อาเถียนฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่ไม่ได้กลับอารามดอกท้อ หากแต่เฝ้ารออยู่ด้านนอกประตูวัง ภายในดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อเห็นเฉินตันจู จึงรีบเรียกขานคุณหนู
“คุณหนู ท่านไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางร้องไห้ “ข้าไร้ประโยชน์ ข้า…”
เมื่อกี้นางไม่มีโอกาสที่จะคุ้มกันคุณหนูก็ถูกคนตีสลบไป
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า คนอื่นเก่งเกินไป” เฉินตันจูพูด “พวกเรากลับกันเถิด”
ใช่ เศร้าโศกพอแล้ว จะให้คุณหนูมาปลอบใจตนไม่ได้ อาเถียนพยักหน้าพยุงเฉินตันจูขึ้นรถ ก่อนจะบอกกับจู๋หลินว่ากลับอารามดอกท้อ
จู๋หลินถาม “ยังต้องซื้อของหรือไม่”
อาเถียนถลึงตา เขากำลังเยาะเย้ยพวกนางหรือ เยาะเย้ยที่ก่อนหน้านี้ใช้ข้ออ้างซื้อของหลอกพวกเขา?
“ไม่ซื้อ!” อาเถียนพูด ก่อนจะสะบัดม่านลง
จู๋หลินไม่เข้าใจ ไม่ซื้อก็ไม่ซื้อ เหตุใดต้องดุเพียงนี้
รถม้าเคลื่อนที่ไปอย่างโยกเยก เฉินตันจูนั่งอยู่ในรถ เวลานี้ไม่ต้องแสร้งทำ หยาดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้เป็นเวลานานร่วงหล่นลงมา นางปิดหน้าร้องไห้ นางรู้ว่าการฆ่าหรือจับหญิงสาวคนนั้นไม่ง่าย แต่ไม่คิดว่าแม้แต่ใบหน้าของอีกฝ่ายก็ยังไม่เห็น…
นางไม่เพียงแก้แค้นให้พี่สาวไม่ได้ แม้แต่วิธีพิสูจน์ให้พี่สาวเห็นถึงการมีอยู่ของอีกฝ่ายก็ยังไม่มี
ไร้ประโยชน์เหลือเกิน เศร้าเสียเหลือเกิน
รถม้าเคลื่อนออกไปทางนอกเมือง ในเวลาเดียวกัน รถม้าคันหนึ่งเดินทางมาถึงถนนสามทางตะวันออกของสะพานชิงซี ฝูงชนที่รวมตัวอยู่สลายไปแล้ว ราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น
เฉินตันเหยียนยืนอยู่หน้าจวนภายใต้การพยุงของเสี่ยวเตี๋ย อารมณ์ซับซ้อนอย่างยิ่ง
เฮ้อ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นบ้านอันอบอุ่นและมีความสุขของนาง เวลานี้ระลึกถึงขึ้นมากลับมีแต่ความเจ็บปวด
บ่าวรับใช้ในบ้านถูกขังเอาไว้ในห้องโถง เมื่อเห็นเฉินตันเหยียนกลับมาทั้งร้องไห้ทั้งกลัว คุกเข่าร้องขอชีวิต พลางบอกว่าไม่รู้เรื่องของหลี่เหลียง พูดจนเฉินตันเหยียนปวดหัว
“หยุดตะโกนได้แล้ว” เสี่ยวเตี๋ยพูด มองเฉินตันเหยียนทีหนึ่งก่อนจะถามขึ้น “คุณหนูรองเล่า?”
บ่าวรับใช้ต่างส่ายหัว พวกเขาไม่รู้ว่าเรื่องอันใด คุณหนูรองจับพวกเขาขังไว้ จากนั้นหายตัวไป แม้แต่องครักษ์ที่เฝ้าอยู่ก่อนหน้านี้ก็จากไป
ไปแล้ว? เฉินตันเหยียนฉงน องครักษ์ของตระกูลเฉินคนหนึ่งเดินเข้ามา พูดเสียงเบากับเฉินตันเหยียนก่อนจะชี้ไปด้านนอก เฉินตันเหยียนเดินออกมาอย่างครุ่นคิดพร้อมเสี่ยวเตี๋ย
“คุณหนูรองเข้ามาที่นี่เป็นที่สุดท้าย?” นางเดินมาถึงหน้าจวนแห่งนี้ “ข้ารู้ นี่เป็นจวนของร้านซักผ้า”
เป็นเพื่อนบ้านที่คุ้นเคยกันมาหลายปี หญิงสาวที่เฉินตันจูจะหาเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลนี้ ตระกูลนี้ไม่มีหญิงสาวอายุน้อย
เสี่ยวเตี๋ยผลักประตูเข้าไป หันกลับมาพูดด้วยความตะลึง “คุณหนู ไม่มีคน”
ประตูเปิดอยู่แต่ไม่มีคน? เฉินตันเหยียนเดินเข้ามาสำรวจ พูดกับเหล่าองครักษ์ “ค้น”
เหล่าองครักษ์กระจายตัวไป เสี่ยวเตี๋ยพยุงนางนั่งลงบนเก้าอี้หิน ไม่นานนักเหล่าองครักษ์กลับมา “คุณหนูใหญ่ จวนนี้ไม่มีคน ราวกับผ่านการเก็บของอย่างเร่งรีบ แม้แต่กล่องเก็บของก็ไม่มี”
คุณหนูรองทำให้พวกเขาหนีไป? หรือว่าจะเป็นพวกของหลี่เหลียงจริง? พวกนางถามองครักษ์ที่สอบปากคำ องครักษ์บอกว่าคุณหนูรองต้องการหาหญิงสาว บอกว่าเป็นพวกของหลี่เหลียง
เสี่ยวเตี๋ยมองไปยังเฉินตันเหยียน “คุณหนูใหญ่…”
นางยังพูดไม่ทันจบ เฉินตันเหยียนก็พูดขัดนาง สายตามองไปยังมุมของลานกว้าง “เสี่ยวเตี๋ย เจ้าดูตรงนั้น…ตุ๊กตาหัวโต”
เสี่ยวเตี๋ยมองไป เห็นเพียงแต่บนพื้นมีตุ๊กตาหัวโตล้มอยู่ นางหยิบขึ้นมาดู ไม่มีอะไรพิเศษ…
เฉินตันเหยียนจ้องมอง พูดขึ้นอย่างช้าๆ “เจ้าว่าเหมือนกับของที่อยู่ในจวนหรือไม่”
เสี่ยวเตี๋ยนึกขึ้นมาได้ มีครั้งหนึ่งหลี่เหลียงซื้อตุ๊กตาโคลนกลับมา บอกว่าสั่งทำเป็นพิเศษ อีกทั้งยังสลักชื่อของเขาเอาไว้ เฉินตันเหยียนหัวเราะเขา ถามเขาว่าซื้อมาเพื่ออันใด หลี่เหลียงบอกว่ารอมีลูกให้ลูกเล่น เฉินตันเหยียนถอนหายใจบอกว่าตอนนี้ยังไม่มี หลี่เหลียงลูบปลายจมูกของนาง “ให้แม่ของลูกเล่นก่อน”
เฉินตันเหยียนรักษาสิ่งของที่หลี่เหลียงมอบให้เสมอ ตุ๊กตาโคลนก็วางไว้บนหัวเตียง…
เสี่ยวเตี๋ยพูด “ตุ๊กตาโคลนมีขายอยู่บนถนนตั้งมากมาย พลิกไปลพลิกมาก็มีแค่นี้…”
นางพูดพลางพลิกตุ๊กตาโคลนดู เมื่อเห็นตราประทับด้านล่างนั้น…
ชื่อของหลี่เหลียงปรากฏขึ้นต่อหน้า
เสียงของเสี่ยวเตี๋ยชะงักลง
เฉินตันจูไม่กลับมาที่จวนของหลี่เหลียง จึงไม่รู้ว่าพี่สาวเฉินตันเหยียนก็พาคนไปเหมือนกัน
เฉินตันจูเศร้าอย่างมาก ครั้งนี้ไม่เพียงตีหญ้าให้งูตื่น อีกทั้งยังเห็นความร้ายกาจของหญิงสาวคนนั้น ต่อจากนี้ ไม่ใช่ปัญหาว่านางจะสามารถจับหญิงสาวคนนี้ได้หรือไม่ หากแต่เป็นหญิงสาวคนนี้จะทำร้ายนางและครอบครัวของนางอย่างไร…
ชาติก่อนหญิงสาวคนนี้ได้ครองคู่และมีบุตรกับหลี่เหลียง แต่ตอนนี้นางสังหารหลี่เหลียงไปแล้ว คุณงามความดีของหลี่เหลียงก็ไม่มีแล้ว หญิงสาวคนนั้นจะยอมได้อย่างไร อีกทั้งตัวตนของหญิงสาวคนนั้นคือองค์หญิง…
เป็นคนของราชวงศ์
เฉินตันจูนั่งเหม่อลอยอยู่ด้านหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง อาเถียนถอดเครื่องหัวให้นางอย่างระมัดระวัง สายตาจับจ้องไปยังบนลำคอของนางที่ผูกผ้าสีขาวเอาไว้…
ผ้าเช็ดหน้าผูกไว้บนลำคอ สีสันคล้ายกับผ้าคลุมไหล่ ก่อนหน้านี้นางตื่นตระหนกจึงไม่ทันสังเกต แต่เมื่อเห็นในเวลานี้ก็มีความสงสัยเล็กน้อย…คุณหนูนำผ้าเช็ดมือมาผูกไว้บนคอทำไมกัน
เมื่อมองดูอย่างละเอียด ผ้านี้ไม่ใช่ของคุณหนู
“คุณหนู นี่คืออะไร” นางถาม
เฉินตันจูหันกลับมามองกระจก เมื่อเห็นอาเถียนชี้ไปที่ลำคอ…อ่อ สิ่งนี้หรือเฉินตันจูนึกขึ้นได้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กนำผ้าผืนหนึ่งผูกไว้บนคอของนาง
“คำเตือนของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก” นางพูดเสียงเย็น “หากกล้าไปยุ่งกับหญิงสาวคนนั้นอีก จะใช้ผ้าขาวรัดคอข้าให้ตาย”
นี่คือคำข่มขู่ เฉินตันจูดึงผ้าบนคอโยนลงบนพื้น นางไม่มีทางฆ่าตัวตาย ถึงแม้นางต้องตาย นางก็จะลากแม่ทัพหน้ากากเหล็กไปด้วย!
ใช้ยาพิษอันใดดี หวังไต้ฟูเป็นผู้เชี่ยวชาญ นางต้องคิดหาวิธี…เฉินตันจูเหม่อลอยอีกครั้ง จากนั้นได้ยินเสียงอาเถียนพูดขึ้น
“คุณหนู คอคุณหนูเป็นแผล”
แผล? เฉินตันจูส่องกระจก นิ้วของอาเถียนชี้ไปตำแหน่งหนึ่ง ลูบคลำเบาๆ เฉินตันจูมองเห็นรอยสีแดงจางๆ เมื่อสัมผัสจึงรู้สึกเจ็บ…
นางจำได้แล้ว สาวรับใช้ของหญิงสาวคนนั้นจ่อมีดไว้บนคอของนาง ดังนั้นจึงเป็นแผล
บาดแผลเล็ก ไม่มีเลือดไหล อีกทั้งจิตใจว้าวุ่นตื่นตระหนกจึงไม่รู้สึกเจ็บ…
อาเถียนรีบไปหายา เฉินตันจูก้มตัวหยิบผ้าผืนนั้นขึ้นมา สะบัดออก พบว่าเลือดที่ไหลออกมาประทับอยู่บนผ้า
ดังนั้นเขาพันแผลให้นางหรือ เฉินตันจูโยนผ้าลงไป แสร้งเป็นคนดีอะไรกัน หากใจดีจริง เหตุใดจึงให้แค่ผ้า แทนที่จะทายาให้!
“ยามาแล้ว ยามาแล้ว” อาเถียนหยิบขวดยาเข้ามา ตระกูลเฉินเป็นตระกูลทหาร ยารักษาแผลนานาชนิดมีครบ คุณหนูรองดื้อรั้นตั้งแต่เล็กจนโต อาเถียนทายาให้นางอย่างคุ้นชิน “ทิ้งแผลไว้ตรงนี้ไม่ได้เชียว…ทายาเสร็จต้องกินยาเสริมเสียหน่อย”
เฉินตันจูอารมณ์ไม่ดีมาตลอดทาง อีกทั้งยังร้องไห้เป็นเวลานาน หลังจากกลับมาก็เหม่อลอยอยู่ตลอดเวลา สาวรับใช้ถามว่าจะกินข้าวเมื่อใด เฉินตันจูก็ไม่สนใจ เวลานี้อาเถียนจึงฉวยจังหวะถามขึ้นอีกครั้ง
เฉินตันจูมองลำคอที่ถูกพันแผลเอาไว้ผ่านกระจก ทั้งที่เป็นแผลเพียงเล็กน้อย…แค่เพียงคอยังไม่ขาด นางก็ยังไม่ตาย นางยังมีชีวิตอยู่ นางยังมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องกินข้าว
“กิน” นางพูด ความเศร้าโศกสลายไป “มีอะไรอร่อยยกขึ้นมาให้หมด”