ลมในฤดูร้อนพัดพาเอาความร้อนผ่านมาด้วย ต้นไม้ใหญ่บนถนนสะบัดใบไม้อย่างไร้ชีวิตชีวา ส่งเสียงเสียดสีออกมา
เฉินตันจูยืนอยู่ด้านหน้าจวนบนถนนทางนี้ พิจารณาพื้นที่ขนาดเล็ก
หลี่เหลียงมีต้นกำเนิดธรรมดา เขาไม่อาจซื้อจวนในพื้นที่อันเป็นที่ตั้งของจวนตระกูลเฉินได้ ดังนั้นจึงซื้อจวนในสถานที่พักของราษฎรทั่วไป
เมื่อเทียบกับจวนของหลี่เหลียง จวนหลังนี้ยิ่งดูยากจน ห่วงประตูเผยให้เห็นอายุการใช้งานที่ยาวนาน ด้านบนประตูไร้ป้าย เวลานี้ประตูดำสนิทปิดแน่น
“ไป” เฉินตันจูพูดกับองครักษ์คนหนึ่ง “เคาะประตู”
องครักษ์คนนั้นเดินขึ้นหน้าเคาะประตู มีเสียงหญิงสาวตอบรับจากด้านใน “ผู้ใด” เสียงฝีเท้าดังขึ้น คนมาถึงตรงหน้า
“ข้าคือเฉินตันจู” เฉินตันจูพูดเสียงดัง “ข้ามีเรื่องบางอย่างจะถาม”
ราวกับไม่เคยพบการเคาะประตูเช่นนี้ ประตูเปิดออกเสียงดัง สาวรับใช้อายุสิบเจ็ดสิบแปดเผยสีหน้ากังวล สายตาจับจ้องไปยังเฉินตันจู
นางพึมพำ “คุณหนูตันจู…”
ชื่อของคุณหนูตันจูในเวลานี้คงเป็นที่รู้จักอย่างดี สีหน้าของเฉินตันจูหยิ่งยโส “เจ้ารู้ว่าข้าคือใครใช่หรือไม่”
สาวรับใช้พยักหน้า
“ข้ามาสืบหาผู้สมรู้ร่วมคิดของหลี่เหลียง” เฉินตันจูพูด “บ้านเรือนรอบด้านเขาย่อมต้องค้นหาด้วย”
เอาแต่ใจเกินไปแล้ว นางไม่ใช่ขุนนางเสียหน่อย สีหน้าของสาวรับใช้ขุ่นเคือง มือประคองประตูเอาไว้ไม่ยอมถอย…
เฉินตันจูไม่พอใจ “อย่างไร เจ้าจะปฏิเสธการค้นหาหรือ เจ้ามีอันใดไม่กล้าให้ค้นหาหรือ หรือว่า…พวกเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับหลี่เหลียง”
ทันทีที่สิ้นเสียง สีหน้าของสาวรับใช้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ในเวลาเดียวกัน มีเสียงหญิงสาวดังมาจากด้านหลัง “อาชิ่น…”
สาวรับใช้ตอบรับ หันกลับไปมอง
ถึงแม้จะมาเพิ่งที่นี่ แต่เมื่อได้ยินเสียงที่เคยได้ยินเมื่อชาติก่อน เฉินตันจูก็ตั้งตัวตรงขึ้นมา…
คือนาง คือเสียงนี้!
“หลบไป!” เฉินตันจูพูดเสียงดัง
เสียงหญิงสาวด้านในดังขึ้นอีกครั้ง “อาชิ่น อย่าได้เสียมารยาท เชิญคุณหนูตันจูเข้ามาเถิด”
สาวรับใช้ตอบรับก่อนจะถอยออกไป เฉินตันจูมองเข้าไป ภายในลานไม่มีคน แต่ด้านหลังม่านลูกปัดภายในห้องโถงมีร่างบางเลือนราง
เฉินตันจูส่งสัญญาณให้เหล่าองครักษ์ที่พามา จากนั้นองครักษ์สองคนเดินเข้าไปด้านในก่อน เฉินตันจูจึงเดินตาม ในขณะที่ก้าวเท้าข้ามประตูไป คมมีดเย็นด้ามหนึ่งก็ประชิดอยู่บนคอของนาง
เฉินตันจูชะงักเท้า
หญิงสาวคนนี้ นอกจากข้างตัวมีองครักษ์ ยังกล้าลงมืออีก
สาวรับใช้ที่นามว่าอาชิ่นยืนอยู่ด้านหลังประตู ในมือถือมีด
อาเถียนที่เดินตามเฉินตันจูเข้ามาส่งเสียงกรีดร้อง นาทีถัดมาก็ถูกอาชิ่นใช้มืออีกข้างตีเข้าที่ลำคอ อาเถียนล้มลงกับพื้นทันที
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา องครักษ์ทั้งด้านในด้านนอกก็ชักดาบออกมาทันที…
“อย่าขยับ” อาชิ่นพูดเสียงต่ำ “มิเช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย”
เหล่าองครักษ์ไม่กล้าขยับ มองสาวรับใช้อย่างกังวล
“เป็นเช่นนี้จริงด้วย! พวกเจ้าเป็นพวกเดียวกับหลี่เหลียง!” เฉินตันจูตะโกนอย่างโกรธเคือง “ยอมให้จับเสียโดยดี!”
เวลานี้แล้วยังตะโกนให้ยอมแพ้ หรือว่านางมาสืบหาพรรคพวกของหลี่เหลียงจริงๆ อาชิ่นสาวรับใช้คิดในใจ นางมองเข้าไปภายในห้อง คนที่นั่งอยู่ด้านหลังม่านลูกปัดนิ่งสงบ
“คุณหนูตันจู” เสียงหญิงสาวดังขึ้น “ท่านไม่อาจใส่ร้ายพวกข้าเช่นนี้ พวกข้าเป็นแค่ราษฎรบริสุทธิ์ที่อาศัยอยู่บริเวณนี้เท่านั้น”
เฉินตันจูหัวเราะ “บริสุทธิ์? ราษฎรบริสุทธิ์จะถือมีดไว้ในมือหรือ?”
นางมองม่านลูกปัดด้วยความเย็นชา เสียดายที่ม่านลูกปัดมิดชิด มองไม่เห็นลักษณะของคนด้านใน เห็นเพียงแค่ร่างอันเลือนรางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“ระยะนี้ไม่สงบมากนัก” นางถอนหายใจเสียงเบา เพียงแค่ได้ยินเสียงก็ทำให้คนจินตนาการความงามของนางได้
เมื่อเทียบกันแล้ว เสียงของเฉินตันจูเต็มไปด้วยความดื้อรั้นไร้มารยาท “ไม่ต้องพูดมาก! ยอมให้จับเสียโดยดี มิเช่นนั้นมีโทษเท่าหลี่เหลียง”
เวลานี้ต้องทำให้พวกนางเชื่อว่านางมาสืบหาพวกของหลี่เหลี่ยง อีกทั้งไม่รู้ตัวตนของพวกนาง มิเช่นนั้นคงไม่มีแม้แต่โอกาส
เสียงหญิงสาวหัวเราะขึ้น “คุณหนูตันจู ท่านเลอะเลือนแล้วหรือ หลี่เหลียงมีโทษอันใดกัน หลี่เหลียงเป็นผู้ช่วยเหลือฮ่องเต้ ไม่ใช่โทษ หากแต่เป็นคุณงามความดี ก่อนที่ท่านคิดจะสืบหาพวกของหลี่เหลียง ท่านควรคิดก่อนว่าตนเองสังหารหลี่เหลียงเป็นโทษอันใด”
คำพูดนี้ชัดเจนเกินไป เฉินตันจูเดินขึ้นหน้า…
“คุณงามความดี?” นางตะโกน “หลี่เหลียงเป็นแม่ทัพของท่านอ๋องหนึ่งวัน เขาย่อมเป็นคนทรยศหนึ่งวัน ไม่ว่ากฎทหารหรือกฎเมืองล้วนเป็นโทษ! ถึงแม้จะอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ข้าเฉินตันจูก็กล้าพูด…พวกของเขา ข้าจะไม่ปล่อยไว้…พวกเจ้าทำให้พ่อข้า…”
สาวรับใช้ไม่คิดว่าเวลานี้นางจะกล้าดิ้นรน มีดในมือไม่กล้าขยับ
เฉินตันจูนี้เหมือนดั่งที่ด้านนอกร่ำลือกัน ทั้งหยิ่งยโสทั้งบ้าคลั่ง เวลานี้ชื่อเสียงของท่านมหาราชครูเฉินพังทลาย นางคงโกรธอย่างมาก เวลานี้มาระบายความโกรธในจวนของหลี่เหลียง…คำพูดที่กลับไปกลับมา ดังนั้นเฉินตันจูไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกนาง คนด้านในเห็นเฉินตันจูเช่นนี้ จึงลังเลเล็กน้อย ไม่ได้เรียกให้สาวรับใช้ลงมือได้ทันเวลา
การชะงักในครั้งนี้ ทำให้เฉินตันจูดิ้นหลุดจากการควบคุมของสาวรับใช้ องครักษ์อาศัยจังหวะเดินขึ้นหน้า ปะทะกับสาวรับใช้ที่ถือมีด หากแต่นางไม่ใช่คู่ต่อสู้ขององครักษ์ มีดถูกกระแทกออกไป…
“คุณหนู” นางตะโกน
ด้านในห้องมีเสียงดังขึ้น “เข้ามา!”
ตามเสียงตะโกน องครักษ์สิบกว่าคนปรากฏขึ้นในลาน ล้อมเฉินตันจูและคนอื่นเอาไว้
เฉินตันจูถูกองครักษ์สี่คนล้อมเอาไว้ตรงกลาง มองดูประตูห้องที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เสียดายที่บุกเข้าไปไม่ได้…
คนในห้องก็ตกอยู่ในความหวาดกลัว เสียงไม่อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้
“หาที่ตายเสียจริง” นางพูด “ฆ่านางเสีย”
เฉินตันจูตะโกน “บังอาจ! ที่นี่คือเมืองอู๋ ท่านอ๋องยังอยู่ ฝ่าบาทก็อยู่ เจ้ากล้าฆ่าคน!”
ถึงแม้นางตะโกนเช่นนี้ แต่ภายในใจรู้ดีเป็นอย่างยิ่งว่าหญิงสาวตรงหน้ากล้า…ก่อนหน้าที่จะเข้ามา นางพนันไว้ครึ่งหนึ่งว่าหญิงสาวไม่กล้า เวลานี้รู้แล้วว่าพนันแพ้
เมื่อได้ยินเสียงของหญิงสาว องครักษ์สิบกว่าคนรอบด้านจู่โจมเข้ามาพร้อมกัน องครักษ์สี่คนของเฉินตันจูไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย…
เสียงเคร้งดังขึ้น องครักษ์สิบกว่าคนยังไม่ทันเดินหน้าเข้าใกล้ อาวุธในมือก็ลอยออกไป บนหลังคามีคนบินลงมาดุจดั่งอินทรี ในมือของเขาถือธนูคันใหญ่ แทบจะบังตัวของเขาเอาไว้จนมิด…
“หยุด” เขาตะโกน
เมื่อเห็นคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นองครักษ์สิบกว่าคน หรือว่าองครักษ์สี่คนที่คุ้มกันเฉินตันจูต่างส่งเสียงสงสัยออกมา พร้อมทั้งชะงักลง
เสียงหญิงสาวในห้องดังขึ้นอย่างขุ่นเคือง นางยังไม่สั่งให้หยุด คำสั่งของผู้ใดทำให้องครักษ์ของนางหยุดลงได้
“พวกเจ้าทำอันใด” นางตะโกนพร้อมลุกขึ้นยืน “ฆ่าพวกเขาเสีย! อย่าเกรงว่าเป็นใคร มีข้าอยู่”
แต่องครักษ์ในจวนยังคงไม่ขยับ คนที่เป็นผู้นำพูดกับคนด้านในเสียงเบา “คุณหนู ใต้เท้ามั่วหลินขอรับ”
มั่วหลิน? เฉินตันจูคิดภายในใจ เป็นอะไรกับจู๋หลิน นางมองขึ้นไปบนหลังคา ถึงแม้จะไม่มีการปิดบัง แต่คนนั้นราวกับยืนอยูในเงา มองไม่เห็นหน้าแม้แต่น้อย
ม่านลูกปัดดังขึ้น เฉินตันจูมองเห็นมือหนึ่งเปิดม่านลูกปัดขึ้นเล็กน้อย…หญิงสาวคนนั้น
แต่นางมองไป หญิงสาวคนนั้นก็ปิดม่านลูกปัดลงแล้ว ทันเห็นเพียงคางขาวของอีกฝ่ายเท่านั้น
“มั่วหลิน?” เสียงประหลาดใจของนางดังขึ้น “เจ้ามาได้อย่างไร คือ…หมายความว่าอย่างไร”
เสียงของมั่วหลินที่อยู่บนหลังคาดังขึ้น “ไป”
หญิงสาวภายในห้องฉงนเล็กน้อย “ผู้ใดไป”
มั่วหลินพูด “ท่าน”
หญิงสาวภายในห้องตะลึง “เหตุใดข้า…”
นางยังพูดไม่ทันจบ ธนูคมเล่มหนึ่งปักเข้าที่กรอบประตู เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้หญิงสาวส่งเสียงร้องตกใจออกมา ถอยหลังห่างจากริมประตู