สาเหตุที่เฉินตันจูเดาว่าเป็นองค์ชายสามเพราะราชรถ
ฮ่องเต้ถูกกำลังของเหล่าท่านอ๋องข่มขู่ ดังนั้นจึงชื่นชมในกำลัง เหล่าองค์ชายต้องเรียนรู้การขี่ม้ายิงธนู เวลานี้อพยพมาเมืองหลวง ถึงแม้ระยะทางจะยากลำบากนั่งรถม้า แต่เข้าเมืองครั้งแรก เหล่าองค์ชายย่อมต้องขี่ม้าแสดงอิทธิฤทธิ์ นอกเสียจากร่างกายไม่เอื้ออำนวยต่อการขี่ม้า…อีกทั้งในขบวนนี้ไม่มีกลิ่นอายของหญิงสาว ย่อมไม่มีทางเป็นองค์หญิง
เหล่าสนมและองค์หญิงไม่เดินทางมาถึงเร็วเพียงนี้ ผู้ที่เดินทางมาก่อนย่อมต้องเป็นองค์ชายองค์ชายหกไม่ได้ออกจากซีจิง ดังนั้นองค์ชายที่นั่งรถก็มีเพียงองค์ชายสาม
ท่ามกลางองค์ชายมีสององค์ที่ร่างกายไม่ดี เนื่องจากชาติก่อนเฉินตันจูจึงรู้ว่า
ถึงแม้จู๋หลินจะรู้สึกแปลกใจ แต่เขาไม่ถาม ส่วนอาเถียนต่างรู้สึกไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พยักหน้ารับก่อนจะถกเถียงอย่างตื่นเต้น “ที่แท้ก็เป็นองค์ชายสามกับองค์ชายห้า” “ฮ่องเต้มีองค์ชายและองค์หญิงกี่คน”
การเดินทางมาถึงขององค์ชายทำให้ทุกคนรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่าเมืองอู๋กลายเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว แผ่นดินใหม่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
เฉินตันจูไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไร อันที่จริงสำหรับนาง เมืองอู๋ในเวลานี้แปลกตาเสียยิ่งกว่า นางคุ้นชินกับเมืองอู๋ที่กลายเป็นเมืองหลวงไปเสียตั้งนานแล้ว
ระหว่างทางยังมีคนจำนวนมากมุงดูอยู่ทั้งสองฝั่ง องค์ชายห้ามองพินิจทิวทัศน์และราษฎรของเมืองอู๋เช่นเดียวกัน
“สมกับความงดงามเสียจริง” เขาพูดกับคนในรถ “ระหว่างทางไม่พบฝนทราย รองเท้าของข้าสะอาดสะอ้าน”
ภายในรถมีเสียงกระแอมไอดังออกมา ราวกับสำลักเพราะหัวเราะ หน้าต่างเปิดออก องค์ชายสามกำลังหัวเราะ ถึงแม้จะนั่งอยู่ในรถแต่ก็ยังปกคลุมด้วยผ้าคลุมขนสัตว์ ขนสีดำทำให้ใบหน้าของเขายิ่งขาวขึ้น
“เพราะว่าเหล่าขันทีขยันเช็ดให้เจ้าต่างหาก” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ห่างกันเพียงแม่น้ำกั้น จะแตกต่างกันเพียงใด”
องค์ชายห้าหัวเราะ “ข้าบอกให้พวกเขาเลิกเช็ดได้แล้ว ไม่เช็ดก็ไม่แตกต่าง พี่สาม อย่างน้อยอากาศที่นี่ชุ่มชื้นขึ้นมา ท่านสัมผัสได้ใช่หรือไม่”
องค์ชายสามนิสัยอ่อนโยน เขาไม่ถกเถียงกับอีกฝ่าย เพียงแค่พยักหน้า “ดีขึ้นมาก ระหว่างทางข้าไอน้อยลง”
องค์ชายห้าทำหน้าดีใจ “ใช่หรือไม่ ข้าบอกแล้วว่าเมืองอู๋เหมาะกับพี่สาม ตอนที่เสด็จพ่อต้องการจู่โจมเมืองอู๋ ข้าก็เคยเสนอให้เรียกคืนเมืองอู๋ มอบให้เป็นพื้นที่ศักดินาของพี่สาม”
องค์ชายสามยิ้ม “เวลานี้ไม่ต้องให้พื้นที่ศักดินาข้าแล้ว เพียงแค่ข้าไม่ออกจากเมืองหลวงทั้งชีวิตก็พอ”
ดีหรือไม่ดี องค์ชายห้าก็ไม่แน่ใจ องค์ชายที่ไม่มีพื้นที่ศักดินาย่อมไม่มีอำนาจ แต่หากอยู่ในเมืองหลวงย่อมสามารถอยู่ใกล้ชิดเสด็จพ่อ อืม องค์ชายห้าเลิกคิด ถึงเวลาถามองค์รัชทายาทก็พอ องค์ชายสามก็ไม่สำคัญ หากไม่มีอุบัติเหตุองค์ชายสามชาตินี้ก็เหมือนคนพิการ…เหมือนดั่งองค์ชายหก
องค์ชายห้านับนิ้ว เหลือเพียงองค์ชายสองและองค์ชายสี่ที่เป็นผลร้ายต่อองค์รัชทายาท
“น้องห้า อย่าคิดมาก” องค์ชายสามยิ้ม “เจ้าดู ราษฎรเมืองอู๋ต่างกำลังชื่นชมในความสง่างามของเจ้า”
องค์ชายห้ายืดหลังตรงบนม้า “พี่สาม ท่านออกมาขี่ม้ากับข้าเถิด”
องค์ชายสามส่ายหัว “ข้าอย่าดีกว่า ทั้งไปทั้งโยกเยก ขายหน้าราชวงศ์”
องค์ชายห้าไม่บังคับ “พี่สามพักผ่อนให้ดี” พูดจบก็เร่งม้าเดินไปด้านหน้า เคลื่อนที่ผ่านขบวนองครักษ์หลวง แสดงวิชาการขี่ม้าที่เชี่ยวชาญของตนเอง ดึงดูดเสียงร้องจากราษฎรที่มุงดู เสียงของเหล่าหญิงสาวยิ่งดังมากขึ้น
องค์ชายสามยิ้มเล็กน้อย มองไปรอบด้านอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเวลานี้เดินผ่านภูเขาเล็กแห่งหนึ่ง ท่ามกลางป่าไม้บริเวณไหล่เขามีร่างของเหล่าหญิงสาวเช่นเดียวกัน สายตาของเขากวาดผ่านก่อนจะหลุบตาต่ำวางม่านลง
เหล่าองค์ชายเดินทางผ่านไปแล้ว เฉินตันจูก็เดินกลับไป อาเถียนและเยี่ยนเอ๋อพูดคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ด้านหลัง
“อย่ามัวแต่พูดคุยเรื่ององค์ชาย ยาต้องทำออกมาให้ไว คนที่ผ่านไปมามีมาก ยาส่งออกไปหมดแล้ว” อาเถียนเร่งเร้าพวกนาง
เฉินตันจูหันกลับไป “ไม่ต้องรีบ ต่อไปจะมีเหล่าองค์ชายองค์หญิงมาอีกมาก ถึงแม้จะไม่ปิดถนน แต่ย่อมไม่ให้ก่อเพิง ทุกคนพักผ่อนได้”
เยี่ยนเอ๋อตอบรับอย่างดีใจ แต่ก็รู้สึกว่าตนเองขี้เกียจเกินไป จึงแลบลิ้นเสริมขึ้น “คุณหนูท่านก็พักผ่อนให้ดี”
ชาติก่อนเยี่ยนเอ๋อและอิงกูถูกเลิกจ้าง ไม่รู้ว่าพวกนางไปตระกูลของผู้ใด มีชีวิตที่ดีหรือไม่ แต่ในเมื่อชาตินี้พวกนางยังอยู่ข้างตัว นางย่อมต้องให้พวกนางมีชีวิตที่มีความสุข ระยะนี้ทุกคนต่างตระหนกมากเกินไป เฉินตันจูพยักหน้ายิ้ม
“พวกเรามอบยาที่ไม่เสียเงินมานานเพียงนี้” นางพูด “ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ไม่มอบให้โดยไม่เก็บเงินอีก”
อาเถียนส่งเสียงอุทาน “คุณหนู ไม่ดีหรือไม่”
เวลานี้ทุกคนเพิ่งเริ่มไม่ปฏิเสธยาของพวกนาง เป็นช่วงเวลาที่กำลังไปได้ดี หากไม่ให้สิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้จะเสียเปล่าหรือไม่
เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อก็รู้สึกกังวล คุณหนูไม่อยากให้พวกนางเหน็ดเหนื่อยหรือ พวกนางพูดเสริม “คุณหนู เวลานี้พวกเราเชี่ยวชาญอย่างมาก ทำยาได้อย่างรวดเร็ว”
เฉินตันจูยิ้ม “อย่ากังวล พวกเรามอบยาให้โดยไม่เก็บเงินเสมอมา แต่วันหนึ่งไม่มอบให้แล้ว บางทีทุกคนอาจขาดไปไม่ได้ หันกลับมาหาพวกเราเอง”
จะเป็นเช่นนั้นหรือ ทุกคนสบตากัน
จู๋หลินที่อยู่บนต้นไม้มองฟ้า นางบรรลุ หรือว่าเล่นสนุกจนพอแล้ว ไม่อยากจะดันทุรังอีกแล้วใช่หรือไม่… คุณหนูตันจูพูดเก่งเสียจริง แม้แต่คำพูดล้มเลิกยังพูดได้ดึงดูดคนเพียงนี้
องค์ชายที่เดินทางมาก่อนสององค์ทำให้เมืองอู๋คึกคักมากขึ้น ภายในเมืองเต็มไปด้วยผู้คน มีคนมาดูความคึกคักมีพ่อค้ามาตั้งร้าน ราวกับงานวัดในวันปีใหม่ คนที่มีจวนอยู่ข้างทางออกจากบ้านได้อย่างยากลำบาก
“ท่านพ่อ ถนนถูกขวางไว้อีกแล้ว” ชายหนุ่มคนหนึ่งกลับมาบอกอย่างขุ่นเคือง มองดูรถที่ผูกเอาไว้ในลาน “ออกไปไม่ได้ รออีกเดี๋ยวเถิด”
ชายชราที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องกระแทกไม้เท้าอย่างโกรธเคือง “รอ? รอต่อไปแม่เจ้าก็คงป่วยตายในบ้านแล้ว…ไม่มีรถก็แบกแม่เจ้าไป”
ชายหนุ่มมองรูปร่างผอมเล็กของตนเอง ก่อนจะนึกถึงรูปร่างของมารดา ใช่ว่าเขาไม่กตัญญูไม่อยากแบก แต่ท่านแม่เป็นผู้ศรัทธาของวัดถิงอวิ๋น ทำให้นางกลายเป็นผู้ศรัทธาในสำนักแพทย์แห่งหนึ่งทางนั้นไปด้วย ยืนกรานไม่ยอมไปที่อื่น
แต่ไปวัดถิงอวิ๋นต้องเดินผ่านเมืองทั้งเมือง
ปากทางมีสำนักแพทย์อยู่แห่งหนึ่ง แต่ท่านแม่ไม่เชื่อใจ
พ่อลูกสองคนกำลังถกเถียงอยู่ในลาน ทันใดนั้นมีสาวรับใช้วิ่งมาจากด้านหลังอย่างตื่นตระหนก “นายท่าน นายหญิงทั้งอาเจียนทั้งถ่าย…”
พ่อลูกสองคนหยุดการถกเถียงลงก่อนจะวิ่งไปทางจวนด้านหลังอย่างตระหนก ยังไม่ทันเข้าห้องของนายหญิงก็ได้กลิ่นเหม็นคาว ทั้งสองคนรู้สึกเวียนหัว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจหรือเพราะกลิ่นที่ตลบอบอวล
“อาฮวา…” ชายชราเรียกขานชื่อของภรรยา
“ท่านแม่…” ลูกชายร้องไห้ตาม
ทั้งสองคนเดินเข้าไปภายในห้อง กลิ่นภายในห้องยิ่งแสบจมูกมากขึ้น สาวรับใช้และลูกสะใภ้ล้วนอยู่ มีคนตะโกน “เปิดหน้าต่าง” “หยิบธูปหอม”
เวลาไหนแล้วยังคิดถึงธูปหอม ชายชราและลูกชายขุ่นเคืองขึ้นมาทันที ต้องเป็นลูกสะใภ้ที่อกตัญญูอย่างแน่นอน!
“สกปรกเท่านี้ก็รับไม่ได้?” พวกเขาตะโกน “ไล่เจ้าออกไปไม่มีกินไม่มีดื่มแม้แต่โอกาสแบกอุจจาระยังไม่มี”
“พวกเจ้าบังอาจมาก” เสียงดังยิ่งกว่าเดิม “ข้าป่วยแค่สามวัน พวกเจ้าพ่อลูกคิดจะไล่ข้าออกไป?”
พ่อลูกทั้งสองตกตะลึงอย่างมาก คนที่พูดคือนายหญิง นายหญิงป่วยมาสามวัน แม้แต่ส่งเสียงร้องยังทำไม่ได้
เหล่าสาวรับใช้ต่างหลบทาง พวกเขามองเห็นนายหญิงที่นั่งอยู่บนเตียง ผมขาวแผ่สยาย มือหนึ่งกำลังบีบจมูก มือหนึ่งกำลังพัดลม
“ท่านแม่ เป็นอย่างไรบ้าง” ลูกชายชิงเดินขึ้นหน้า “เหตุใดท่านลุกขึ้นนั่งแล้ว เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดจึงทั้งอาเจียนทั้งถ่าย”
หญิงชราลูบท้อง “ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากอาเจียนและถ่ายออกมาก็รู้สึกดีขึ้นมาก”
ถึงแม้เมื่อครู่จะปวดจนรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย แต่หลังจากอาเจียนและถ่ายออกมาแล้ว ความไม่สบายเมื่อหลายวันก่อนก็หายไปจนหมดสิ้น
ลูกสะใภ้ที่อยู่ด้านข้างพูด “ยังต้องถามเจ้า เจ้าซื้อชาอะไรกัน ท่านแม่ดื่มไปชามเดียวก็ทั้งอาเจียนทั้งถ่าย”
ชา? ลูกชายผงะ ลูกสะใภ้ยื่นห่อกระดาษมา “นี่ อันนี้ เขียนว่าอารามดอกท้อ”