บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 62 ไปเถิด

ตอนที่ 62 ไปเถิด

แตกต่างจากการที่เฉินเลี่ยหู่ถูกเหยียดหยามอยู่ด้านนอกพระราชวังครั้นก่อน ครั้งนี้เฉินตันจูไปดูกับตา

ดูท่านพ่อถูกท่านอ๋องอู๋และราษฎรอู๋ที่เขารักทอดทิ้ง ดูเขาใช้เลือดเนื้อและความกล้าหาญแลกมาซึ่งชื่อเสียงที่แปดเปื้อน

ดูท่านพ่อที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่หัวใจตายไปแล้ว

เสียใจหรือ เฉินตันจูคุกเข่าอยู่บนพื้นน้ำตาหลั่งไหลลงมา นางไม่รู้…

ชาติก่อนท่านพ่อตายไป ตระกูลเฉินไม่อาจเปิดปากพูดได้อีก ปล่อยให้คนก่นด่าเยาะเย้ย แต่ก็ยังมีคนเห็นใจระลึกถึง เชื่อว่าท่านพ่อเป็นขุนนางที่จงรักภักดีต่อท่านอ๋อง เชื่อว่าท่านถูกใส่ร้าย

แต่ครั้งนี้ ท่านพ่อมีชีวิตอยู่บอกทุกคนว่าเขาทรยศท่านอ๋องอู๋ เขาเป็นผู้ที่เนรคุณ ไร้คุณธรรม

สำหรับท่านพ่อแล้ว เขายอมที่จะตายไปเหมือนชาติก่อน แต่ไม่ยอมมีชีวิตอยู่แบบนี้กระมัง

นางเป็นคนทำให้ท่านพ่อตายทั้งเป็น

เมื่อเห็นเฉินตันจูคุกเข่าอยู่ด้านหน้าประตู เฉินเลี่ยหู่เพียงแค่ชะงักลงเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามา เฉินตันเหยียนจับแขนของเขาไม่กล้าห้าม แต่ก็ไม่กล้าปล่อย ถูกลากขึ้นหน้าอย่างโซซัดโซเซ…

เฉินตันเหยียนยังลำบากใจเพียงนี้ คนอื่นในตระกูลเฉินยิ่งทำตัวไม่ถูก เฉินเลี่ยหู่เป็นแบบนี้แล้ว หากเขาจะฆ่าเฉินตันจู พวกเขาจะห้ามอย่างไรหากไม่ห้าม เฮ้อ อีกฝ่ายคือตันจูเป็นเด็กคนเล็กที่สุดในตระกูลที่ทุกคนเลี้ยงดูมา…

“อาจูทำเรื่องมากมายเพียงนี้ สมองฉลาดน่าดู” นายท่านสามเฉินพึมพำ “เวลานี้วิ่งมาทำไมกัน เลอะเทอะเสียงจริง”

ครั้งนี้นายหญิงสามไม่ได้หยิกเขา มองแม่นางที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ถอนหายใจ “เพราะว่าไม่เลอะเทอะ”

หากเวลานี้ยังไม่มา แสดงวานางไม่มีหัวใจจริงๆ

ดูจากอย่างนี้ ตันจูยังคงเป็นตันจูที่พวกเขารู้จัก

“ท่านพ่อ ท่านพ่อ อาจูนาง…” เฉินตันเหยียนเห็นว่ายิ่งเดินยิ่งใกล้ จับแขนของเฉินเลี่ยหู่เกลี้ยกล่อมอย่างตะกุกตะกัก “ท่าน ท่านอาบน้ำทายาก่อน…”

เฉินเลี่ยหู่หยุดลงต่อหน้าเฉินตันจู มีดในมือกระแทกลงไป เฉินตันเหยียนแทบจะคุกเข่าลงไปขวางเอาไว้…มีดไม่ได้หล่นลงบนตัวของเฉินตันจู หากแต่หล่นลงบนพื้น

“เฉินตันจู” เฉินเลี่ยหู่มองแม่นางที่ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ตรงหน้า “เจ้าไปเถิด”

เฉินตันจูเงยหน้าขึ้น “ท่านพ่อ…”

เฉินเลี่ยหู่ยื่นมือออกมา ทาบลงบนหัวของนางแผ่วเบา ลูบหัวของนางแผ่วเบา มองบุตรสาวคนเล็กที่กำลังจะพูด เขาส่ายหัวห้ามปราม

“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว” เขาพูด “สิ่งที่เจ้าทำข้าเข้าใจ เจ้าอยากให้ข้ากระจ่างว่าท่านอ๋องเป็นคนแบบไหน ทำให้ราษฎรและนักรบของเมืองอู๋ไม่ต้องเผชิญกับภัยสงคราม ข้าก็รู้ เหล่าท่านอ๋องยโสโอหัง ทำผิดต่อเบื้องบน เป็นความผิดอย่างมหันต์ เหมือนดั่งที่ท่านมหาราชครูอู่ตำหนิท่านอ๋องหลูในตอนนั้น ขัดขืนต่อสวรรค์ลิขิต อีกทั้งไม่รู้สถานการณ์ ต่อไปจะเป็นการทำลายบุตรหลาน จะว่าไป ข้าเองก็ผิดต่อท่านมหาราชครูอู่ เขาเคยเขียนจดหมายมาเกลี้ยกล่อมข้า ข้าไม่ฟังอีกทั้งรายงานต่อท่านอ๋องอู๋และท่านอ๋องหลู ทำให้ตระกูลของท่านมหาราชครูอู่ไม่มีโอกาสหนีออกจากเมืองหลู ทั้งสามชั่วอายุคนตายอย่างอนาถ…ข้า เป็นขุนนางโหดเหี้ยมอย่างแท้จริง”

เฉินตันจูก้มหน้าหลั่งน้ำตาเรียกขานท่านพ่อ

เฉินเลี่ยหู่ยังคงไม่ให้นางพูด เขาพูดต่อ “ข้าพูดสิ่งเหล่านี้เพื่อต้องการบอกเจ้า เจ้าไม่ได้ทำผิด แต่ขอให้เจ้าเข้าใจ เฉินตันจู ข้าไม่อาจให้อภัยเจ้าได้ ถึงแม้จะเป็นเรื่องชั่วร้าย แต่ข้าต้องติดตามท่านอ๋องของข้าไปกระทำชั่วร้าย เพราะเขาคือท่านอ๋องของข้า”

เฉินตันเหยียนไม่พูดอีก อีกทั้งไม่เป็นกังวลว่าเฉินเลี่ยหู่จะลงมือต่อเฉินตันจู นางถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก้มหน้าหลั่งน้ำตา

เฉินตันจูน้ำตาหลั่งไหลลงมาดุจหยาดฝน นางไม่ต้องพูดอันใดทั้งสิ้น ก้มหัวลงกราบเฉินเลี่ยหู่ “เฉินตันจูไม่ขอท่านพ่อให้อภัย ต่อจากนี้เฉินตันจูไม่ใช่บุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่”

เฉินเลี่ยหู่พยักหน้า “ได้ เจ้าไปเถิด” พูดจบก้าวเท้าไปด้านหน้า ก่อนจะหันมาเรียก “อาเหยียน”

เฉินตันเหยียนรีบเช็ดน้ำตามองไป

เฉินเลี่ยหู่ยื่นมือไปให้นาง “เรียกไต้ฟูมาดูเถิด”

เฉินตันเหยียนรีบยื่นมือพยุงเขาเอาไว้ พยักหน้าด้วยน้ำตา “เจ้าค่ะ ข้ารู้ ท่านพ่อ ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้” นางหันไปเรียกขานก่วนเจีย “เรียกเหล่าไต้ฟูมา ท่านอารอง ท่านอาสามก็ต้องดูแผล ห้องครัวเตรียมน้ำร้อนอาบน้ำ ถึงเวลากินข้าวแล้ว…”

นางสั่งการอย่างรวดเร็ว ก่วนเจียตอบรับ เหล่าองครักษ์เปิดประตูจวนออก เหล่าบ่าวรับใช้ภายในบ้านหลั่งไหลออกมาต้อนรับ หน้าประตูของตระกูลเฉินคึกคักขึ้นมา เฉินตันเหยียนพยุงเฉินเลี่ยหู่เข้าไปแล้ว นายท่านรองเฉินและนายท่านสามเฉินต่างเดินเข้าไปภายใต้การพยุงของบ่าวรับใช้ เฉินตันจูคุกเข่าอยู่บนพื้น มองดูพวกเขาเดินเข้าไป มองดูประตูใหญ่ที่ปิดลงอย่างช้าๆ เสียงฝีเท้าและเสียงสนทนาไกลออกไป ด้านนอกและด้านในกลับคืนสู่ความสงบ

อาเถียนคุกเข่าอยู่ด้านหลัง เวลานี้ลุกขึ้นยืนอย่างลำบาก ยื่นมือประคองเฉินตันจู พูดด้วยเสียงสะอื้น “คุณหนูรอง ลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ”

คุณหนูรองเพิ่งหายป่วย คุกเข้านานไป…

เฉินตันจูไม่ได้ยืนกรานจะคุกเข่าต่อ นางพยุงแขนของอาเถียนลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ มองดูประตูใหญ่ที่ปิดสนิทของตระกูลเฉินด้วยความเหม่อลอย ในขณะที่อาเถียนกำลังจะห้ามน้ำตาไม่อยู่เอ่ยปากเกลี้ยกล่อมนั้น นางดึงสายตากลับมาก่อนจะหันหลัง “พวกเราไปเถิด”

อาเถียนรีบพยุงนางเดินจากไป นายบ่าวทั้งสองคุกเข่าอยู่ครึ่งวัน พยุงกันและกันเดินโซเซไปมา

รถม้าจอดไว้บริเวณปากทาง จู๋หลินรอคอยอยู่ทางนั้น เหตุการณ์จากลาของบิดาและบุตราสาว เขารู้สึกว่าหลีกเลี่ยงจะดีกว่า

เขาช่วยอาเถียนพยุงเฉินตันจูขึ้นรถ ก่อนจะยื่นมือพยุงอาเถียน อาเถียนมุดเข้าในรถ ก่อนจะพูด “กลับอารามดอกท้อ”

จู๋หลินลังเลเล็กน้อย ถาม “ผ่านอำเภอฉางกาน ซื้อข้าวเหนียวคลุกโป๊ยเซียนตระกูลหวังหรือไม่”

อาเถียนสูดจมูดก่อนจะหยุดลง พูด “ซื้อ!” ข้าวย่อมต้องกิน ยิ่งเศร้ายิ่งต้องกินดี นางเอ่ยเสริม “ซื้อเนื้อและเหล้าด้วย เอาดีที่สุด”

จู๋หลินตอบรับ ก่อนจะจับสายคาดเอว เหตุใดเขาต้องพูดมากด้วย? ท่านแม่ทัพสั่งให้เฝ้าดูเอาไว้ ไม่ได้ให้เขาพูดมาก

ไม่ฟังคำสั่ง ตัดสินใจเอาเองย่อมต้องเสียใจ

อาหารดีเหล้าดีเนื้อดี อาเถียนที่คิดว่าตนเองจะนอนไม่หลับตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น

นางลุกขึ้นด้วยความตกใจ วิ่งมากห้องของเฉินตันจูที่อยู่ด้านข้าง พบว่าภายในห้องว่างเปล่า

“พี่อาเถียน” สาวรับใช้เยี่ยนเอ๋อทักทายนาง “ท่านตื่นแล้ว”

อาเถียนถาม “คุณหนูเล่า? เหตุใดพวกเจ้าไม่เรียกข้า?”

“คุณหนูรองเดินเล่นอยู่บนภูเขา ไม่ให้พวกข้าเรียกท่าน ให้ท่านนอนมากเสียหน่อย” สาวรับใช้อิงกูเดินเข้ามา มือถือเหยือกน้ำ “คุณหนูรองรับน้ำมา เด็ดผักป่าให้พวกเราถือลงมา บอกว่าจะกินสิ่งนี้ เจ้าตื่นแล้วก็ไปเรียกคุณหนูกลับมากินข้าวเถิด”

ผักป่า? เหตุใดคุณหนูจึงอยากกินผักป่า? อาเถียนฉงน ก่อนจะละทิ้งความคำถามที่ไม่สำคัญนี้ รีบถามหาตำแหน่งก่อนจะเดินตามไป

ป่าไม้ในฤดูร้อนเย็นสดชื่น เดินไปไม่ไกลอาเถียนก็เห็นเฉินตันจูนั่งยองอยู่บนพื้น พันแผลให้เด็กชายคนหนึ่ง

“เจ้าดู พอกสมุนไพรนี้เลือดไม่ไหลแล้วใช่หรือไม่” นางถามเสียงเบา

เด็กชายพยักหน้า ใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา

“เอาเถิด อยู่บนเขาต้องวิ่งระวัง กลับไปเถิด” เฉินตันจูยิ้มให้เด็กชาย

เด็กชายนั่งอยู่บนพื้นไม่ลุกขึ้น “ข้าไม่กลับไป” เขาก้มหน้าเช็ดน้ำตา “พ่อข้าตีข้า บอกว่าไม่เอาข้าแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ฝีเท้าของอาเถียนชะงัก ก่อนจะเห็นดวงตาของเฉินตันจูมืดมนลง

“บังเอิญจริง” นางพูด “พ่อข้าก็ไม่ต้องการข้าแล้ว”

เด็กชายตกตะลึงอย่างมาก เขามองพี่สาวงดงามตรงหน้า พี่สาวที่หน้าตาสวยเช่นนี้ คนในตระกูลไม่ต้องการ?

เฉินตันจูยิ้มให้เขา

แสงอาทิตย์ในฤดูร้อนที่สาดลงมาในผืนป่าแหลกสลาย เด็กชายกะพริบตา “พ่อท่านไม่ต้องการท่าน เหตุใดท่านจึงยังดีใจอยู่”

เฉินตันจูสองมือประคองหน้า มองดูต้นหญ้าที่พลิ้วไหวกลางป่าไม้ “เพราะข้าเคยผ่านการตายจาก เวลานี้ถึงแม้ท่านพ่อข้าไม่ต้องการข้าแล้ว แต่เขายังมีชีวิตอยู่ เมื่อเทียบกับการตายจาก การจากมาแต่ยังมีชีวิตอยู่ทำให้ข้ารู้สึกดีใจ”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท