หลังจากที่องครักษ์เข้าไปรายงานอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าด้านนอกม่านจากไปอย่างเร่งรีบ ก่อนจะเงียบเสียงไป
เกิ่งเสวี่ยลงหมาก ใบหน้าที่ตึงเครียดเผยรอยยิ้มดุจดั่งดอกบัวหิมะในทันที “ฮ่า…ข้าชนะแล้ว”
นางชี้ไปยังกระดานหมากล้อม แสดงให้ทุกคนเห็นอย่างได้ใจ
คุณหนูสามคนที่นั่งล้อมรอบเดินเข้ามาดูพร้อมกับสาวรับใช้ของพวกนาง มีสาวรับใช้คนหนึ่งนับอย่างตั้งใจ ก่อนจะพูดกับคุณหนูของตนเอง “น่าเสียดาย พวกเราเกือบจะชนะแล้ว รอบนี้คุณหนูเสวี่ยเอ๋อชนะไปได้”
คุณหนูคนนั้นส่งเสียงไม่พอใจอย่างขุ่นเคือง “ถือว่าข้าโชคไม่ดี”
เกิ่งเสวี่ยหัวเราะอย่างดีใจกว่าเดิม ก่อนจะเรียกทุกคน “เอาใหม่ เอาใหม่”
คุณหนูอีกคนจ้องมองแก้วสุราที่ลอยมาตามน้ำ ก่อนจะหยุดหมุนอยู่กลางน้ำวน หญิงสาวสวมกระโปรงรัดอกสีชมพูคนหนึ่งยื่นมือหยิบขึ้นมา “แก้วนี้เป็นของข้า” พูดจบก็มองและยิ้มมาทางคนที่กำลังลงหมาก “ท่านทวดของคุณหนูเกิ่งชำนาญหมากล้อม ภายในจวนมีสะสมตำรา เป้าหมายแห่งหมากล้อม และ บันทึกแห่งหมากล้อม เล่นกับนางชนะไม่ง่าย”
“ดังนั้นข้าจึงไม่อยากเล่นกับนาง ไม่สนุกเสียเลย” หญิงสาวอีกคนเบะปาก ก่อนจะมองไปยังหญิงสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดที่มีใบหน้ารูปไข่ คิ้วดุจดั่งใบหลิวข้างตัว เมื่อนึกถึงประวัติของหญิงสาวที่เพิ่งคบใหม่คนนี้ “อาเฉียว ได้ยินว่าบิดาของเจ้าชนะติดต่อกันในงานหมากล้อมจนได้รับพระราชทานตำแหน่งขุนนางจากท่านอ๋องอู๋ เจ้าก็คงเก่งไม่น้อยใช่หรือไม่”
หญิงสาวที่ชื่ออาเฉียวพูดอย่างเขินอาย “เพียงแค่กลอุบายเล็กน้อยในเมืองอู๋เท่านั้น ไม่อาจเทียบกับเมืองหลวงได้”
“เจ้าอย่าได้ถ่อมตนเลย” หญิงสาวสีหน้าเรียบเฉยอีกคนพูด “ฝีมือหมากล้อมมิใช่ผลไม้ ดีหรือไม่มิได้อยู่ที่พื้นที่ อาเฉียว เจ้าลองเล่นกับคุณหนูเกิ่งสักครั้ง”
อาเฉียวนึกถึงสิ่งที่คนในตระกูลกำชับ พวกเขาต้องสร้างสัมพันธ์อันดีกับเหล่าชนชั้นสูงที่มาจากราชสำนัก แต่การสร้างสัมพันธ์อันดีนี้ไม่ได้อาศัยการประจบ มิฉะนั้นถึงแม้จะมีสัมพันธ์กัน ต่อจากนี้ก็คงต่ำต้อยกว่าคนอื่น เมื่อกี้นางเห็นฝีมือของคุณหนูเกิ่งท่านนี้แล้ว ถือว่าไม่เลวหากเทียบกับหญิงสาวธรรมดา แต่นางสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
เช่นนั้นนางจะใช้ฝีมือหมากล้อมเอาชนะคุณหนูเกิ่งนี้สักครั้ง ถึงแม้คุณหนูท่านนี้จะขุ่นเคือง เมื่อถึงเวลานางค่อยประจบ…การประจบเช่นนี้ย่อมสามารถเล่าลือได้ว่าถ่อมตน
นางตอบรับอย่างเปิดเผย คุณหนูท่านอื่นล้วนผลักนางมาทางนี้ พลางเรียกเสวี่ยเอ๋อ “นี่คืออาเฉียว บิดาของนางเป็นผู้ดูแลเสบียงในพระราชวังอู๋ ตำแหน่งนี้ได้มาจากการชนะหมากล้อม พวกเจ้าล้วนได้รับการสืบทอดฝีมือมาจากตระกูล แข่งกันสักตา”
เกิ่งเสวี่ยกวักมืออย่างเบิกบาน “รีบมา รีบมา”
คุณหนูคนหนึ่งทางนี้หลีกทางให้อาเฉียวนั่งลง
“เจ้าว่า อาเฉียวจะชนะหรือไม่” หญิงสาวสวมชุดสีชมพูริมน้ำถามคนที่อยู่ด้านข้าง
อีกคนก้มหน้ามองผิวน้ำไม่ตอบนาง ราวกับกำลังเหม่อลอย
“คุณหนูเหยาสี่” หญิงสาวชุดชมพูไม่พึงพอใจเล็กน้อย ไม่ได้เรียกนางแค่คุณหนูเหยา แต่จงใจเพิ่มคำว่าสี่…เรียกนางว่าคุณหนูเหยาสี่ นางคิดว่าตนเองจะเป็นคุณหนูของตระกูลเหยาจริงๆ แล้วหรือ ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าตระกูลเหยาของพระชายามีคุณหนูเพียงสามคน คุณหนูสี่นี้โผล่มาจากที่ใดผู้ใดจะไปรู้
เหยาฝูชำนาญในการดูสีหน้าของคน นางรับรู้ถึงการเสียดสีของอีกฝ่าย อีกทั้งสีหน้าของหญิงสาวไม่มีการปิดบังแม้แต่น้อย นางก่นด่าอีกฝ่ายภายในใจอย่างแค้นเคือง ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นคุณหนูของตระกูล แต่ตระกูลของเจ้าไม่มีอำนาจในราชสำนัก ได้ใจอันใด
“ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” นางพูดเสียงอ่อน
หญิงสาวชุดชมพูเบะปาก “เจ้าอย่าได้ติดตามมาเที่ยวเล่นเพียงอย่างเดียว พระชายาไม่สะดวกออกมา เจ้าต้องทำแทนท่าน เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงในเมืองอู๋เหล่านี้ต้องรู้จักให้มากเสียก่อน”
เหยาฝูหัวเราะเยือกเย็นภายในใจ หากข้าต้องให้เด็กอย่างเจ้ามาสอน เวลานี้คงตายไปนานแล้ว แต่นางก็ไม่อยากจะสิ้นเปลืองน้ำลายกับคุณหนูที่ไม่รู้จักความลำบากและอันตรายของโลก…กลับไปพูดต่อหน้า
พระชายา เจ้าหนูนี้อย่าหวังจะได้เดินออกจากประตูตระกูลอีก
“เจ้าค่ะ ข้าจำไว้แล้ว” นางพยักหน้า มองไปยังทางนั้นที่กำลังเล่นหมากล้อมกัน แต่อันที่จริงสายตามองผ่านเหล่าคุณหนูไปยังด้านนอกม่าน
เพียงแค่ก่นด่าคำหนึ่ง จะดึงดูดเฉินตันจูข้ามมาได้หรือไม่
ผลักดันหญิงชนชั้นสูงของราชสำนักมาคบหากับหญิงชนชั้นสูงในเมืองอู๋เป็นเรื่องที่พระชายาต้องการ แต่เรื่องนี้ไม่มีประโยชน์กับนาง สิ่งที่นางต้องการคือใช้เหล่าคุณหนูนี้สร้างปัญหาให้เฉินตันจู
หลังจากกลับมาเมืองอู๋ นางก็รีบสืบข่าวของเฉินตันจูทันที ไม่คิดว่านางจะหลบอยู่ในอารามดอกท้อ หรือเพราะรู้ว่าเปลี่ยนฟ้าดินใหม่ จึงหดหางอย่างสงบ
อยากให้ทุกคนลืมเลือนหญิงชนชั้นสูงในเมืองอู๋ที่ยโสโอหังอย่างนาง? ฝันไปเถิด!
แน่นอนว่าความขัดแย้งระหว่างคุณหนูทำลายเฉินตันจูไม่ได้ หรือไม่เฉินตันจูอาจยอมถอย ทำให้นางขุ่นเคือง หรือไม่เฉินตันจูทำให้เหล่าคุณหนูขุ่นเคือง เช่นนี้ชื่อเสียงเลวร้ายของเฉินตันจูก็จะเป็นที่รู้จักอีกครั้ง
แต่ไม่ว่าทำให้ผู้ใดขุ่นเคือง เฉินตันจูย่อมไม่มีวันสงบสุข
เหยาฝูยื่นมือหยิบแก้วสุราที่ไหลผ่านจากในน้ำขึ้นมา ก่อนจะดื่มสุราหวานที่เย็นสดชื่นจนหมด
เสียดายนางทำได้เพียงผลักดันเหล่าคุณหนูมาเที่ยวเล่นอารามดอกท้ออย่างเงียบๆ ไม่อาจให้พวกนางไปพังประตูอารามดอกท้อได้โดยตรง เช่นนั้นถึงจะเป็นการตบหน้าเฉินตันจู แค่สบถด่าเพียงคำเดียว ไร้ความตื่นเต้นแม้แต่น้อย
…
อาเถียนมองชุ่ยเอ๋อที่โกรธจนหน้าแดง ก่อนจะมองเยี่ยนเอ๋อที่น้ำตาร่วงรินลงมา
“พวกนางไม่ให้ตักน้ำ?” อาเถียนถาม
สาวรับใช้สองคนลากนางมาหลบอยู่ในห้องฟืนพูดกลับไปกลับมา ความหมายก็คือพวกนางไปตักน้ำที่บ่อน้ำ แต่ถูกคนล้อมเอาไว้ไม่ให้ตัก อีกทั้งยังถูกไล่กลับมา
“ไม่ให้ตักยังเป็นเรื่องเล็ก” ชุ่ยเอ๋อพูด “ข้าบอกแล้วว่าภูเขานี้เป็นของพวกเรา แต่พวกนางยังไล่พวกเรากลับมา”
เรื่องนี้น่าขุ่นเคืองที่สุด
“คนเหล่านั้นไม่ใช่คนเมืองอู๋ใช่หรือไม่” อาเถียนพูดพลางถอนหายใจ
ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อพยักหน้า
“ฐานะไม่ต่ำใช่หรือไม่” อาเถียนถามอีก
ใช้ม่านล้อมเอาไว้เพื่อเที่ยวเล่น มักเป็นการกระทำของเหล่าหญิงสาวชนชั้นสูง ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อพยักหน้า ม่านที่ล้อมเหล่านั้นประณีตเสียยิ่งกว่าเสื้อผ้าของชาวบ้านธรรมดาเสียอีก
“ช้าเร็วต้องมีวันนี้” อาเถียนพึมพำ นางคิดไว้นานแล้ว หากคนมากขึ้นเรื่อยๆ ชนชั้นสูงย่อมมากขึ้น พวกเขาทำอันใดตามใจตนเอง แต่พวกนางจะทำอย่างไรได้ ปะทะกับพวกเขาหรือ เวลานี้คุณหนูตัวคนเดียว เปิดร้านยายังยากลำบากเพียงนี้…
กว่าจะมีชีวิตที่สงบสุขเช่นนี้ได้ ไม่อาจก่อเรื่องได้อีกแล้ว
“พวกข้ารู้แล้ว” ชุ่ยเอ๋อพูดเสียงเบา “ดังนั้นจึงไม่รายงานคุณหนู แต่แอบมาบอกเจ้า อาเถียน”
เยี่ยนเอ๋อรีบเช็ดน้ำตา “ข้าก็ไม่ไปร้องไห้ต่อหน้าคุณหนู เดี๋ยวข้าจะไปหั่นยา บอกว่าแสบตาจนน้ำตาไหล”
เพียงแค่ถูกด่าเท่านั้น ไม่เจ็บไม่คัน อดทนไว้
อาเถียนพยักหน้า สายตาจับจ้องไปยังกาน้ำบนมือของคนทั้งสอง…
“แต่ว่าไม่มีน้ำ” เยี่ยนเอ๋อกังวล “ทำอย่างไรดี”
ชาที่คุณหนูดื่มทุกวันล้วนใช้น้ำที่ตักใหม่
“ไม่มีน้ำหรือ”
เสียงหนึ่งลอยเข้ามาจากด้านนอกประตู
เสียงนี้หวานนุ่มไพเราะอย่างมาก แต่เมื่ออาเถียน ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อได้ยินก็เกือบกระโดดขึ้นมา พวกนางหันไปมองอย่างตื่นตระหนก เห็นเฉินตันจูยืนยิ้มมองพวกนางอยู่นอกประตูตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
จู๋หลินที่ยืนอยู่บนหลังคาถอนหายใจ เขารู้ว่าเฉินตันจูมาตั้งแต่เมื่อใด เมื่อชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อแอบเรียกอาเถียนมา เฉินตันจูก็ย่องตามมานั่งแอบฟังอยู่ด้านนอก…
เขาจะทำอย่างไรได้ เขาสามารถห้ามเหล่าบ่าวรับใช้แอบฟังเจ้านาย แต่ไม่อาจห้ามเจ้านายแอบฟังบ่าวรับใช้
ครานี้ดีแล้ว ได้ยินหมดแล้ว เฉินตันจูจะยอมได้อย่างไร
อาเถียน ชุ่ยเอ๋อและเยี่ยนเอ๋อคิดเช่นเดียวกับจู๋หลินในเวลานี้ พวกนางมองเฉินตันจูอย่างกังวล
แต่เฉินตันจูไม่มีท่าทีดุดันแม้แต่น้อย นางยังคงยิ้ม “ไม่ต้องกังวล พวกเจ้าโง่เสียจริง เรื่องแค่นี้เอง”
อ๋า? ใช่หรือ ใช่กระมัง…
ถึงแม้อาเถียนอยากจะพูดเช่นนี้ แต่นางก็ไม่อยากให้คุณหนูต้องรับความลำบาก นางยิ้มออกมา “เช่นนั้นคุณหนูดื่มชา…”
“ไปดื่มในโรงน้ำชาของท่านยายอย่างไรเล่า” เฉินตันจูชี้นิ้ว “เชิงเขาของพวกเรามีโรงน้ำชา จะไม่มีน้ำดื่มเชียวหรือ” มองดูสาวรับใช้ทั้งสามคน “พวกเราจะปะทะกับผู้อื่นเพียงเพราะเรื่องเล็กอย่างการดื่มน้ำได้อย่างไร”
จู๋หลินตัวสั่นอยู่บนหลังคา คำพูดเช่นนี้ออกมาจากคุณหนูตันจู นางยังเป็นคนอยู่หรือ ไม่ใช่ ยังเป็นคุณหนูตันจูอยู่หรือ