หญิงชราขายชาพักผ่อนเพียงหนึ่งวัน นางต้มน้ำชามาครึ่งชีวิต ไม่ต้มขึ้นมาวันหนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจ มองดูบ้านที่ว่างเปล่าก็เดินมายังโรงน้ำชาอย่างไม่รู้ตัว…ถึงแม้แขกจะน้อยลง แต่อย่างน้อยก็ยังมีหญิงสาวคนนั้นอยู่
ถึงแม้หญิงสาวจะถูกร่ำลือว่าดุดัน แต่เมื่ออยู่กันนานๆ ก็จะพบว่าตอนที่หญิงสาวไม่ดุดันนั้น อันที่จริงนางน่าเอ็นดูเป็นอย่างยิ่ง…นางมักจะชอบมาสนทนากับตนเอง ดื่มน้ำชาของตนเอง อีกทั้งยังแบ่งขนมหวานสีสวยให้กิน
บางเวลาหญิงชราขายชา ก็อดคิดไม่ได้ว่าหากนางมีหลานสาวก็คงจะน่าเอ็นดูเช่นนี้ แต่ทันใดนั้นนางก็หัวเราะเยาะตนเอง ความน่าเอ็นดูเพราะเลี้ยงออกมาจากเงิน คนจนอย่างนางคงเลี้ยงออกมาได้เพียงหญิงสาวที่หน้าดำเปรอะเปื้อนจากการเผาเตาถ่าน
เมื่อนึกถึงตรงนี้หญิงชราขายชาก็ส่ายหัวเดินเร็วยิ่งขึ้น แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกจากทางนั้น…เอ๊ะ? เวลานี้เมื่อเดินผ่านทางโค้งมาสามารถมองเห็นถนนใหญ่ทั้งเส้น บริเวณถนนด้านหน้าเพิงมีคนยืนอยู่เจ็ดแปดคน มีทั้งชายทั้งหญิง อีกทั้งมีลังไม้สองลัง บนลังไม้ผูกด้วยผ้าแดง
เกิดอะไรขึ้น
“คุณหนูตันจู” ชายหนุ่มทำการคารวะเฉินตันจูที่นั่งอยู่บนเตียงในเพิง “ขอบคุณที่ท่านช่วยลูกข้า”
หญิงสาวก็อยู่ในนั้น นางอุ้มเด็กเล็กคุกเข่าตามลงไป
เฉินตันจูไม่ได้ลุกขึ้นยืนด้วยความดีใจเพราะการคารวะของสามีภรรยาคู่นี้ สายตาจับจ้องไปยังเด็กเล็กในอ้อมกอดของหญิงสาว ถามด้วยรอยยิ้ม “หายดีแล้วหรือไม่ วิ่งเล่นกระโดดโลดเต้นได้แล้วหรือไม่”
หญิงสาวก้มหน้าตอบรับไม่กล้ามองหน้านาง แต่เด็กเล็กไม่ได้มีความเกรงกลัว เขามองพี่สาวคนงามตรงหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะยกกำปั้นพูดขึ้น “ข้าวิ่งได้เร็วมากกระโดดได้สูงมาก”
เฉินตันจูตอบรับ “เก่งเสียจริง” ก่อนจะกำชับอีกครั้ง “แต่ต่อไปต้องระวังเสียบ้าง อย่าจับแมลงหรืองูที่สวยงาม”
เด็กเล็กถึงแม้จะยังเด็ก แต่เขาก็รู้ว่าตนเองถูกงูกัด ความเจ็บในตอนนั้นยังไม่ลืม จึงก้มหัวซุกอยู่ในอ้อมกอดของมารดาไม่พูดอีก
เฉินตันจูเชิญสามีภรรยาคู่นี้ลุกขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “เด็กไม่เป็นอะไรก็ดี ไม่ต้องเกรงใจเพียงนี้”
พวกเขาก็ไม่คิดจะเกรงใจ…สามีภรรยาคู่นี้นึกถึงคนที่ถือมีดบุกเข้าไปข่มขู่พวกเขาถึงในจวน ก่อนจะเค้นรอยยิ้มออกมา ชี้ไปยังลังไม้สองลังด้านหลัง “บุญคุณการช่วยชีวิตย่อมต้องตอบแทน คุณหนู ด้านหลังคือสมบัติ…ไม่ใช่ น้ำใจของพวกเรา ถือว่าเป็นค่ารักษา”
เฉินตันจูโบกมือ “ระยะนี้ข้าไม่คิดเงิน ไม่ต้องให้”
ไม่เอาเงินหรือ ไม่ได้เชียว กลับไปถูกฆ่าจะทำอย่างไร น้ำตาของหญิงสาวหลั่งไหลลงมา
“คุณหนูตันจู” นางกอดลูกเอาไว้ พูดพลันร้องไห้ “ท่านทำเช่นนี้ไม่ได้…ตระกูลพวกเรามีบุตรแค่คนเดียว ท่านช่วยเหลือเขาเท่ากับช่วยเหลือพวกเรา หากท่านไม่รับเงิน พวกเราทั้งสองตายอยู่ตรงนี้เสียดีกว่า”
ไม่จำเป็นต้องทำถึงเพียงนี้ เฉินตันจูเห็นแก่ความจริงใจของพวกเขา จึงมองไปยังอาเถียน “พวกเรารับเอาไว้?”
อาเถียนดีใจอย่างยิ่ง พยักหน้าระรัว “คุณหนูรับเอาไว้เท่ากับช่วยชีวิตพวกเขาอีกครั้ง ยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นเสียอีก”
เฉินตันจูหัวเราะ นางไม่ได้สนใจว่าต้องได้รับเงินหรือไม่ บอกว่าไม่รับเงินก็เป็นเพียงกลอุบายในการดึงดูดผู้คน แต่ในเมื่ออีกฝ่ายตั้งใจจะมอบให้…
“ได้” นางพยักหน้า “ข้าจะรับเอาไว้”
คู่สามีภรรยาราวกับยกภาระหนักพันจิน[1]ออก
“ขอบคุณคุณหนูตันจู” ชายหนุ่มพูด “หลังจากที่พวกข้ากลับไป พวกข้าจะสรรเสริญความมากฝีมือและความเมตตาของคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูสะบัดพัด “ไม่ต้องถึงเพียงนั้น เวลานี้ข้ายังกำลังศึกษาอยู่”
นางยังศึกษาอยู่ จึงใช้พวกเขาลองมือ…น้ำตาของหญิงสาวหลั่งไหลลงมามากขึ้น อดพึมพำขึ้นมาไม่ได้ “เหตุใดพวกเราจึงโชคร้าย…”
เอ๊ะ? เฉินตันจูมองนาง
“ไม่ใช่ๆ” ชายหนุ่มรีบบังภรรยาและบุตรชายเอาไว้ คารวะต่อเฉินตันจู “พวกข้าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้พบกับคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูยิ้ม
“พวกข้าขอตัวก่อน” ชายหนุ่มคารวะอีกครั้ง ก่อนจะพยุงภรรยาและบุตรชายเข้าไปในรถ ตนเองและบ่าวรับใช้ขี่ม้าจากไป
บนถนนตลบอบอวลไปด้วยฝุ่น
“เหตุใดจึงจากไปอย่างรีบร้อน” เฉินตันจูพูด “ข้ายังคิดจะให้ยาพวกเขาอีกเล็กน้อย ข้าดูแล้วหญิงสาวคนนี้ท้องไส้ไม่ดีนัก”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ให้จู๋หลินส่งไปให้พวกเขา” อาเถียนพูดอย่างใจกว้าง “ให้พวกเขาได้รับรู้ถึงความหวังดีของคุณหนู”
จู๋หลินที่ยืนอยู่บนต้นไม้ริมทางมองไปยังองครักษ์ที่ยืนอยู่บนต้นไม้ที่ห่างออกไปไม่ไกล องครักษ์คนนี้ชื่อเฟิงหลิน ซึ่งเป็นองครักษ์หลวงเช่นเดียวกัน เขาติดตามสามีภรรยาคู่นี้มา
การมาของเฟิงหลินทำให้เขาฉงน จึงเดินเข้าไปถามความเป็นไป
“ไม่มีอะไร คนตระกูลนี้รักษาหายแล้วแต่ไม่ยอมมาขอบคุณ” เฟิงหลินพูด “ท่านแม่ทัพจึงให้ข้าชี้แนะพวกเขา”
ชี้แนะ…จู๋หลินพอจะนึกออกถึงวิธีชี้แนะ เพราะเขาก็เคยชี้แนะคนอื่นเช่นเดียวกัน
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าสามีภรรยาคู่นี้ถึงแม้จะบอกว่ามาขอบคุณ แต่สีหน้าของพวกเขาดุจดั่งกำลังเข้าสู่ลานประหาร
เวลานี้เมื่อได้ยินอาเถียนบอกว่าให้เขาไปส่งยาให้สามีภรรยาคู่นี้ จู๋หลินก็แอบหัวเราะแห้งภายในใจ
ความหวังดีนี้อย่าได้ให้คนอื่นสัมผัสเสียดีกว่า
อาเถียนไม่รู้ว่าจู๋หลินคิดอะไรอยู่ นางกำลังมองดูลังไม้ด้วยความดีใจ ก่อนจะมองเห็นหญิงชราขายชาที่ยืนอยู่ไม่ไกล ยิ่งดีใจมากขึ้น “ท่านยายรีบมาดูเร็วเข้า เด็กคนนั้นถูกคุณหนูรักษาหายแล้ว พวกเขายังมอบของขวัญตอบแทนให้มากมาย”
หญิงชราขายชาเห็นแล้ว แต่ก็ยังคงไม่อยากเชื่อ
“หายดีแล้วจริงหรือ” นางถาม
“ท่านไม่เห็นเด็กคนนั้นหรือ” อาเถียนพูด “กระปรี้กระเปร่า มีชีวิตชีวาอย่างมาก”
นางย่อมต้องเห็นอย่างแน่นอน แต่หญิงชราขายชาลังเลเล็กน้อย “หรือบางทีเด็กคนนี้ไม่เป็นอะไรตั้งแต่แรก?”
อาเถียนถลึงตาเรียกขานท่านยาย… “ท่านอายุมากพบเจอเรื่องมามาก เด็กคนนั้นเป็นอย่างไรท่านจะมองไม่ออกหรือ”
ก็จริงอย่างที่อีกฝ่ายพูด คนอายุมากอย่างนางเห็นการเกิดการตายมานับมาถ้วน ถึงแม้นางจะเห็นเด็กคนนั้นเพียงแวบเดียว แต่ก็พอจะรู้ว่าเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว หญิงชราขายชาพูด “ข้าแค่ไม่กล้าเชื่อ” นางมองไปยังเฉินตันจู “คุณหนูตันจู ท่านเป็นวิชาแพทย์จริงหรือ”
เฉินตันจูยิ้มให้นาง พัดเล็กในมือโบกไปมา สีหน้าสดใส “ย่อมต้องเป็นจริง” เมื่อนึกถึงวิชาแพทย์ที่เรียนรู้มา สีหน้าของนางก็โศกเศร้าลงเล็กน้อย “หากไม่ใช่เรื่องจริง เวลานี้ข้าก็คงไม่ได้มาอยู่ตรงนี้”
หากนางไม่ประสบกับสิบปีนั้น ไม่ได้ศึกษาวิชาแพทย์กับหมอทหารชรา นางก็คงสังหารหลี่เหลียงไม่ได้ อีกทั้งนางก็คงไม่ต้องตาย ไม่ต้องเผชิญเรื่องต่างๆ อีกครั้ง
อาเถียนเห็นความโศกเศร้าภายในดวงตาของเฉินตันจู จึงถลึงตาใส่หญิงชราขายชาหนึ่งที พูดเสียงเบา “ท่านดู ท่านทำให้คุณหนูของพวกข้าเสียใจแล้ว…หากตระกูลไม่ได้เกิดเรื่อง ชาตินี้คุณหนูก็คงไม่ต้องคิดเรื่องเปิดร้านยารักษาโรค”
ใช่แล้ว ใช่แล้ว หญิงชราขายชารู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
เฉินตันจูถาม “ท่านยายขอบคุณอะไร”
หญิงชราขายชาพูด “คุณหนูตันจูมีฝีมือการรักษาที่เก่งกาจ ต่อจากนี้คงมีชื่อเสียง ดึงดูดคนมาจำนวนมาก โรงน้ำชาของข้าย่อมต้องขายดี ข้าจึงย่อมต้องขอบคุณคุณหนูตันจู”
เฉินตันจูหัวเราะ “ข้าบอกแล้ว ท่านยาย โรงน้ำชาของท่านต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน”
หญิงชราขายชายิ้ม ก่อนจะเดินเข้าไปดูลังไม้ด้วยความสงสัย “รีบดูว่ามีอะไรบ้าง”
อาเถียนเปิดลังไม้ออก พบเห็นผืนผ้าไหม เครื่องแป้งและเครื่องประดับที่กองอยู่เต็มลัง นางพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หญิงชราขายชาก็ตกตะลึง “ของขวัญขอบคุณที่ใหญ่มาก” ดูจากลักษณะของสามีภรรยาคู่นั้นก็ไม่เหมือนคนรวย แต่สามารถหยิบของขวัญขอบคุณออกมามากเพียงนี้ เงินที่ใช้จ่ายก็คงหมดไปกว่าครึ่งแล้ว
ร้านยาของไต้ฟูคนใดสามารถรับเงินได้มากเพียงนี้
“คุณหนูตันจูไม่เปิดกิจการยังไม่รู้สึก” นางพูด “เมื่อเปิดหนึ่งครั้งก็เพียงพอที่จะกินสามปี”
คำพูดนี้ฟังดูประหลาด อาเถียนไม่สนใจที่จะถกเถียง นางเรียกขานเยี่ยนเอ๋อ ชุ่ยเอ๋อและอิงกูลงมา จากนั้นเรียกจู๋หลินให้เขานำคนยกลังไม้ขึ้นไป
จู๋หลินนำคนยกลังไม้ขึ้นไปบนเขา เยี่ยนเอ๋อและอิงกูต่างวิ่งออกมามุงดู ถนนบนภูเขาที่เงียบสงบคึกคักขึ้นมา
เฉินตันจูเดินตามอยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนู” อาเถียนวิ่งกลับมา เดินตามอยู่ด้านข้างนางด้วยสีหน้าดีใจ “คิดไม่ถึงเลยเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูใช้พัดเคาะหัวของอาเถียน “ที่แท้เจ้าก็ไม่เชื่อว่าข้าจะรักษาได้”
อาเถียนป้องปากยิ้ม “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้าไม่ได้ไม่เชื่อว่าคุณหนูรักษาได้ แต่ข้าแค่ไม่คิดว่าพวกเขาจะมาขอบคุณคุณหนูจริงๆ ข้าคิดว่าพวกเขาจะถือว่าไม่เคยเกิดเรื่องนี้ขึ้นเสียอีก”
เฉินตันจูพยักหน้า ใช่ อันที่จริงนางก็คิดไม่ถึง
“เห็นได้ชัดว่าบนโลกนี้มีคนดีมากกว่า” นางพูดกับอาเถียน
อาเถียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เมื่อมีพวกเขา ต่อจากนี้ทุกคนคงเชื่อมั่นในคุณหนูแล้ว ร้านยาของคุณหนูกำลังจะเปิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว”
เร็วกว่าที่คิดเอาไว้ เฉินตันจูมองไปด้านหน้า เหล่าสาวรับใช้รายล้อมองครักษ์ที่แบกลังไม้เดินเข้าไปในอาราม นางสามารถหาเงินได้แล้ว อีกสามปีเมื่อจางเหยาเดินทางมาถึง นางคงมีทั้งชื่อเสียงและเงิน เมื่อถึงเวลานั้น จางเหยาไม่ต้องไปขอพักในหมู่บ้านดอกท้อ ยิ่งไม่ต้องขอทำงานเพื่อแลกข้าวแลกน้ำ นางจะเป็นคนจัดการให้เขากินดีอยู่ดีรักษาโรคให้…
เฉินตันจูเม้มปากยิ้ม จางเหยาเขาคงไม่รู้ บนโลกนี้มีคนเตรียมการป้องปกอย่างดีที่สุดให้เขาตั้งแต่เขายังไม่รู้จักอีกฝ่าย
[1] จิน หมายถึง หน่วยวัดน้ำหนักของจีน หนึ่งจิน เท่ากับครึ่งกิโลกรัม