บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 64 แย่แล้ว

ตอนที่ 64 แย่แล้ว

เฉินตันจูโกรธจนกัดฟันมาตลอดทาง น้ำตาหลั่งไหลลงมา

“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้าง” อาเถียนถามอย่างรีบร้อน “ท่านอย่าร้องไห้สิเจ้าคะ”

เมื่อสักครู่นางไม่ได้ตามคุณหนูกลับตระกูล เพราะคุณหนูให้นางนำองครักษ์ไปที่อื่น นางเดินวนอยู่บนถนนรอบหนึ่งซื้อนั้นซื้อนี่ จากนั้นให้องครักษ์นำสิ่งของที่ซื้อส่งกลับไป จากนั้นนัดให้มารับที่หน้าร้านค้าตระกูลหวัง สุดท้ายตนเองจึงรีบมารับคุณหนู

เฉินตันจูยืนอยู่บนถนน ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา กัดริมฝีปากล่าง “รังแกคนมากเกินไปแล้ว หลี่เหลียงรังแกคนมากเกินไปแล้ว”

อาเถียนถามเสียงเบา “ได้คำตอบอะไรเจ้าคะ”

เฉินตันจูบอกนางว่าตนเองจะมาถามอะไร หลี่เหลียงเลี้ยงบ้านเล็ก ตอนที่อาเถียนได้ยินเรื่องนี้ก็ตกใจ นางไม่กล้าเชื่อ นางติดตามเฉินตันจูตั้งแต่สิบขวบ อีกทั้งไปหาเฉินตันเหยียนอยู่บ่อยครั้ง ย่อมต้องรู้ว่าพวกเขาทั้งสองรักกันแค่ไหน…

แต่เมื่อครุ่นคิดอีกครั้ง หลี่เหลียงสามารถทรยศท่านอ๋องอู๋ได้ ทรยศความรักของสามีภรรยาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เฉินตันจูมองไปด้านหน้า “บ้านเล็กอยู่สะพานชิงซี”

อาเถียนตอบรับ ก่อนจะถลึงตา “สะพานชิงซี จวนของกูเหยียอยู่ที่นั้น เขา เขา…”

เฉินตันจูหัวเราะเสียงเย็น “ใช่ ใกล้เคียงจวนของเขา ภายใต้ตาของท่านพี่”

เฉินตันจูไม่รู้ต้องชื่นชมความใจกล้าของหลี่เหลียง หรือว่าเขาไม่เห็นพวกเธออยู่ในสายตา

หญิงสาวคนนั้นอยู่ใกล้กับจวนของเธอถึงเพียงนี้

เฉินตันจูคิดว่าหญิงสาวคนนั้นอาจอยู่ในบ้านเกิดของหลี่เหลียง หรือไม่ก็อาจอยู่นอกเมืองอู๋ เพราะอย่างไรหญิงสาวคนนั้นเป็นคนของราชสำนัก อีกทั้งตำแหน่งไม่ต่ำ

ดังนั้นนางจึงไม่มีโอกาสและไม่กล้าสืบ เพราะองครักษ์ของแม่ทัพหน้ากากเหล็กจับตาเฝ้าดูนางอยู่ตลอด พวกเขาย่อมรู้การมีอยู่ของหญิงสาวคนนั้น นางไม่กล้าตีหญ้าให้งูตื่น

ไม่คิดว่าจะอยู่ตรงหน้า อีกทั้งตามการสารภาพของฉางซาน ฉางหลิน หญิงสาวคนนั้นอยู่เมืองอู๋ตลอดเวลา แม้แต่ตอนที่หลี่เหลียงไปเผชิญหน้ากับราชสำนักที่แนวหน้า นางก็ไม่เคยจากไป หลี่เหลียงบอกว่าเมืองอู๋เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด

หลี่เหลียงพูดไม่ผิด สำหรับหญิงสาวคนนั้นแล้วเมืองอู๋เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุด เวลานี้ยิ่งใช่…แพ้ชนะของราชสำนักและเมืองอู๋ถูกกำหนดไว้แล้ว เมืองแห่งนี้ถูกราชสำนักครอบครอง เฉินเลี่ยหู่กลายเป็นคนทรยศที่ทุกคนรังเกียจ

ดังนั้นหญิงสาวคนนั้นอาจยังอยู่ในเมืองนี้ เฉินตันจูสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ” ไป พวกเราไปดู”

อาเถียนกังวลเล็กน้อย “แค่พวกเราสองคนหรือเจ้าคะ”

หรือไม่เรียกคนในตระกูลมาด้วย หากเป็นเรื่องนี้ ตระกูลต้องยอมส่งคนมาช่วยอย่างแน่นอน

หญิงสาวคนนั้นไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่ารอบตัวมีคนคุ้มกันกี่คน อีกทั้งพวกเขาอยู่ในที่ลับ หากนางพาคนไปมากอาจไม่พบ ดังนั้นตอนที่เฉินตันจูซักถามจึงไม่ได้ให้ก่วนเจียอยู่ด้วย สิ่งที่นางถามก็คลุมเครือ ยิ่งไม่ได้ขอคนจากในตระกูล…

“ไป เรียกคนของจู๋หลินมา” เฉินตันจูข่มเม้มปาก สายตาลุกวาว นางใช้องครักษ์ของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก สำหรับหญิงสาวคนนั้นแล้วก็คือคนของตนเอง ย่อมไม่ระวังตัว “บอกว่าพวกเราจะไปหาของในจวนของพี่เขย”

จู๋หลินได้รับข่าวจากองครักษ์ เฉินตันจูไปขอร้องท่านพ่อของตนเองที่ตระกูลเฉิน อาเถียนให้รถพานางไปซื้อของ บอกว่าตระกูลไม่มีทางให้อภัยคุณหนูในระยะสั้น อย่างไรก็ต้องกลับอารามดอกท้อ องครักษ์ซื้อของกินของใช้จำนวนมาก อีกทั้งยังถูกเร่งเร้าให้ส่งกลับไปอารามดอกท้อ

“บอกว่าจะกินคืนนี้ ส่งกลับไปให้ห้องครัวเตรียมเอาไว้ก่อน” องครักษ์พูด ก่อนจะเสริมขึ้น “ข้าว่าคืนพรุ่งนี้ก็กินไม่หมด มีมากโข”

จู๋หลินตอบรับ คุณหนูตันจูสมกับเป็นสาวชนชั้นสูง ประสบเรื่องมากมายเพียงนี้ ยังมักซื้อของตามใจชอบ สิ้นเปลืองฟุ่มเฟือย…

เขาเหลือบมององครักษ์ที่ยืนนิ่งไม่ขยับ

“ไปจับตาดูเอาไว้ต่อสิ” เขาขมวดคิ้วเร่งเร้า “อย่าเอาแต่รอคอยที่หน้าร้านตระกูลหวัง”

องครักษ์ยื่นมือมาทางเขา “พี่จู๋หลิน เงิน ซื้อของใช้เงินไปไม่น้อย”

จู๋หลินถลึงตาใส่เขา อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่รู้จะพูดอย่างไร ทำได้เพียงกัดฟันดึงถุงเงินออกมา เตรียมรับเงิน “ใช้ไปมากน้อย…”

เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกองครักษ์แย่งเอาไปทั้งหมด

“ข้าเอาไว้หมดเลย” องครักษ์พูด “อีกประเดี๋ยวคงต้องซื้อของอีก”

จู๋หลินโกรธจัด ยื่นมือออกไปแย่ง “ขากลับข้าตามรถไปด้วย เจ้าไม่ต้องกังวล”

ทั้งสองคนถกเถียงกัน องครักษ์อีกคนเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน “คุณหนูตันจูกลับมาแล้ว บอกให้เรียกทุกคนมา”

“นางจะกลับแล้วหรือ” จู๋หลินถาม

เรียกทุกคนหมายความว่าอย่างไร ออกเดินทางมีคนเคลื่อนรถก็พอแล้ว คนอื่น นางล้วนแสร้งเป็นมองไม่เห็น พวกเขาแสร้งว่าไม่มีอยู่

องครักษ์ที่มาใหม่พูดด้วยสีหน้าประหลาด “ไม่ใช่ขอรับ บอกว่าจะไปค้นจวน”

ค้นจวน? นางค้นจวนใครได้

“จวนชองหลี่เหลียง” องครักษ์พูด

จวนของหลี่เหลียงก็คือจวนของเฉินตันเหยียน บิดามารดาและญาติของหลี่เหลียงล้วนไม่อยู่ในเมือง ภายในจวนมีเพียงสาวรับใช้ อีกทั้งส่วนใหญ่เป็นคนที่เฉินตันเหยียนพาเข้าไปตอนแต่งงาน ดังนั้นหลี่เหลียงทำผิด แต่เฉินเลี่ยหู่ไม่ได้จับคนในจวนของหลี่เหลียงเอาไว้

“คุณหนูตันจูบอกว่าถูกขับไล่ออกจากตระกูลเฉิน พักอยู่บนภูเขาไม่สะดวก นางคิดจะไปพักในจวนของหลี่เหลียง”

จู๋หลินรู้สึกระอาเมื่อได้ยินคำอธิบายนี้ เอาเถิด เป็นเรื่องที่คุณหนูตันจูสามารถทำออกมาได้

พวกเขาถูกเรียกใช้จนต้องทำทุกเรื่องเสียจริง

จู๋หลินไปรายงานเรื่องนี้ต่อแม่ทัพหน้ากากเหล็กก่อน แม่ทัพหน้ากากเหล็กกำลังสนทนากับหวังเจียน หวังเจียนได้ยินจึงขมวดคิ้ว “หญิงสาวนี้ก่อเรื่องวุ่นวายได้ทุกวันเสียจริง”

แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ก่อเรื่องไม่ใช่เรื่องร้ายอะไร”

“ไม่ใช่หรือ” หวังเจียนถลึงตา หรือว่าก่อเรื่องยังมีความหมายอย่างอื่น

แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ไม่เป็นผลร้ายต่อพวกเราก็ไม่ใช่” เขาชี้ไปบนโต๊ะ “อย่าใจลอย รีบดูสิ่งเหล่านี้ ท่านอ๋องฉีไม่ได้รับมือง่ายเหมือนท่านอ๋องอู๋”

หวังเจียนตั้งสติกลับมา เรื่องใหญ่เหล่านี้น่าสนใจยิ่งกว่า เรื่องของหญิงสาวเขาไม่อยากได้ยินแม้แต่น้อย เขาพลิกดูข่าวที่ถูกส่งมาอย่างตื่นเต้น

จู๋หลินเห็นว่าพวกเขากำลังหารือเรื่องสำคัญจึงถอยออกไปอย่างสงบ

องครักษ์ที่รออยู่ด้านนอกประตูถามขึ้น “เป็นอย่างไร ท่านแม่ทัพให้พวกเราไปค้นจวนกับคุณหนูตันจูหรือไม่”

จู๋หลินคิดภายในใจ ถึงแม้ท่านแม่ทัพไม่ได้ตอบ แต่บอกว่าก่อเรื่องวุ่นวายไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แสดงว่าเห็นด้วย เขาโบกมือ “ไป!”

ช่วงเวลากลางวันที่ร้อนที่สุด ถนนเส้นที่สามทางตะวันออกของสะพานชิงซีคึกคักอย่างยิ่ง มีคนจำนวนมากกำลังรวมตัวมองดูรถม้าที่จอดอยู่ด้านหน้าจวนหลังหนึ่งที่ไม่เล็กไม่ใหญ่ ด้านนอกประตูมีองครักษ์ยืนอยู่สองคน ด้านในมีเสียงร้องตกใจ เสียงร้องไห้ และเสียงแหลมของหญิงสาวดังขึ้น “จับขึ้นมาให้หมด”

น่ากลัวเสียจริง…ระยะนี้เมืองหลวงเกิดเรื่องน่ากลัวจำนวนมาก เหล่าราษฎรต่างกระซิบนินทา

รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนมาจากทางไกลมาก เหล่าราษฎรต่างหลีกทางให้อย่างวุ่นวาย สาวรับใช้ที่นั่งอยู่หน้ารถขมวดคิ้วถาม “เกิดอันใดขึ้น เอ๊ะ? จวนของแม่ทัพหลี่”

เมื่อได้ยินดังนี้ ม่านหน้าต่างรถถูกเปิดขึ้นด้วยสองนิ้ว ราวกับมีคนกำลังมองออกไปด้านนอก

“เกิดอันใดขึ้น” หญิงสาวถามขึ้นเสียงเบา

สาวรับใช้ให้ผู้ติดตามข้างรถไปถาม ผู้ติดตามกลับมาอย่างรวดเร็ว “คุณหนูเฉินตันจูอยู่ในจวนแม่ทัพหลี่ บอกว่าจะหาผู้สมรู้ร่วมคิด”

หญิงสาวหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะวางม่านลง สาวรับใช้โบกมือกับผู้ติดตาม ผู้ติดตามถอยออก คนขับรถม้าจูงรถม้าคันเล็กนี้เล็ดลอดผ่านฝูงชนไปตามถนน เคลื่อนผ่านหน้าจวนของหลี่เหลียง สาวรับใช้ที่นั่งอยู่บนรถมองเข้าไปด้านใน ประตูใหญ่เปิดกว้าง บ่าวรับใช้ในจวนกระจัดกระจาย ด้านหน้าโถงมีหญิงสาวอายุน้อยยืนอยู่…

ผ่านไปอย่างรวดเร็ว สาวรับใช้ดึงสายตากลับมา รถม้าเคลื่อนที่จากไป เมื่อเดินทางมาถึงสุดทางของถนน รถม้าเคลื่อนเข้าไปในจวนเล็กที่ไม่โดดเด่น

แม่ทัพหน้ากากเหล็กที่กำลังดูแผนที่ภายในพระราชวังนั่งตัวตรงขึ้น

“ไม่ใช่” เขาพูด

หวังเจียนที่กำลังจัดวางกองกำลังถูกขัดจนผงะ “ไม่ใช่อย่างไร” เขาเดินเข้าไปมองแผนที่อย่างใกล้ชิด “ไม่ผิด ตำแหน่งนี้เหมาะสมที่สุด…”

แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ตะวันออกของสะพานชิงซีไม่ได้มีเพียงจวนของหลี่เหลียง ไม่มีทางไปค้นจวนของหลี่เหลียงอย่างกะทันหัน…”

หวังเจียนผงะกว่าเดิม “อะไร นางคือใคร หลี่เหลียง?”

เหตุใดจึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา พวกเขากำลังหารือเรื่องใหญ่อยู่ไม่ใช่หรือ ทันใดนั้นเขาก็กระจ่าง ก่อนจะขุ่นเคืองขึ้นมาทันที

“ท่านแม่ทัพ…ท่านเหม่อลอยอยู่ตลอดหรือ”

แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่สนใจเขา นิ้วมือเคาะลงไปที่โต๊ะ ยังคงพูดต่อเหมือนดั่งม้าที่วิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว “แม้แต่หลี่เหลียงจะขุ่นเคืองนางยังรู้ เรื่องของหญิงสาวคนนั้นนางก็อาจจะรู้ นางไม่ได้กระทำการอันใดเพราะเกรงว่าจะตีหญ้าให้งูตื่น เวลานี้…”

พูดถึงตรงนี้ นิ้วของเขาหยุดลงทันที

“แย่แล้ว”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท