บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 92 จดหมาย

ตอนที่ 92 จดหมาย

อวี๋ซานหลังวิ่งเข้าจวนมา ชายชราที่ยืนรออยู่หน้าประตูรีบถาม “ได้ยามาหรือไม่”

อวี๋ซานหลังเผยสีหน้าหวาดกลัว “ข้าไปถามแล้ว อีกฝ่ายบอกไม่ให้แล้ว”

ดังนั้นเขาจึงกลับมามือเปล่า

ชายชราได้ยินจึงกระแทกไม้เท้าด้วยความโกรธ “เจ้าลูกอกตัญญู ไม่มีให้เจ้าไม่รู้จักใช้เงินซื้อ”

ก็จริง อวี๋ซานหลังผงะ ก่อนจะยิ้มขมขื่น “ท่านพ่อ ข้าไม่กล้า อีกฝ่ายคือเฉินตันจู”

เฉินตันจูที่ทั้งดุทั้งโหดเหี้ยม

ตอนนั้นเขายังไม่ได้พบนาง มีเพียงสาวรับใช้และองครักษ์ที่ถือดาบสี่คนก็น่ากลัวมากแล้ว

เมื่อได้ยินชื่อของเฉินตันจู บนใบหน้าของชายชราก็เผยความหวาดกลัว แต่…

“โรคของแม่เจ้าปล่อยไว้ไม่ได้” เขาพูดอย่างเจ็บปวดใจ

ตั้งแต่ดื่มชาของอารามดอกท้อ นายหญิงทั้งอาเจียนทั้งถ่ายแล้ว อาการก็หายดีไปกว่าครึ่ง ต่อมาไปหาไต้ฟูด้านข้างวัดถิงอวิ๋น รับยามาดื่มไปหลายชุด แต่สุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่หายดี อาการกลับเป็นเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ทุกคนในจวนจึงลากนายหญิงไปหาไต้ฟูใหม่อีกครั้ง ไต้ฟูกลับบอกว่าโรคนี้รักษาไม่ได้ ให้เตรียมงานศพเอาไว้

ทันใดนั้นทุกคนต่างตระหนก

นายหญิงนอนอยู่บนเตียงบอกว่าอยากดื่มยาของอารามดอกท้ออีกครั้ง ถึงแม้จะต้องตาย แต่ก็ตายอย่างสบายเสียหน่อย

ทุกคนหมดหนทาง อวี๋ซานหลังจึงเดินทางไปภูเขาดอกท้อ แต่บริเวณเชิงเขาไม่มีวี่แววของร้านยา มีเพียงหญิงชราที่ขายชา เขาแสร้งทำเป็นเดินผ่านถามขึ้น หญิงชราบอกว่าหลายวันนี้คุณหนูตันจูไม่เปิดร้าน จากนั้นถามว่าเขามาหาหมอหรือ

สายตาที่หญิงชรามองเขาดุจดั่งมองคนเสียสติ…เขาย่อมไม่กล้ายอมรับ เพียงแต่บอกว่าน้ำบนภูเขาอร่อยมาก แต่ก็ไม่กล้าไปรับน้ำ

หญิงชราได้ยินดังนี้จึงบอกให้เขาไปรับน้ำมาได้ คุณหนูตันจูไม่เคยห้ามเข้า

อวี๋ซานหลังจึงเดินขึ้นเขาไป เขาเดินวนอยู่ด้านนอกอารามดอกท้ออยู่หลายรอบ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไป จากนั้นถูกคนด้านในพบเข้าจึงออกมาซักถาม สาวรับใช้ที่ออกมาได้ยินว่าเขาต้องการถามหายา สีหน้าก็แปลกประหลาด บอกว่าไม่มี ส่วนสี่คนที่ถือมีดอยู่ด้านหลังทั้งสี่จ้องมองเขา ทำให้อวี๋ซานหลังไม่กล้าพูดมากวิ่งหนีออกมา

เวลานี้นึกย้อนกลับไปหัวใจยังเต้นระรัว

“ท่านพ่อ หรือไม่พาท่านแม่ไปภูเขาดอกท้อเถิด” เขากัดฟันพูด “มีข่าวลือว่าคุณหนูตันจูดักชิงทรัพย์คนป่วย ให้นางดูให้ท่านแม่เถิด”

ชายชราไม่คิดว่าหญิงสาวอายุสิบกว่าสามารถรักษาโรคได้ อีกทั้งได้ยินว่านางรักษาให้ครั้งหนึ่งต้องจ่ายเงินจำนวนมาก สมกับเป็นการชิงทรัพย์

“ท่านพ่อ หากสามารถรักษาท่านแม่ได้ ถึงแม้จะต้องสูญเสียสมบัติครึ่งหนึ่งของข้า ข้าก็ยินดี” อวี๋ซานหลังพูด

ชายชรามองบุตรชายของตนเอง พึมพำ “สมบัติเจ้าก็มีไม่มาก” ล้วนเป็นสมบัติของเขาต่างหาก ก่อนจะกระแอมไอ “หากรักษาไม่หายเล่า”

เสียงโอดครวญของนายหญิงดังขึ้นจากด้านหลัง

“รักษาไม่หายก็แค่ตาย” นายหญิงถูกเหล่าสาวรับใช้หามออกมา “ก่อนตายให้ข้าได้ดื่มยานั้น ข้าจะได้ตายตาหลับ”

เมื่อได้ยินนายหญิงพูดเช่นนี้ ชายชรากระแทกไม้เท้าตะโกนเรียกอวี๋ซานหลัง “เตรียมรถ เตรียมเงิน!”

เมื่อรถทั้งสองคันเดินทางมาถึง หญิงชราขายชากำลังส่ายหัวหัวเราะร้านยาที่ว่างเปล่าของเฉินตันจู ได้ยินอาเถียนบอกว่า คุณหนูตันจูกำลังยุ่งอยู่กับการซ้อมยิงธนู…เด็กอายุน้อยไม่มีความอดทน เพียงแค่กี่วันก็เปลี่ยนความชอบเสียแล้ว

“ทุกท่านกำลังจะออกเดินทางหรือ” นางพูดกับคนที่เดินเข้ามา “พักผ่อนดื่มชาสักชามเถิด…”

ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกประหลาด เวลานี้ทุกคนล้วนวิ่งเข้าไปในเมือง คนที่ออกนอกเมืองมีน้อย ก่อนจะรู้สึกว่าชายหนุ่มบนหลังม้าเหมือนจะเคยเห็นมาก่อน…

ชายหนุ่มนั้นไม่มองนาง ลงจากม้าก่อนจะหันไปบอกด้านหลัง “ท่านพ่อ ถึงแล้วขอรับ”

หญิงชราขายชาเห็นชายชราคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ จากนั้นชายหนุ่มแบกหญิงชราคนหนึ่งออกมา เรียกบ่าวรับใช้สองคนยกลังไม้หนึ่งเดินขึ้นเขาไป

“เอ๊ะ ๆ?” หญิงชราขายชาเรียกขาน “พวกท่านทำอะไร”

มีทั้งแก่และเด็ก อีกทั้งยังมีบ่าวรับใช้และของขวัญ? ดังนั้น…

“เยี่ยมญาติหรือ”

ชายหนุ่มเดิมทีไม่อยากสนใจหญิงชราขายชาคนนี้ แต่เมื่อได้ยินจึงรีบตอบ “พวกข้าไม่ได้มาเยี่ยมญาติ มาหาหมอ”

อย่าได้พูดจาเหลวไหล ชื่อเสียงของท่านมหาราชครูเฉินในเวลานี้ ผู้ใดกล้านับญาติกับเขา

หญิงชราขายชาตกตะลึง มองพวกเขาเดินขึ้นภูเขาไป ก่อนที่จะมีแขกเดินเข้ามาถึงตั้งสติได้

“สวรรค์” นางพึมพำ “มีคนมาหาหมอจริงๆ?”

แขกด้านข้างได้ยินจึงถาม หญิงชราขายชาจึงชี้ไปบนภูเขาบอกว่าที่นี่มีอารามดอกท้อ ภายในอารามมีคนรักษาโรคได้ ก่อนจะชี้ไปยังรถและม้าที่จอดเอาไว้ด้านข้าง ให้เขาดูว่านี่คือคนที่มาขอให้รักษา แขกคนนั้นตกตะลึงอย่างมาก ระหว่างทางได้ยินว่าบริเวณนี้มีคนรักษาโรค แต่อันตรายอย่างยิ่ง อย่าได้ล่วงเกินเด็ดขาด

“เป็นแค่คำร่ำลือ” หญิงชราขายชาโกรธ “มีข่าวลือเช่นนั้นเพราะเด็กที่ผ่านไปป่วยหนัก คุณหนูตันจูจึงต้องขวางทางช่วยคน แต่ช่วยคนแล้วยังถูกเข้าใจผิด…”

แขกคนนั้นสนใจเป็นอย่างยิ่ง “ท่านยาย เอาผลไม้แห้งมาอีกจาน ชาเพิ่มอีกกา ท่านเล่าให้ข้าฟัง”

โรงน้ำชามีผลไม้แห้งเตรียมเอาไว้ แต่มีคนสั่งน้อย เพราะว่าราคาแพงกว่าน้ำชาหนึ่งกา กิจการของนางจะดีขึ้นแล้วจริงๆ! หญิงชราขายชาตื่นเต้นขึ้นในทันที ก่อนจะหยิบผลไม้แห้งและชาร้อนมาอีกหนึ่งกา พลางทำงานพลางเล่าให้แขกคนนั้นฟัง

เมื่อเล่าจบคนตระกูลนั้นก็เดินลงมา แขกถามด้วยความอยากรู้ “ไม่รู้ว่ารักษาหายแล้วหรือไม่”

หญิงชราขายชาตกตะลึง ก่อนจะพูดอย่างเรียบเฉย “ย่อมต้องรักษาหายแล้ว” นางทำท่าเคยชิน ก่อนจะชี้ไปยังด้านข้าง “ดู นายหญิงคนนั้นถูกสาวรับใช้สองคนพยุง…”

แขกส่ายหัว “ใช่ ถูกพยุงเอาไว้ ขาอ่อนแรงเดินไม่ได้ จะรักษาหายได้อย่างไร”

หญิงชราขายชารอประโยคนี้อยู่ หัวเราะร่า “คนผู้นี้ตอนขึ้นเขาถูกแบกขึ้นไป แม้แต่เดินยังเดินไม่ได้”

รักษาหายดีแล้ว? แขกทำหน้าตกตะลึง

มองดูคนตระกูลนั้นนั่งรถจากไปอย่างรวดเร็ว ส่งแขกจากไปอย่างพึงพอใจ หญิงชราขายชาปิดเตาถ่าน วิ่งขึ้นเขามาดูด้วยความสงสัย

“อาเถียน อาเถียน คนเหล่านั้นมาขอรักษาหรือ” นางเดินเข้ามาในอารามก็เปิดปากถามทันที

อาเถียนและเยี่ยนเอ๋อล้อมรอบอยู่หน้าลังไม้หนึ่ง ได้ยินคำถามจึงเผยสีหน้าได้ใจ “แน่นอน ดู นี่คือค่ารักษาที่คนตระกูลนั้นมอบให้”

หญิงชราขายชามุงดูลังไม้ ด้านในเต็มไปด้วยผืนผ้า เครื่องประดับเงินทอง อีกทั้งแจกันกระเบื้อง…ดูอย่างไรก็เหมือนการชิงทรัพย์

นางอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

“คุณหนูตันจูเล่า?” นางมองไปซ้ายขวา

อาเถียนชี้ไปด้านหลัง “ด้านหน้ามีตำหนักศักดิสิทธิ์ ไม่สะดวก คุณหนูจึงเก็บกวาดห้องตรวจอยู่ด้านหลัง ท่านหาคุณหนูทำไม”

หญิงชราขายชาหัวเราะ “ข้าอยากให้คุณหนูตันจูช่วยดู หลายวันนี้ขาของข้าไม่คล่องแคล่ว”

อาเถียนหัวเราะ ก่อนจะพูดหยอกล้อ “ท่านยายคิดจะให้ค่ารักษามากน้อยเพียงใด”

หญิงชราขายชาหัวเราะ “เจ้าทำให้ข้ากลัวไม่ได้ ข้ายังไม่รู้หรืออย่างไร คุณหนูตันจูเป็นคนจิตใจดีที่สุด มีเงินเก็บเงิน ไม่มีเงินก็มีเพียงน้ำใจ”

หลังจากอวี๋ซานหลังดูแลมารดาอยู่บ้านหลายวัน เขาก็เข้าร้านไปทำการค้าต่อ กลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลามืดค่ำเสียแล้ว

“เจ้าออกเช้ากลับดึกเพียงนี้ เหนื่อยเสียเหลือเกิน” ภรรยาคลุมเสื้อผ้ารอเขา “นี่แค่กี่วัน ท่านก็ผอมเพียงนี้แล้ว”

“ไม่เหนื่อยไม่ได้” อวี๋ซานหลังนึกถึงสัมบัติหนึ่งลังที่ส่งออกไป หัวใจเจ็บแปลบ…ก่อนจะหยุดลง ถามขึ้น “ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง หายดีแล้วหรือ”

ภรรยายิ้ม “หายมาหลายวันแล้ว วันนี้ยังตามท่านพ่อออกไปเดินเล่น ยังได้พบองค์ชายที่กินข้าวในหอเหล้าด้วย”

สามารถเดินเล่นอีกทั้งยังมีอารมณ์ดูองค์ชาย คงจะหายดีจริงแล้ว อวี๋ซานหลังครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่มารดาถูกคุณหนูที่อายุน้อยฝังเข็ม ก่อนจะหยิบยาสามชนิดที่แตกต่างกันกินไปห้าวัน…หัวใจของเขาก็เจ็บปวดขึ้นอีกครั้ง “แพงเสียจริง”

สามีภรรยาที่กำลังสนทนาอยู่ทางนี้ได้ยินเสียงดังขึ้นที่สวน ทั้งสองคนตกใจ อวี๋ซานหลังตะโกนถามว่าใคร เมื่อเปิดประตู โคมไฟในมือส่องเห็นชายหนุ่มแปลกหน้า ในมือถือมีด…

อ๊าก อวี๋ซานหลังร้องเสียงหลง ถอยหลังออกไป บุกจวนชิงทรัพย์…

ชายหนุ่มนั้นไม่ได้เดินขึ้นหน้า ชี้ไปด้านข้าง “คุณหนูตันจูบอกว่า ค่ารักษาที่ควรเก็บนางเก็บไว้แล้ว ส่วนที่เหลือส่งกลับมาให้พวกท่าน” พูดจบก็กระโดดข้ามกำแพงหายไป

คุณหนูตันจู? ค่ารักษา? อวี๋ซานหลังและภรรยาตะลึงเล็กน้อย ก่อนจะถือโคมไฟออกมาดู ก่อนจะเห็นลังไม้ที่พวกเขานำไปอารามดอกท้อถูกโยนไว้ในสวน

อวี๋ซานหลังและภรรยาสบตากัน ไม่ได้บอกว่าคนที่เคยให้คุณหนูตันจูรักษามักถูกปล้น เหตุใดพวกเขาจึงถูกส่งค่ารักษากลับมาให้

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท