บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 75 ตามหา

ตอนที่ 75 ตามหา

ทั่วทั้งแผ่นดินต่างรู้ว่าฮ่องเต้เอาโทษเหล่าท่านอ๋อง กองทัพราชสำนักตั้งอยู่นอกเมืองอู๋ แต่ไม่ปะทุสงครามครั้งใหญ่ อีกทั้งฮ่องเต้ยังเดินทางเข้าเมืองอู๋ ทำให้ท่านอ๋องอู๋กลายเป็นท่านอ๋องโจว ขับ…เชิญออกจากเมืองอู๋ไป

ตามตัวอักษรบอกว่าฮ่องเต้และขุนนางรักใคร่กลมเกลียว แต่คำว่าเชิญเข้าและเชิญออกทำให้หลายคนล้วนนึกถึงความเป็นจริงอันโหดร้าย ตามการจากไปของท่านอ๋องอู๋ ขุนนางและราษฎรเมืองอู๋สลายตัว ข่าวลือแพร่กระจาย…ความจริงแล้วไม่ใช่ท่านอ๋องอู๋เชิญฮ่องเต้เข้ามา หากแต่เป็นเฉินเลี่ยหู่ ผู้เป็นท่านมหาราชครูของท่านอ๋องทรยศ ให้บุตรสาวไปเชิญฮ่องเต้เข้ามา อำนาจของท่านอ๋องอู๋ล้มลงไม่อาจไม่ยอมจำนนได้

เหมือนดั่งท่านมหาราชครูแห่งเมืองโจวที่เปิดประตูเมืองออก เพียงแต่ท่านอ๋องอู๋โชคดีไม่ได้ถูกฮ่องเต้ประหาร

ถึงแม้คำสั่งโอรสแห่งสวรรค์ไม่อาจขัดขืนได้ แต่อย่างไรพวกเขาก็เป็นขุนนางของท่านอ๋อง…การกระทำนี้ถือเป็นการทรยศแล้ว

“แม่หญิงตันจูนี้ไม่อาจยุ่งเกี่ยวด้วยได้” อีกคนพูดเสียงเบา “นางสังหารพี่เขยของตนเอง หยุดยั้งทหารอู๋เตรียมการรบ บังคับท่านอ๋องออกพระราชโองการเชิญฮ่องเต้เข้ามา ผู้ที่ตำหนินางล้วนไม่มีจุดจบที่ดี คุณชายตระกูลหยางไต้ฟูถูกส่งเข้าคุก เหม่ยเหรินของท่านอ๋องอู๋ถูกนางบังคับให้จบชีวิตด้วยตนเอง บังคับให้ขุนนางอู๋ทั้งหมดติดตามท่านอ๋องอู๋ไป…ส่วนท่านมหาราชครูประกาศต่อหน้าท่านอ๋องอู๋ว่าตนเองไม่ใช่ขุนนางอู๋อีกต่อไป เรียกร้องให้ทุกคนทรยศท่านอ๋องอู๋”

ชนชั้นสูงต่างแดนได้ฟังเช่นนี้ก็เผยสีหน้าหวาดกลัว ตระกูลนี้น่ากลัวเสียเหลือเกิน

“อย่างไรก็ตามอย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับคุณหนูตันจูนี้เด็ดขาด” คนพื้นที่ตักเตือน มองไปยังทหารยามที่จ้องมองอยู่รอบด้าน

เวลานี้เหล่าทหารยามตรวจสอบคนกลุ่มหนึ่งเสร็จสิ้น ตะโกนมาทางนี้ “พวกเจ้าไม่เข้าเมืองหรือ?”

เหล่าคนที่รวมตัวกันพูดคุยตกใจจนกระจายตัวออกไปต่อแถว “เข้าเมืองๆ”

เฉินตันจูไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นนอกรถ ไม่สนใจว่าเรื่องที่เข้าเมืองโดยไม่ผ่านการตรวจ…แต่ก่อนนางอยู่เมืองอู๋ก็เป็นเช่นนี้

“คุณหนูพวกเราจะไปที่ใด” อาเถียนถาม ก่อนจะถามเสียงต่ำ “หาคนผู้นั้นจากที่ใด”

เฉินตันจูพูดว่าจะลงเขาเข้าเมืองอย่างกะทันหัน อาเถียนจึงเรียกจู๋หลินเตรียมรถ เฉินตันจูไม่ได้บอกว่าไปที่ใด เพียงแค่บอกว่าอยู่บนเขาจนเบื่อหน่าย อยากเข้าเมืองไปเที่ยวเล่น

อาเถียนพอจะเดาได้ว่าคุณหนูต้องการหาคน คุณหนูเคยบอกว่ามีคนที่ชอบ จากนั้นไม่เคยพูดถึงอีกเลย แต่เรื่องใหญ่เช่นนี้อาเถียนไม่กล้าลืม นางรู้ว่าคุณหนูก็ไม่ได้ลืม อีกทั้งยังเก็บไว้ในใจเสมอมา…เวลานี้เรื่องของตระกูลวางใจได้ชั่วคราว คุณหนูมีเวลาตามหาคนผู้นี้แล้ว

เฉินตันจูยิ้มกับอาเถียน พยักหน้าจากนั้นส่ายหัว “ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากที่ใด พวกเราค่อยๆ ค้นหาไปเถิด”

จางเหยาบอกว่าพ่อตาของพ่อตาเขาคือหมอหลวง อันที่จริงก็เป็นเรื่องง่าย เพียงแค่ไปถามในที่ว่าการ แต่ขุนนางเมืองอู๋ส่วนใหญ่ต่างจากไปแล้ว ไม่สะดวกต่อการสืบถาม สิ่งสำคัญคือสายตาที่จับจ้องนางมีมากเกินไป นางไม่อยากให้จางเหยามีความเกี่ยวข้องกับตนเอง เรื่องที่อันตรายต่อจางเหยา นางทำไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว

“ในเมืองมีสำนักแพทย์และร้านยาเพียงเท่านี้” นางพูดเสียงเบา “ถามไปทีละเจ้าเถิด”

ถามหาบรรพบุรุษที่เป็นหมอหลวง แซ่เฉา ก็คงจะตามหาได้ง่าย

นางก็ไม่รีบ จางเหยายังมีอีกสามปีถึงจะเดินทางมา

อาเถียนรีบเปิดม่านรถขึ้น ออกคำสั่งกับจู๋หลิน “ไปทางตะวันตก คุณหนูจะหาสำนักแพทย์”

จู๋หลินเร่งม้า

เฉินตันจูเที่ยวเล่นในทางตะวันตกสามวัน เดินดูสำนักแพทย์และร้านยาน้อยใหญ่จนทั่ว จากนั้นพักผ่อนบนภูเขาหนึ่งวัน ก่อนจะเดินทางไปทางตะวันออก ยังคงเดินดูสำนักแพทย์…

ถึงแม้จู๋หลินไม่ถามเรื่องของเฉินตันจู แต่ย่อมต้องรายงานแม่ทัพหน้ากากเหล็ก

“ท่านว่านางทำอันใด” เมื่อหวังเจียนได้ยิน จึงถามด้วยความสงสัย “เดินดูสำนักแพทย์ นางเข้าไปถามอันใด”

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองรายงานการทหารที่กองอยู่ พูดขึ้น “ไม่รู้”

จู๋หลินเพียงแค่ไปส่ง แต่เขายืนอยู่ด้านนอกทุกครั้ง ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าเฉินตันจูพูดอันใดกับไต้ฟูในสำนักแพทย์

แต่สิ่งที่มั่นใจได้คือเฉินตันจูไม่ได้ป่วย…เดินไปมาระหว่างเมืองและภูเขาทุกวัน ท่าทางกระปรี้กระเปร่ากินก็มาก

“ราวกับกำลังซื้อยา” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดขึ้น จู๋หลินรายงานเรื่องนี้กับเขาโดยเฉพาะ บอกว่าคุณหนูตันจูซื้อยาจากทุกสำนักแพทย์ อีกทั้งยังเน้นย้ำคำว่าทุกสำนักแพทย์ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร…จู๋หลินราวกับขี้บ่นขึ้น เพราะว่าอยู่กับหญิงสาวเป็นเวลานาน?

เฉินตันจูซื้อยากลับไปก็ไม่กิน หากแต่เก็บเอาไว้ หรือว่าต้องการเก็บไว้ใช้? กักตุนยารอใช้ในเวลาป่วย? เด็กหญิงที่น่าสงสารอยู่ตัวคนเดียวโดยไม่มีญาติมิตรอยู่ข้างกาย?

“น่าสงสารอะไรกัน” หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ “ข้าว่านางกำลังศึกษายาพิษ หญิงสาวคนนี้ใช้พิษเป็น”

เวลานั้นคุณหนูตันจูวางยาพิษหลี่เหลียงทำให้เขาตกตะลึงมาก ถึงแม้เขาจะแก้ได้ แต่ก็ไม่อาจรับรองได้ว่าหลี่เหลียงจะอยู่รอดอย่างสมบูรณ์

อายุเพียงนี้ ศึกษาจากที่ใด เวลานี้ยังศึกษาสิ่งเหล่านี้ นางคิดจะทำอันใด

หวังเจียนมองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก พลางเอ่ยเตือน “ท่านระวังไว้ นางจะวางยาพิษท่าน”

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองเขา “หวังไต้ฟู ท่านอย่าดูถูกตัวเอง”

ดูถูกตัวเอง? หวังเจียนผงะ พูดถึงหญิงสาว เกี่ยวอะไรกับเขา…อ่อ หวังเจียนเข้าใจแล้ว หัวเราะร่าด้วยท่าทางได้ใจ

ท่านแม่ทัพกำลังชมเขา! มีเขาอยู่ ใครจะใช้ยาพิษทำร้ายท่านแม่ทัพได้! หญิงสาวตัวเล็กมีอันใดน่าหวาดกลัว!

แม่ทัพหน้ากากเหล็กมองหวังเจียนที่หัวเราะร่าไม่พูดอะไรออกมาอีก ทำให้เขาสามารถตั้งใจอ่านข่าวทางการทหารต่อ…บอกว่าหญิงสาวขี้บ่น ชายชราก็พูดมากเหมือนกัน

ฝนในฤดูใบไม้ร่วงตอนต้นตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย เฉินตันจูนั่งอยู่ในร้านยาแห่งหนึ่ง มองไต้ฟูชราจับชีพจร

“แม่หญิงร่างกายอ่อนแอเล็กน้อย” ไต้ฟูชราจับชีพจรอยู่สักพัก จึงพูดขึ้น “ไม่มีสิ่งอื่นต้องกังวล…แม่หญิงรู้สึกว่าไม่สบายอย่างไร”

หลายวันนี้เฉินตันจูฝึกฝนจนเชี่ยวชาญแล้ว มือของนางกุมไปที่ขมับ “กลางคืนนอนหลับได้ไม่สนิท ตอนเช้าวิงเวียน”

ไต้ฟูชราเห็นหญิงสาวร่างกายผอมบาง ใบหน้าเล็กขาวใส ถึงแม้จะไม่ได้สวมใส่เครื่องประดับ แต่ชุดที่สวมอยู่นั้นใช้ผ้าชั้นดี…ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร

ชายหนุ่มหญิงสาวในเมืองอู๋ล้วนยึดความผอม ชายหนุ่มกินผงจินสือ หญิงสาวแทบจะดื่มน้ำทั้งวัน

ไม่ป่วยก็ทำจนป่วย

“ข้าจ่ายยาให้แม่หญิง กินหลังกินข้าวทุกวัน” ไต้ฟูชรายกพู่กัน

เฉินตันจูกล่าวขอบคุณ พินิจภายใน ร้ายยานี้ไม่ใหญ่ ในร้านมีตู้ยาหนึ่งแถว เด็กในร้านอีกหนึ่งคน…

“ไต้ฟู บรรพบุรุษของท่านเป็นหมอหลวงหรือ” นางถาม มองไต้ฟูชราที่กำลังเขียนยา

ไต้ฟูชราส่ายหัว “บรรพบุรุษข้าเรียนหนังสือ มีแค่ข้าเรียนหมอ”

เฉินตันจูถามไปอย่างนั้น ได้ยินว่าไม่ใช่หมอหลวงก็ไม่แปลกใจ “คนเรียนหนังสือก็เป็นไต้ฟูได้ ข้าคิดว่าไต้ฟูล้วนสืบทอดจากตระกูลเสียอีก…”

คำพูดของหญิงสาวราวกับ…ไต้ฟูชราเลิกคิ้วมองนาง

“…ไต้ฟูท่านช่างเก่งกาจเสียเหลือเกิน” เฉินตันจูพูดต่อ

หญิงสาวที่งดงาม พูดจาก็ไพเราะ ไต้ฟูชราหัวเราะร่า ก่อนจะส่งใบสั่งยามาให้

อาเถียนที่ยืนอยู่ด้านข้างรีบรับมา หันหลังไปเรียกจู๋หลิน จู๋หลินที่ยืนอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา รับใบสั่งยาให้เด็กในร้านจ่ายยาโดยไม่ถามสิ่งอื่น

“ข้าจะลองกินดู” เฉินตันจูพูดกับไต้ฟูชรา

ไม่กินอันที่จริงก็ไม่เป็นอะไร ยานี้ออกฤทธิ์ดีสุดหลังกินข้าว…กินข้าวให้มากก็พอแล้ว หญิงสาวเดิมทีก็ไม่มีโรคอะไรมาก ไต้ฟูชราพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ มองดูหญิงสาวลุกขึ้น

“ถึงแม้บรรพบุรุษข้าไม่ใช่หมอหลวง แต่ข้าก็เป็นไต้ฟูได้” เขาพูด “แต่อีกเจ้าบนถนนถัดไป บรรพบุรุษเป็นหมอหลวง แต่รุ่นหลังไม่มีผู้ใดเป็นหมอ ตำหนักยาต้องเชิญไต้ฟูไปนั่งประจำ”

เฉินตันจูที่หันหลังจากมาชะงักเท้าลง หันกลับไปยิ้ม “อย่างนั้นหรือ น่าเสียดายเสียจริง”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท