว “หลี่จวิ้นโส่ว บุตรข้าคือเซ่าฝู่[1]ในวัง” 

 

 

ล้วนเป็นขุนนางเมืองอู๋ หลี่จวิ้นโส่วย่อมจำได้ ภายใต้การนำของคนชรา คนอื่นต่างรายงานตัว ล้วนเป็นขุนนางในเมืองหลวง ตำแหน่งตระกูลไม่ได้โดดเด่นมากนัก 

 

 

“ใต้เท้า คนในตระกูลพวกข้าบ้างป่วย บ้างต้องดูแลผู้อาวุโสที่ป่วย ไม่อาจติดตามท่านอ๋องไปได้ชั่วคราว” คนชราพูด “แต่คุณหนูตันจูกล้ากล่าวหาว่าพวกเราทรยศท่านอ๋อง พวกข้าเที่ยงตรง แต่เวลานี้ต้องแบกรับข้อครหาเช่นนี้ รู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงมาถามคุณหนูตันจู ไม่ได้ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง” 

 

 

อันที่จริงไม่ต้องให้เขาพูด หลี่จวิ้นโส่วก็รู้ว่าพวกเขาไม่ได้ไม่เคารพต่อท่านอ๋อง ล้วนเป็นตระกูลขุนนาง ไม่ถึงขั้นเสียสติ 

 

 

ที่แท้ก็เช่นนี้ สีหน้าของเขาซับซ้อน คำพูดเหล่านั้นเขาย่อมได้ยินมา ภายในใจก็คิดเช่นเดียวกัน เขาอยากจะวิ่งมาต่อว่าเฉินตันจู! นางต้องการเป็นศัตรูกับขุนนางทั้งหมดของท่านอ๋องอู๋หรือ ตระกูลเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลังแล้ว ดังนั้นจึงต้องการกำจัดขุนนางทั้งหมดของท่านอ๋องอู๋ให้สิ้นซากหรือ 

 

 

เวลานี้มีคนกระโดดออกมาถาม เขาย่อมยินดี 

 

 

“คุณหนูตันจู เรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดใช่หรือไม่” เขาถาม ก่อนจะกระแอมไอเสียงเบา “คุณหนูตันจูจะพูดแบบนั้นได้อย่างไร” 

 

 

เฉินตันจูเหลือบมองเขา ก่อนจะมองกลุ่มคนที่อยู่ด้านหน้า ครั้งนี้คนที่อยู่เบื้องหลังไม่ได้ปลุกระดมขุนนางชั้นสูง หากแต่เป็นขุนนางชั้นผู้น้อยที่แม้แต่งานเลี้ยงในพระราชวังยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม คนเหล่านี้ส่วนมากแค่หาเงินเดือนเลี้ยงคนในตระกูล พวกเขาไม่มีสิทธิ์พูดต่อหน้าท่านอ๋องอู๋ ชาติก่อนก็ไม่มีความแค้นกับตระกูลเฉิน 

 

 

คนเหล่านี้บริสุทธิ์ ไม่ยุติธรรมหากให้พวกเขาต้องจากบ้านเกิดไป ถึงแม้ทุกคนแสร้งป่วยไม่อยากจากไปพร้อมท่านอ๋องอู๋ก็ไม่มีความผิด 

 

 

นางไม่ได้ต้องการให้พวกเขาต้องจากบ้านเกิดไปจริง คนที่อยู่เบื้องหลังต้องการให้นางกลายเป็นศัตรูของเหล่าขุนนางของท่านอ๋องอู๋ 

 

 

เรื่องนี้จัดการได้อย่างง่ายดาย นางเพียงแค่บอกพวกเขาว่านางไม่เคยพูดเช่นนี้ แต่หากพูดออกไป ย่อมต้องถูกคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างจางเจี้ยนจวินหลอกใช้ สิ่งที่นางทำก่อนหน้านี้จะเสียเปล่า… 

 

 

พวกเขาด่าไม่ผิด นางร้ายกาจมาก อีกทั้งเห็นแก่ตัวอย่างมาก ดวงตาของเฉินตันจูฉายแววเจ็บปวด หากแต่มุมปากยกขึ้น โบกพัดไปมาอย่างเย่อหยิ่ง 

 

 

“ข้าพูดผิดหรือ” นางถาม “กินเงินเดือนท่านอ๋องย่อมต้องทำเรื่องภักดีต่อท่านอ๋อง ท่านอ๋องมีเรื่อง พวกท่านป่วยจึงไม่ต้องทำงานหรือ ไม่ทำงานยังถูกตำหนิไม่ได้ อีกทั้งยังคิดอยากจะได้ชื่อเสียงอันดี พวกท่านโลภมากไปหน่อยเสียหรือไม่” 

 

 

ครั้งแรกที่ได้ยินคำพูดโอหังของเฉินตันจู เหล่าคนชราไม่โกรธแต่อย่างใด บนใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นรอยยิ้ม 

 

 

ดีมาก สิ่งนี้คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ 

 

 

คนชราแสร้งทำท่าขุ่นเคือง “คุณหนูตันจู พวกข้าไม่ได้ไม่อยากทำงาน แต่ทำไม่ได้ ท่านไร้เหตุผล” 

 

 

หลี่จวิ้นโส่วถอนหายใจ เรื่องมาถึงตอนนี้ คุณหนูเฉินตันจูไม่คู่ควรกับการเห็นใจ 

 

 

เขาพูดอย่างช้าๆ “คุณหนูตันจู ไม่มีใครอยากป่วย เฮ้อ คำพูดของท่านทำให้คนลำบาก” 

 

 

“อย่างไรไม่ทำงานก็คือไม่ทำงาน คนของเมืองโจวมองไม่เห็นว่าป่วยหรือสาเหตุอื่น พวกเขาเห็นเพียงขุนนางของท่านอ๋องไม่ติดตามมา ท่านอ๋องถูกทรยศ” เฉินตันจูโบกพัด พูดเพียง “ท่านอ๋องยังจะมีหน้าอะไร นี่คือการไม่เคารพท่านอ๋อง ท่านอ๋องไม่พูดอะไร พวกท่านถูกตำหนิแค่สองคำจะไม่ได้เชียวหรือ” 

 

 

สตรีหลายคนโกรธจนร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง  

 

 

“เจ้าไร้เหตุผล!” 

 

 

“รังแกคนเกินไปแล้ว” 

 

 

หลี่จวิ้นโส่วยืนอยู่ด้านข้างไม่พูดอะไร เขายินดีที่จะเห็นแบบนี้ 

 

 

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คุณหนูตันจูได้ไปถามท่านพ่อของท่านหรือไม่” คนชราพูด “ท่านจะไปหรือไม่ไป” 

 

 

ไม่รอเฉินตันจูพูด เขาก็พูดขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“คุณหนูตันจูอย่าได้พูดว่าท่านพ่อของท่านถูกท่านอ๋องทอดทิ้ง ตามที่ท่านพูด ถึงแม้ถูกท่านอ๋องทอดทิ้ง แต่ก็ยังเป็นขุนนางของท่านอ๋อง ถึงแม้ต้องล่ามโซ่ก็ต้องติดตามท่านอ๋องไป” 

 

 

“แต่ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังจะออกเดินทางแล้ว ท่านพ่อของท่านยังอยู่ในจวนไม่ขยับ” 

 

 

“สิ่งที่ท่านพูด ท่านพ่อของท่านก็ยอมรับ หรือว่าเขาไม่ยอมรับไม่คิดจะไป?” 

 

 

พัดที่ถืออยู่ในมือของเฉินตันจูแทบจะถูกหัก พวกเขาคิดจะนำเรื่องที่นางทำครอบไปบนหัวของท่านพ่อด้วย ไม่ว่าท่านพ่อจะไปหรือไม่ไป ล้วนต้องถูกคนอิจฉาเกลียดแค้นเยาะเย้ย นางทำให้ท่านพ่อเดือดร้อนจนได้ 

 

 

เวลานี้ท่านพ่อ…เฉินตันจูเศร้าโศก เดือดร้อนแล้วใช่หรือไม่ 

 

 

  

 

 

—————————————– 

 

 

[1] เซ่าฝู่ หมายถึง ตำแหน่งสนาบดีกรมวังและพระคลังมหาสมบัติ 

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท