เฉินตันจูตอนนี้เดินทางมายังหุยชุนถังของหลิวจั่งกุ้ยได้อย่างเปิดเผย ไม่ต้องแสร้งทำเป็นมาหาหมอ แต่มาซื้อยาโดยตรง
“คุณหนู หากท่านต้องการเปิดร้านยาขายยา ท่านไปซื้อที่ห้างยาจะดีกว่า ถูกกว่าทางข้า” หลิวจั่งกุ้ยพูดอย่างจริงใจ
“ยาที่ข้าต้องใช้ในเวลานี้มีไม่มาก” เฉินตันจูไม่ได้โกหกเขา นางตัดสินใจว่าจะเปิดร้านยาหาเงินจริง จึงอธิบายกับขาอย่างจริงจัง “ไปซื้อที่ห้างยาถูกว่าหลิวจั่งกุ้ยไม่มาก รอกิจการข้าใหญ่โตขึ้นค่อยไป”
นางคิดจะทำกิจการให้ใหญ่โตขึ้น? หลิวจั่งกุ้ยมองหญิงสาวตรงหน้าพลันส่ายหัว อยากจะถามว่าเปิดร้านยาที่ไหน แต่ต่อมารู้สึกว่ามีเรื่องน้อยดีกว่ามีเรื่องมาก ดังนั้นจึงไม่ได้ถาม ก่อนจะให้เด็กในร้านหยิบยาให้เฉินตันจู เฉินตันจูถามอาการหนึ่งกับเขา หลิวจั่งกุ้ยไม่กล้าสอนนาง
“ท่านไปถามหวงไต้ฟู” เขาชี้ไปยังไต้ฟูชราที่นั่งอยู่ในร้าน
เฉินตันจูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มีคนเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว “ท่านพ่อ…” น้ำเสียงร้อนรนปนสะอื้น
เฉินตันจูดีใจ อีกฝ่ายคือคุณหนูหลิวท่านนั้น ไม่เจอกันนาน…นางหันหน้ามา พบว่าเป็นคุณหนูหลิวที่พบกันครั้งก่อนจริง
ใบหน้าของคุณหนูหลิวไม่งดงามเท่าครั้งก่อน ดวงตาของนางแดงก่ำ สีหน้าซีดขาว ท่าทางร้อนใจ
นางเดินเข้ามาเรียกขานหาท่านพ่อ ก่อนจะพบหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านข้าง จึงชะงักฝีเท้าลง
“ข้าไปถามหวงไต้ฟู” เฉินตันจูรีบพูด นางดูออกว่าคุณหนูหลิวมีเรื่องมาหาหลิวจั่งกุ้ย
หลิวจั่งกุ้ยไม่ได้รั้งนางเอาไว้ มองไปยังบุตรสาว “เวยเวยเป็นอะไร”
เฉินตันจูเดินไปด้านข้างอย่างช้าๆ …
“ท่านพ่อ” คุณหนูหลิวเดินขึ้นหน้า “ท่านทะเลาะกับท่านแม่เพราะเรื่องหมั้นหมายของข้าอีกแล้วหรือ”
เรื่องหมั้นหมาย! หูของเฉินตันจูตั้งขึ้น…
“ไม่ได้ทะเลาะกับแม่เจ้า แค่หารือ” หลิวจั่งกุ้ยพูด
“หารืออะไรกัน” คุณหนูหลิวอารมณ์ร้อนกว่าภายนอกอย่างมาก “ท่านแม่จะพูดกับท่านยายอย่างไร ท่านทำให้ท่านแม่ต้องถูกท่านยายตำหนิอีกแล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยรีบปลอบนาง “ไม่โดน ไม่โดน ข้าจะไปบอกท่านยายเอง ท่านยายต้องการตำหนิก็ตำหนิข้า”
“ท่านพ่อ” คุณหนูหลิวเสียงดังขึ้น “ท่านรู้สึกน้อยใจหรือไม่ คนที่น้อยใจควรจะเป็นข้า เหตุใดคำสัญญาของท่านต้องทำให้ชีวิตของข้ามีอุปสรรค ตระกูลจางไม่มีข่าวมานานหลายปี พวกเราถือว่าจบสิ้นกันแล้ว…”
นางพูดถึงตรงนี้ก็หยุดลง มองไปยังหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่ด้านข้าง…
เฉินตันจูสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนผ่าวด้านหลัง รีบเรียก “หวงไต้ฟู ข้ามีอาการต้องการถามท่าน เวลานี้ท่านว่างหรือไม่”
หวงไต้ฟูที่นั่งหลับตอบรับ เฉินตันจูเดินเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็ว
คุณหนูหลิวเบนสายตากลับไป ดึงหลิวจั่งกุ้ยไปยังโถงด้านหลัง พลางถามเสียงต่ำ “คุณหนูนี้เคยมาเมื่อครั้งก่อนไม่ใช่หรือ เหตุใดยังไม่หาย นางเป็นโรคอะไร”
“นางไม่ได้มาหาหมอ แต่มาซื้อยา ไม่ต้องพูดถึงนาง…” หลิวจั่งกุ้ยพูดเสียงเบา สีหน้ารู้สึกผิด “เวยเวย เรื่องนี้ข้าผิดเอง ข้าขอโทษเจ้า แต่เจ้าวางใจ ข้าไม่ได้ไม่สนใจเรื่องใหญ่ในชีวิตเจ้า ข้าอยากจะถอนหมั้น แต่ตระกูลจางไม่มีข่าวคราวมาตลอด…”
พวกเขาพลางพูดพลางเดินเข้าไปที่โถงด้านหลัง เสียงถูกกีดขวางเอาไว้
“…คุณหนู? คุณหนู เส้นชีพจรของท่านเสถียร เหตุใดจึงปวดท้อง” หวงไต้ฟูถาม
เฉินตันจูเบนสายตากลับมา “ไม่ใช่ข้า ข้าหมายถึงมีอาการปวดท้องชนิดหนึ่ง…” นางถามเรื่องที่ตนเองไม่เข้าใจ
ระหว่างนี้หุยชุนถังไม่มีคนป่วยคนอื่นมา เฉินตันจูจึงถามอีกหลายอาการ แต่เสียดายที่พ่อลูกตระกูลหลิวไม่ออกมาเสียที มีคนไข้เดินทางมาหาหมอ เฉินตันจูไม่อาจยึดครองหวงไต้ฟูเอาไว้ หลังจากจ่ายเงินค่ารักษาแล้วจึงหยิบยาพาอาเถียนเดินออกไป
นางยังยืนรออยู่ด้านนอกหนึ่งเค่อโดยเฉพาะ
“คุณหนู ท่านรออะไรหรือเจ้าคะ” อาเถียนถาม
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินพ่อลูกตระกูลหลิวพูดถึงจางเหยา ถึงแม้จะจับต้นชนปลายไม่ได้ แต่สามารถฟังออกว่าพ่อลูกตระกูลหลิวไม่อยากได้การหมั้นหมายในครั้งนี้ อีกทั้งคนในตระกูลต้องมาบาดหมางกันเพราะเรื่องนี้…เฉินตันจูจึงอยากรออีกสักหน่อย
เพียงแต่เมื่อรอพ่อลูกตระกูลหลิวออกมา นางจะพูดอะไรกับพวกเขา หรือว่านางต้องเดินเข้าไปบอกว่าจางเหยาจะมาถอนหมั้น ไม่ต้องกังวล คุณหนูหลิวสามารถหมั้นหมายใหม่ก่อน จางเหยาไม่โทษพวกท่านที่ผิดคำสัญญา…
พ่อลูกตระกูลหลิวคงคิดว่านางเป็นคนเสียสติอย่างแน่นอน เฉินตันจูหัวเราะ
“คุณหนู ท่านหัวเราะอะไรเจ้าคะ” อาเถียนถามด้วยความกังวล
หลังจากที่คุณหนูสนทนากับหลิวจั่งกุ้ยก็เหม่อลอยแบบนี้ อีกทั้งยังหัวเราะอย่างไร้สาเหตุอีก
เฉินตันจูพูด “นึกถึงเรื่องตลกก็เลยหัวเราะ” พลางยื่นมือตบไหล่อาเถียนเบาๆ “ไปเถิด”
มองนางเดินไปยังรถม้าอย่างร่าเริงดุจผีเสื้อ อาเถียนก็เดินถือห่อยาตามขึ้นไปด้วยรอยยิ้ม
ในเวลานี้หลิวเวยก็เดินออกมา เห็นชายกระโปรงสวยงามหายลับไปในรถม้าที่ธรรมดา
“ท่านพ่อ หญิงสาวคนนี้มาทำอะไร ท่านบอกว่านางไม่ได้มาหาหมอ” นางนึกถึงเรื่องที่ยังถามไม่จบ
หลิวจั่งกุ้ยตอบ “ไม่รู้คุณหนูตระกูลไหน บอกว่าจะศึกษาวิชาแพทย์เปิดร้านยา ดังนั้นจึงมาซื้อยาในร้านบ่อยครั้ง อีกทั้งถามอาการป่วยบางประเภท แปลกประหลาด”
แปลกประหลาดจริง แต่คิดว่าคงไม่ใช่ตระกูลชนชั้นสูงอะไร มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่มีคนดูแล เสียดายที่รูปงามเพียงนี้ หลิวเวยนึกเรื่องอีกเรื่องขึ้นมาได้
“พูดถึงเปิดร้านยา เฉินตันจูบุตรสาวของท่านมหาราชครูเฉินก็จะเปิดเช่นเดียวกัน” นางพูด “ข้าได้ยินมาจากจวนท่านยาย บอกว่าเฉินตันจูนั้นกีดขวางทางเข้าเมือง หากต้องการผ่านเข้าเมืองก็ต้องให้เงินนาง ทำให้ทุกคนไม่กล้าเดินทาง ท่านยายต้องส่งข้าอ้อมจากทางตอนใต้ของเมืองกลับมา”
ชื่อของเฉินตันจูโด่งดังในเมืองอู๋เสียยิ่งกว่าบิดาของนาง…หลิวจั่งกุ้ยย่อมรู้
“พวกเราเป็นตระกูลเล็ก มีชีวิตของตัวเองก็พอ” เขาพูดเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจ “ท่านอ๋องไปแล้ว ต่อจากนี้เมืองอู๋จะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้”
หลิวเวยยิ้ม พูดกับบิดาเสียงเบา “ท่านพ่อ ข้าได้ยินท่านยายพูด ท่านวางใจ ต่อจากนี้ชีวิตของเราจะดีขึ้น…เมืองอู๋ของพวกเราจะกลายเป็นเมืองหลวงแล้ว”
หลิวจั่งกุ้ยตะลึง “จริงหรือ”
“เจ็ดแปดส่วน” หลิวเวยพูด
ถึงแม้พวกเขาจะเป็นตระกูลเล็ก แต่ตระกูลท่านยายไม่ใช่ หากข่าวมาจากทางนั้นย่อมมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก หลิวจั่งกุ้ยตื่นเต้นเล็กน้อย เมืองอู๋กลายเป็นเมืองหลวง อืม…กิจการร้านยาคงดีขึ้นไม่น้อย? อย่างไรก็เป็นแผ่นดินภายใต้โอรสแห่งสวรรค์
กิจการร้านยาดีหรือไม่ไม่สำคัญ หลิวเวยนึกถึงอีกเรื่องที่ท่านยายพูด เรื่องนั้นสำคัญต่อนางเป็นอย่างยิ่ง แต่เรื่องนี้นางไม่อาจพูดกับท่านพ่อได้
“อืม กิจการจะดีขึ้น” นางยิ้มบาง “จะมีคนอพยพมามาก เชื้อสายราชวงศ์ในเมืองหลวง ตระกูลใหญ่ในซีจิงล้วนอพยพมา”
หากกลายเป็นเมืองหลวง คนทั่วแผ่นดินย่อมต้องหลั่งไหลมารวมตัวกัน หลิวจั่งกุ้ยมองไปรอบโถง “ร้านยาของตระกูลเราไม่ได้ซ่อมแซมมานานแล้ว ข้าจะไปหารือกับท่านแม่เจ้า…” เมื่อพูดถึงภรรยา หลิวจั่งกุ้ยก็นึกถึงเรื่องสำคัญ เขาถอนหายใจ “ข้าต้องตามแม่เจ้ากลับไปจวนท่านยายสักรอบ”
หลิวเวยปลอบท่านพ่อ “ท่านยายแค่ปากร้ายแต่ใจอ่อน นางพูดจาไม่ไพเราะ ท่านพ่อก็อย่าได้ขุ่นเคือง”
หลิวจั่งกุ้ยหัวเราะ “ข้าจะขุ่นเคืองได้อย่างไร นางเป็นผู้อาวุโส อีกทั้งนางยังคอยช่วยเหลือตระกูลของเรา มิฉะนั้นกิจการของท่านทวดเจ้าก็รักษาไว้ไม่อยู่ พวกเราก็ไม่อาจยืนอยู่ที่นี่ได้ เวลานี้ข้าก็คงต้องไปเป็นขุนนางชั้นผู้น้อยรับใช้คนอื่นเหมือนดั่งพี่ชายตระกูลจาง ถูกเรียกใช้เหมือนวัวเหมือนม้า…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาก็โศกเศร้า เห็นได้ชัดว่าพี่ชายตระกูลจางมีชีวิตอยู่ได้อย่างไม่ดี พเนจรจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สุดท้ายไม่มีแม้แต่ข่าวคราว…
เหตุใดจึงพูดถึงคนตระกูลนี้อีก หลิวเวยไม่พอใจอย่างยิ่ง “ท่านพ่อ ท่านจะกลับไปกับข้าไม่ใช่หรือ”