บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 77 พบ

ตอนที่ 77 พบ

ตอนที่ 77 พบ
หวังเจียนลุกขึ้นนั่ง

“ตามหาคน? หาใคร” เขาถามอย่างระแวง “เหตุใดไม่ให้จู๋หลินสืบ อย่าลืมเรื่องคุณหนูสี่ครั้งก่อน…นางรู้สายของราชสำนักในเมืองอู๋มากเพียงใด เฉินตันจูผิดปกติ นางต้องการ…”

เขายังพูดไม่ทันจบ แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็ขัดขึ้น “ต้องการอะไร ต้องการหาสาย? เวลานี้ไม่มีเมืองอู๋แล้ว เมืองนี้เป็นพื้นที่ของราชสำนัก นางตามหาสายของราชสำนักเพื่ออะไร แก้แค้น? หากการล่มสลายของเมืองอู๋เป็นแค้นของนาง นางไม่มีทางรู้จักกับพวกเรา ไม่มีแค้นจะแก้แค้นได้อย่างไร”

หวังเจียนลูบหนวดสั้นตอบรับ “ก็จริง แต่คุณหนูตันจูต้องการตามหาผู้ใดกัน”

“คนที่ไม่เกี่ยวกับพวกเรา” แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด เหลือบมองเขา “เหตุใดเจ้าจึงอยากรู้เพียงนั้น”

เขาไม่ได้อยากรู้เรื่องของคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง อีกอย่างมั่นใจได้อย่างไรว่าเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง? หวังเจียนขมวดคิ้ว คุณหนูตันจูคนนี้แปลกประหลาด ดูจากเรื่องที่นางทำ เขารู้สึกว่าถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สุดท้ายก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาอยู่ดี…

หลิวจั่งกุ้ยแห่งหุยชุนถังมองดูเฉินตันจูที่เดินทางมาอีกครั้ง ใบหน้าอ่อนโยนก็ขมวดคิ้วขึ้น

เขาไม่ใช่คนโง่ หญิงสาวคนนี้เดินทางมาห้าครั้งในครึ่งเดือน อีกทั้งร่างกายของนางไม่มีปัญหา ดังนั้นนางย่อมต้องมีปัญหา

เมื่อเห็นเฉินตันจูกำลังจะนั่งลงด้านหน้าของไต้ฟูชรา หลิวจั่งกุ้ยจึงเปิดปากเรียก เฉินตันจูไม่ได้ปฏิเสธ นางเดินเข้ามาอีกทั้งถามขึ้น “หลิวจั่งกุ้ย มีอันใด”

เขาต้องเป็นคนถามเสียมากกว่า หลิวจั่งกุ้ยระอา เอ่ยถาม “แม่หญิง ร่างกายท่านไม่เป็นอันใด ยานั้นกินมากไม่ได้”

เฉินตันจูตอบรับ แสร้งโง่ “ข้ากินดีมาก ดังนั้นจึงมาขออีกชุด หากข้ารู้สึกว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าก็จะไม่กิน ท่านก็เห็นว่าข้าหยิบยามื้อเดียวทุกครั้ง”

หลิวจั่งกุ้ยหัวเราะ เขาก็มีบุตร กลอุบายของเหล่าเด็กๆ เขาก็พอจะรู้

“คุณหนู ท่านมีเรื่องอันใดหรือไม่” เขาถามอย่างจริงใจ “ท่านบอกข้ามาได้ ถึงแม้วิชาแพทย์ข้าจะไม่ดีมาก แต่ข้าจะช่วยเหลือคนอื่นเท่าที่ข้าทำได้”

เฉินตันจูเงียบไป นางรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำแปลกประหลาดอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ย่อมเกิดความสงสัย เฮ้อ แต่อันที่จริงนางแค่อยากสนิทกับหลิวจั่งกุ้ยมากขึ้น…หลังจากที่จางเหยามา นางถึงได้มีโอกาสเข้าใกล้เขามากขึ้น

ส่วนเข้าใกล้เพื่ออะไร นางไม่เคยคิด สิ่งที่นางคิดมากที่สุดคืออยู่ใกล้จางเหยาให้เร็วขึ้น

แต่เรื่องนี้ย่อมไม่อาจบอกหลิวจั่งกุ้ยได้ ชื่อของจางเหยาก็พูดถึงไม่ได้

นางครุ่นคิด ก่อนจะตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “อันที่จริงข้าอยากเปิดร้านยา”

จู๋หลินที่ยืนฟังอยู่ด้านนอกแทบจะควบคุมสีหน้าไม่ได้ คำถามที่หลิวจั่งกุ้ยถามก็เป็นสิ่งที่เขาอยากถาม ยาที่ซื้อไปกองอยู่เต็มโต๊ะในอาราม แต่เฉินตันจูไม่กินสักคำ นางต้องการทำอะไร ยาที่วางอยู่บนโต๊ะนั้นไม่ใช่ยา แต่เป็นเงิน…เงินของเขา

เงินเดือนครึ่งปีหลังของเขาใช้หมดแล้ว เขาวนเวียนอยู่หน้าแม่ทัพหน้ากากเหล็กหลายครั้ง บอกใบ้หลายครั้ง ท่านแม่ทัพก็ไม่พูดว่าต้องทำอย่างไร

ในที่สุดวันนี้ก็ได้ยินความในใจของคุณหนูตันจูแล้วหรือ

นางเที่ยวเล่นร้านยาซื้อยาเพื่อเปิดร้านยา…เปิดร้านยาต้องใช้เงินมากน้อยเพียงใด เรื่องอื่นจู๋หลินไม่สนใจ ความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นคือสิ่งนี้ สีหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง

หลิวจั่งกุ้ยได้ยินคำตอบนี้ก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน จริงหรือ หญิงสาวคนนี้จะเรียนวิชาแพทย์? เปิดร้านยา? ยังไม่ต้องพูดถึงความจริงเท็จ เหตุใดนางต้องการศึกษาวิชาแพทย์เปิดร้านยาจึงมาหาเขา ทั้งเมืองมีไต้ฟูและร้านยาจำนวนมากมาย มีชื่อเสียงมากกว่าเขาก็มีมากมาย

“เพราะว่าบรรพบุรุษของหลิวจั่งกุ้ยไม่ใช่ไต้ฟู แต่ยังสามารถเปิดร้านยาได้” เฉินตันจูพูด ดวงตาเต็มไปด้วงความจริงใจ “เห็นหลิวจั่งกุ้ยเปิดร้านยาได้ดีเพียงนี้ ข้าก็มีความมั่นใจมากขึ้น”

หลิวจั่งกุ้ยผงะ เขาจะอธิบายอย่างไรว่าเขาเปิดร้านยาได้ดี ไม่ใช่เพราะความสามารถของตนเองเท่านั้น

เด็กอายุประมาณนี้มักมีความคิดที่ไม่สมเหตุสมผล เมื่อพวกเขาเติบโตก็จะรู้เอง

อืม ดังนั้นคนในตระกูลของคุณหนูนี้ไม่สนใจก็คงจะมีความคิดเช่นนี้…ถึงแม้คุณหนูนี้จะมีสาวรับใช้และคนรถอย่างละคน แต่กิริยาท่าทางการแต่งตัวไม่ใช่ตระกูลเล็กอย่างแน่นอน

บุตรหลานของตระกูลชั้นสูงไม่มีความกังวลด้านปากท้อง สามารถทำอะไรก็ได้ หากเหนื่อยก็พักดื่มด่ำกับความมั่งคั่ง

หลิวจั่งกุ้ยจึงไม่พูดอะไรอีก พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูตามสบาย”

อย่างไรยานี้กินก็ไม่ตาย คุณหนูนี้ใช้เงินซื้อยาหาหมอ สิ่งที่ต้องเตือนก็เตือนแล้ว เขาก็คงต้องปล่อยไป

เฉินตันจูเดินไปนั่งลงด้านหน้าไต้ฟูชรา ให้เขาจับชีพจร พลางถามอาการบางอย่าง บทสนทนาทางนี้ไต้ฟูชราก็ได้ยิน ดังนั้นเขาจึงจ่ายยาบำรุงเลือดลมให้ เฉินตันจูให้อาเถียนไปหยิบยา ก่อนจะบอกลาหลิวจั่งกุ้ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะมาขอความรู้จากหลิวจั่งกุ้ยอีก”

แค่เปิดประตูรับแขกเท่านั้น หลิวจั่งกุ้ยยิ้มอ่อนโยนไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่ได้เชิญ เขามองไปยังเฉินตันจู ก่อนที่สายตาจะมองข้ามนางไปทางด้านนอก รอบยิ้มบนใบหน้ายิ่งมากขึ้น

“เวยเวย” เขาเรียก “เจ้ามาได้อย่างไร”

เวยเวย? เฉินตันจูหันหลัง เห็นด้านหน้าประตูมีรถม้าหนึ่งคันจอดลง หญิงสาวอายุราวสิบเจ็ดสิบแปดเดินลงมา นางเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียก เผยให้เห็นใบหน้างดงาม

“ท่านพ่อ” นางเรียกพลางเดินเข้ามา สายตาจับจ้องไปยังเฉินตันจู…หญิงสาวคนนี้หน้าตางดงาม อยู่ภายในร้านยาที่มืดสลัวก็โดดเด่นดึงดูดสายตา

หญิงสาวมองนางทีหนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้นาง จากนั้นเดินผ่านข้างตัวนางไป

หญิงสาวเดินไปถึงด้านหน้าของหลิวจั่งกุ้ย “…ท่านยายให้คนมารับข้า” ก่อนจะถามเสียงเบาด้วยความสงสัย “แม่หญิงคนนั้นมาหาหมอหรือ หน้าตางดงามเสียจริง”

สิ่งที่เหล่าหญิงสาวสนใจในเวลาแรกพบมักจะเป็นความสวยงาม หลิวจั่งกุ้ยพูด “ไม่ได้หามาหมอ…” เขาไม่ได้พูดถึงหญิงสาวมาก เพราะไม่มีอะไรให้พูด จึงถามขึ้น “แม่เจ้าไม่ไปหรือ ท่านยายสบายดีหรือไม่”

หญิงสาวพูดเสียงเบา “ท่านแม่ถูกท่านยายต่อว่าเมื่อหลายวันก่อน นางไม่อยากไป”

เวลานี้เฉินตันจูขึ้นรถไปแล้ว ไม่ได้ยินเสียงสนทนาด้านหลัง หัวใจของนางเต้นระรัว

หญิงสาวคนนี้คือว่าที่ภรรยาของจางเหยา

เฉินตันจูเปิดม่านขึ้นเล็กน้อย มองเข้าไปในร้านยา ไม่รู้ว่าหลิวจั่งกุ้ยพูดอะไร หญิงสาวนั้นดึงแขนเสื้อของเขาด้วยท่าทางออดอ้อน ยิ้มแย้มสดใส..

เฉินตันจูเม้มปากยิ้มขึ้นมา คุณหนูคนนี้ใบหน้างดงาม จางเหยาถอนหมั้นถือว่ารู้ตัวอย่างมาก

วันนี้สำหรับเฉินตันจู เป็นครั้งแรกที่อารมณ์ดีตั้งแต่เกิดใหม่

คนในตระกูลจากไปอย่างปลอดภัย นางตามหาพ่อตาของจางเหยาจนเจอ อีกทั้งได้พบกับว่าที่ภรรยาของเขา

จางเหยาเป็นผู้ที่ไม่เคยพูดหลับหลังคนอื่น ชาติก่อนเขาพูดถึงตระกูลของพ่อตาน้อยครั้งมาก แต่จากที่เขาเคยพูดถึงสามารถรับรู้ได้ ถึงแม้ตระกูลของพ่อตาไม่พึงพอใจกับเรื่องหมั้นหมายนี้นัก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อจางเหยาไม่ดี…หลังจากที่จางเหยาพบพ่อตา เขามีชุดที่ดีสวมใส่ อาหารที่ดีให้ดื่มกิน

ถึงแม้คุณหนูคนนั้นจะไม่พึงพอใจ แต่พ่อตาไม่เห็นด้วยกับการถอนหมั้นในตอนแรก…ต่อมาถึงแม้จะถอนการหมั้นหมาย จางเหยาสูญเสียโอกาสเข้าไปศึกษาในกั๋วจื่อเจี้ยน แต่พ่อตาก็ยังหาทางแนะนำให้เขาไปเป็นขุนนาง

เพียงแต่สถานที่นั้นห่างไกลเกินไป

แต่ก็ไม่อาจโทษหลิวจั่งกุ้ยได้ หลิวจั่งกุ้ยสืบทอดสมบัติของตระกูลพ่อตา เห็นได้ชัดว่าตระกูลของพ่อตามีเพียงบุตรสาวคนเดียว อีกทั้งไม่ใช่ตระกูลชั้นสูงอะไร

สามารถหาคนแนะนำจางเหยาได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว

ต่อไปต้องทำอย่างไร นางต้องทำอย่างไรจึงจะช่วยพวกเขาได้ เฉินตันจูมีความคิดแล่นผ่าน ก่อนจะได้ยินจู๋หลินที่อยู่นอกรถถามอาเถียนขึ้นมา “มีสิ่งของที่ต้องซื้อหรือไม่ หรือว่ากลับขึ้นไปบนภูเขา”

อาเถียนเปิดม่านพลางคิดพลางพูดกับจู๋หลิน “ไม่มีข้าวสารแล้ว ต้องซื้อข้าวสาร คุณหนูชอบกินข้าวดอกท้อ ข้าวดอกท้อที่ดีที่สุดในเมืองอู๋มีอยู่เจ้าเดียว…”

จู๋หลินตอบรับ เอื้อมมือลูบคลำถุงเงินบริเวณเอว

เฉินตันจูกะพริบตา สายตาตกอยู่บนถุงเงินของเขา หลายวันมานี้ ภายในใจของนางมีเพียงเรื่องวิกฤตความเป็นความตาย ไม่ทันสังเกตเรื่องอื่นและคนรอบด้าน…

“จู๋หลิน” นางนั่งตัวตรง “สิ่งที่ข้าใช้เหล่านี้ล้วนใช้เงินของเจ้าซื้อหรือ”

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท