ฤดูหนาวกลางวันนั้นสั้น ทว่ากลางคืนแสนยาว การเดินทางจึงดูเหมือนเชื่องช้าอย่างมาก เดินทางเพียงไม่นานท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอีกครั้ง โชคดีที่ครั้งนี้ด้านหน้ามีเมือง ขุนนางของเมืองได้รับข่าวสารจึงออกมาจัดการพื้นที่ต้อนรับอย่างรวดเร็ว
ขบวนเสด็จของพระชายารัชทายาทหยุดลงบริเวณหน้าด้านประตูเมือง นางเปิดม่านราชรถขึ้นทักทายเหล่าขุนนาง ก่อนจะเสด็จไปพักผ่อนยังจวนที่ขุนนางชั้นสูงถวาย
เมื่อเดินทางเข้าจวนยังมีการต้อนรับอีกครั้ง หญิงสาวของตระกูลชนชั้นสูงในท้องถิ่นต่างเฝ้ารอคอยอยู่ภายใน จนกระทั่งท้องฟ้ามืดลงพวกนางจึงต่างแยกย้ายกลับไป
ภายในจวนสว่างไสวด้วยแสงไฟ หิมะหยุดตกแล้ว ไม่ว่าจะหลังคา พื้นกระเบื้อง ดอกไม้ หรือต้นไม้ล้วนปกคลุมไปด้วยสีขาว สวยงามยิ่งนัก แต่ในขณะเดียวกันก็หนาวเย็นมากเช่นเดียวกัน
เหยาฝูยืนอยู่ด้านนอกโถงอยู่สักพัก รอคอยจนกระทั่งนางในภายในโถงรายงานเสร็จจากไป นางจึงเดินเข้าไปด้านในหลังจากขอเข้าเฝ้า ก่อนที่จะพบว่าพระชายาเหยาหมิ่นถอดเครื่องประดับล้ำค่าออกแล้ว กำลังนั่งให้นางในคนหนึ่งปรนนิบัติหวีผม
ในสายตาของเหยาฝู เหยาหมิ่นที่ไม่ได้สวมเครื่องประดับนั้น มีรูปลักษณ์ธรรมดา เทียบไม่ได้แม้แต่นางใน แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นนางเกิดเป็นบุตรสาวคนโตของเหยาซูย่อมมีชีวิตที่ดีตั้งแต่กำเนิด
“เหตุใดเจ้าจึงยังไม่พักผ่อน” เหยาหมิ่นถามในขณะที่หลับตา
เหยาฝูหลุบตาซ่อนเร้นความอิจฉาก่อนจะตอบเสียงเบา “ท่านพี่ ฤดูหนาวในเมืองอู๋ทั้งชื้นทั้งหนาว ข้าไปขอสมุนไพรจากคนที่นี่มาให้เด็กๆ จะได้หลับสบายขอให้ท่านพี่พิจารณาก่อน”
นางพูดพลางหยิบสมุนไพรมาหนึ่งห่อ
“แต่ก่อนที่ข้าอยู่ที่นี่ก็มักจะใช้ เล่อเอ๋อหลับสบายอย่างมาก”
บุตรของพระชายาไม่ได้ใช้ยาพร่ำเพรื่อ หากเหยาฝูถือเข้าไปเหล่าแม่นมคงไม่ยอม
เหยาหมิ่นไม่คิดมาก นางพูดกับนางในข้างตัว “นำไปให้หมอหลวงดู หากใช้ได้ก็ใช้เถิด”
นางในถือยาออกไป เหยาฝูพูดขึ้น “ข้าหวีผมให้ท่านพี่” จากนั้นหยิบหวีเดินเข้าใกล้
เหยาหมิ่นไม่ได้ปฏิเสธนาง “เจ้าเดินทางมาก็คงเหนื่อยแล้วเช่นเดียวกัน”
เหยาฝูพูด “ยังดี อย่างใดข้าก็เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน ท่านพี่ต่างหากที่เหน็ดเหนื่อย อากาศหนาวเด็กๆ ก็ยิ่งลำบากน่าดู จะรอฤดูใบไม้ผลิค่อยออกเดินทาง”
“จะได้อย่างใดหรือ” เหยาหมิ่นลืมตาขึ้น พูดด้วยรอยยิ้ม “ฝ่าบาทนั่งบัญชาการอยู่ที่เมืองซีจิงเดินทางมาได้เป็นคนสุดท้าย ข้าย่อมต้องมาก่อนเก็บกวาดพระราชวังให้ดี ให้ฮองเฮา พระสนม และเหล่าองค์หญิงเข้าพักได้อย่างสบายใจ”
ภารกิจนี้เหน็ดเหนื่อยแต่ก็เป็นเกียรติ ฮ่องเต้เชื่อมั่นนางถึงได้มอบหมายให้นาง ทั้งที่นางไม่ได้ทำอันใดแม้แต่น้อย เพียงแต่ให้กำเนิดบุตรสามคนก็ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้เพียงนี้ เหยาฝูกำหวีในมือแน่น…แต่เดิมนางก็มีคุณงามความดีได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ แต่เสียดายที่ความพยายามทั้งหมดล้มเหลว
“เจ้าเป็นกังวลเรื่องนี้จึงไม่พาเล่อเอ๋อมาด้วย?” เหยาหมิ่นถาม ก่อนจะส่ายหัว
“อันที่จริงเจ้าคิดมากไป เวลานี้ติดตามขบวนของข้า เด็กๆ ไม่ได้รับความลำบากอันใดอยู่แล้ว”
นางเป็นพระชายา แต่ละพื้นที่ที่เดินทางผ่านย่อมมีขุนนางรับใช้ไม่ว่าการเดินทางจะเหน็ดเหนื่อยมากเพียงใด แต่ก็ยังถือว่าสะดวกสบายอย่างมากเหล่าขุนนางคนอื่นในราชสำนักคงไม่ได้รับการปรนนิบัติที่ดีเช่นนี้
เหยาฝูก้มหน้าอย่างละอาย “ข้าประสบการณ์น้อยแล้ว”
เหยาหมิ่นหยอกล้อนาง “คนเก่งอย่างเจ้า เมื่ออยู่ต่อหน้าบุตรในฐานะมารดาก็มีเพียงความรักใคร่เหมือนกัน”
เหยาฝูพึมพำ “ข้าก็ไม่รู้ว่าเหตุใดข้าจึง…โดยเฉพาะเมื่อนึกถึงว่าเขาไม่มีบิดาแล้ว ภายในใจของข้าก็ว้าวุ่น” พูดพลางน้ำตาหลั่งไหลลงมา
เหยาหมิ่นถอนหายใจเบา ตบมือของนางแผ่วเบา “เจ้าวางใจเถอะ สิ่งที่เจ้าทำย่อมไม่สูญเปล่า อย่างน้อยเล่อเอ๋อไม่มีทางขับข้องใจ”
เหยาฝูคุกเข่าสะอื้น “ขอบคุณท่านพี่”
เหยาหมิ่นพยุงนางขึ้นมา “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน เป็นพี่น้องกันไม่ต้องพูดเกรงใจเพียงนี้ รีบไปพักผ่อนเถิด”
เหยาฝูรับคำถอยออกไป
พอดีกับที่นางในก่อนหน้านี้กลับมา นางในยิ้มให้นาง “หมอหลวงดูแล้ว ท่านเพิ่มยาไปอีกหลายประเภท ตอนนี้จุดในห้องขององค์หญิงและองค์ชายแล้ว”
เหยาฝูตอบรับด้วยสีหน้าปลื้มปริ่ม “เช่นนี้ข้าก็วางใจ”
นางในเดินเข้าไปรายงานพระชายา เหยาหมิ่นส่งเสียงตอบรับ จากนั้นนางในหยิบหวีขึ้นมาหวีผมให้นางต่อ พูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูสี่ดูแลเด็กได้อย่างรอบคอบเพียงนี้ เหตุใดจึงยอมทิ้งบุตรของตนเองเดินทางมาคนเดียว”
เหยาหมิ่นหลับตาส่งเสียง “เพียงแค่ต้องการหาหนทางที่ดีในอนาคตเท่านั้น ผู้เป็นแม่มักใจอ่อน และผู้เป็นแม่ก็อาจจะมีใจโหดเหี้ยมเช่นเดียวกัน”
เหยาฝูไม่ได้ยินบทสนทนาของนายบ่าวทั้งสอง แต่ไม่ว่าจะได้ยินหรือไม่ก็ไม่สำคัญ นางย่อมต้องทิ้งเด็กเอาไว้ มิฉะนั้นจะแสวงหาโอกาสใหม่ได้อย่างใดหากมีเด็กติดตัวมาด้วย
เหยาฝูเดินอยู่ภายในจวนท่ามกลางความมืด นางได้ยินเสียงหัวเราะของเหล่านางในลอยมาจากทางไกล พวกนางกำลังพูดคุยถึงความปรารถนาที่มีต่อเมืองหลวงใหม่
นางเองก็มีความปรารถนาอย่างเต็มเปี่ยมต่อเมืองหลวงใหม่ นางต้องเอาสิ่งที่เป็นของตนเองกลับมาทั้งหมดให้ได้
หลังจากขบวนเสด็จของพระชายาผ่านไป อากาศนับวันยิ่งหนาวเย็นลง บนท้องถนนเต็มไปด้วยผู้คนที่อพยพมา กิจการของหญิงชราขายชารุ่งเรืองดุจดั่งเปลวเพลิง เหล่าสาวรับใช้อย่างเยี่ยนเอ๋อช่วยทำงานจนตัวเป็นเกลียว เวลานี้หญิงชราขายชาไม่เพียงแต่ขายชา แต่ยังเตรียมผลไม้สด ผลไม้เชื่อม และขนมต่างต่างนานาคนจากเมืองหลวงร่ำรวยอย่างมาก ผลไม้สดและผลไม้เชื่อมที่ขายไม่ออกในแต่ก่อนมักจะไม่เพียงพอในเวลานี้
ยาของอารามดอกท้อก็มอบออกไปมากขึ้น อีกทั้งยังมีคนมาขอด้วยตนเอง คนของบางตระกูลกระจายออกเป็นหลายขบวน ทุกครั้งที่มีคนเดินทางมาถึงคนที่มาก่อนหน้านี้ย่อมเดินทางมารับ เมื่อเป็นเช่นนี้คนเหล่านั้นจึงกลายเป็นแขกที่คุ้นเคยของโรงน้ำชา และยาของอารามดอกท้อ
“แม่นางอาเถียน” ชายหนุ่มที่สวมหมวกลักษณะคล้ายก่วนเจียทักทาย “ชาสมุนไพรแก้หนาวที่พวกท่านทำครั้งก่อนยังมีหรือไม่ นายท่านของพวกข้าดื่มไปเมื่อหลายวันก่อน บอกว่าขาไม่ปวดมากเท่าใดแล้ว อยากจะขอเพิ่มอีกเสียสองสามชุด”
อาเถียนยังไม่ทันตอบ หญิงชราขายชาก็พูดแทรกขึ้น “ก่วนเจีย! ท่านลองลิ้มรสก็แล้วไป ยังคิดจะขออีกหลายชุด?”
แขกที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมา แขกบางคนที่ไม่รู้เรื่องจึงถามขึ้น แขกที่รู้เรื่องจึงอธิบาย พร้อมพากันหยอกล้อ ก่วนเจียคนนั้นหน้าแดงเล็กน้อย “ไม่ใช่ ข้าหมายถึงหากมีข้าจะซื้อเสียสองสามชุด”
อาเถียนยิ้มหวาน “ชาสมุนไพรยังมีอยู่ แต่หากนายท่านต้องการดื่มมาก ข้าว่าพามาให้คุณหนูของพวกข้าดูก่อนจะดีกว่า ถึงแม้จะเป็นยาแต่ก็มีพิษ ถึงแม้จะเป็นชาสมุนไพร ปริมาณการใช้ก็มีจำกัด” พูดจบก็เสริมขึ้น “ท่านก่วนเจียวางใจ ดูอาการไม่คิดเงิน”
คำพูดนี้ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
ก่วนเจียก็ไม่อาจต่อปากต่อคำกับหญิงสาว ตอบปากรับคำก่อนจะข้ามหัวข้อสนทนานี้ไป…แต่ก็ไม่ได้ตอบรับว่าจะมาดูอาการที่นี่ นายท่านของเขาหาไต้ฟูมาหลายครั้งแล้ว ตนเองแทบจะดูอาการเองได้อยู่แล้ว ถึงแม้จะหาก็ย่อมต้องหาไต้ฟูในสำนักแพทย์ใหญ่มีชื่อเสียง ส่วนชาสมุนไพร หากดื่มแล้วสบายขึ้นก็ดื่มเสียหน่อย แต่ไม่ดื่มก็ไม่มีผลอันใด
“วันนี้มียาอันใด” เขาถามอีกครั้ง
อาเถียนหยิบขวดเล็กออกมา “วันนี้เป็นยาเม็ดซานจา…”
สิ่งนี้ดี! สิ่งนี้พบบ่อย ทุกคนก็รู้ว่าต้องใช้อย่างใดกินมากก็ไม่กลัว ทันใดนั้นมีคนจำนวนหนึ่งลุกขึ้น
‘ให้ข้า’
‘ข้าก็อยากได้’
อาเถียนถูกเบียดจนเกือบล้ม หญิงชราขายชากระแทกกาเหล็กบนโต๊ะเสียงดัง
“ดื่มชาก่อน” นางพูด “ดื่มชาหมดสามกาแถมยาเม็ดซานจา![1]”
โรงน้ำชาคึกคักขึ้นมาอีกครั้ง มีคนพูดกลั้วหัวเราะ
‘ดื่มชาจนแน่นท้องเช่นนี้ย่อมต้องให้ยาเม็ดซานจามากินแล้ว’
‘เช่นนี้ยังถือว่าไม่เสียเงินหรือ เงินรวมอยู่ในค่าน้ำชาหมดแล้ว!’
แต่ว่าไม่มีผู้ใดต่อว่าหญิงชราคนนี้จริงจัง หญิงชราตั้งโรงน้ำชาข้างทางอย่างโดดเดี่ยวก็ไม่ง่าย
อาเถียนมองดูโรงน้ำชาที่คึกคัก เมื่อเห็นว่ามีคนสั่งน้ำชาสามกาจริงๆ จากนั้นกวักมือเรียกนาง นางก็หัวเราะอย่างดีใจมากขึ้น ร่างที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าเตาอบอุ่นอย่างมาก
ร้านยาของคุณหนูเปิดขึ้นมาแล้วจริงๆ ต่อจากนี้คงจะดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
[1]ยาเม็ดซานจา เป็นตำรับบำรุงหยางของไต ประกอบด้วยสมุนไพรฤทธิ์ร้อน ช่วยแก้ไขปัญหาสมรรถภาพทางเพศในท่านชาย