บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 105 ยื่นมือ

ตอนที่ 105 ยื่นมือ

เสียงของนางคมชัดดุจดั่งเสียงของน้ำท่ามกลางป่าไม้ แต่ก็ไพเราะดุจดั่งเสียงนกน้อยร้องขาน นางมองไปยังเหล่าหญิงสาวที่กำลังสนทนาอยู่ตรงข้าม

เฉินตันจูยิ้มให้พวกนาง “พวกเจ้าเที่ยวเล่นอยู่บนภูเขาก่อนหน้านี้หรือ”

บางครั้งหญิงสาวรูปงามเป็นที่ชื่นชอบ แต่บางครั้งก็ไม่ เกิ่งเสวี่ยไม่ชอบอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ทักทายผู้อื่นอย่างไร้มารยาท

“ใช่” นางพูดอย่างหยิ่งยโส “เหตุใด ไม่ได้หรือ”

เฉินตันจูยิ้มหวาน “ได้ ย่อมได้ แต่ว่า” นางชี้นิ้วไปด้านหน้า “ภูเขานี้เป็นของข้า พวกเจ้าจ่ายเงินค่าขึ้นเขามาก่อน”

ดี ในที่สุดก็มา ใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ ของจู๋หลินวางลงในทันที

แต่คนอื่นไม่รู้สึกว่าคำพูดนี้มีอะไรน่าวางใจ มีเพียงความตกตะลึง โรงน้ำชาที่คึกคัก คุณหนูที่พูดคุยกันต่างเงียบสงบลง

ชายหนุ่มอายุน้อยที่ยืนอยู่ข้างโรงน้ำชาทำหน้าตื่นเต้น เขาใช้ข้อศอกกระทุ้งเรียกสหาย ส่งเสียงหัวเราะบอกให้เขาดู “มีเรื่องสนุกแล้ว มีเรื่องสนุกแล้ว”

ชายหนุ่มสวมหมวกถือถ้วยชาด้วยท่าทางเรียบเฉย

นอกจากคนที่วางใจ ตกตะลึง และเรียบเฉยแล้ว ยังมีคนจำนวนหนึ่งรู้สึกว่าเหตุการณ์ตรงหน้าคุ้นตาอย่างมาก

“ราวกับจำได้ว่ามีคนเคยพูด ที่เชิงเขาภูเขาดอกท้อมีคนขวางทางชิงทรัพย์…” แขกคนหนึ่งพึมพำ

หญิงชราขายชากลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะตั้งสติกลับมา อย่ากังวล เหตุการณ์ตรงหน้าคุ้นตาก็จริง แต่แสดงว่าต้องมีคนป่วยในเหล่าคุณหนูนั้นอย่างแน่นอน…อีกทั้งยังป่วยหนักใกล้ตายแล้ว

เหล่าคุณหนูฝั่งตรงข้ามตั้งสติกลับมา รู้สึกว่าหญิงสาวตรงหน้าเสียสติไปแล้ว ไม่คิดว่าหญิงสาวหน้าตางดงามจะมีปัญหาที่สมอง

เกิ่งเสวี่ยหัวเราะออกมา ก่อนจะมองเฉินตันจูด้วยความเวทนา นางพยุงมือของสาวรับใช้หันไปพูดคุยกับคนอื่นต่อ “สวนดอกไม้ของข้าแต่งเสร็จแล้ว ท่านพ่อแต่งตามจวนในเมืองซีจิง ข้าจะส่งจดหมายเชิญไปให้พวกเจ้า”

เหล่าคุณหนูต่างตอบรับ

“นี่” เฉินตันจูส่งเสียงอีกครั้ง “คนต่างถิ่นอย่างพวกเจ้าฟังภาษาอู๋ไม่เข้าใจหรือ ข้าจะพูดอีกครั้ง”

ครานี้นางเปลี่ยนมาใช้ภาษาซีจิง อีกทั้งพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ

เหล่าคุณหนูที่ไม่สนใจในเดิมทีผงะไปอีกครั้ง ก่อนจะหันมามองด้วยความตะลึง

“เจ้าต้องการอันใด” เกิ่งเสวี่ยขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ้มอย่างกระจ่าง “เจ้าเป็นชาวบ้านที่นี่หรือ เจ้ามาขอทานหรือหลอกทรัพย์”

เฉินตันจูโบกมือ “คุณหนูท่านนี้ ข้าไม่ใช่ชาวบ้านของที่นี่ ข้าก็ไม่ได้ต้องการขอทานหรือหลอกทรัพย์ ข้าบอกแล้ว…”

นางยืนขึ้นลุกเดินออกมาจากโรงน้ำชาแล้วชี้ไปยังภูเขาดอกท้อ

“ภูเขาลูกนี้เป็นของข้า ที่นี่เป็นจวนของข้า พวกเจ้าเข้ามาในจวนของข้า ข้าเก็บเงินก็สมเหตุสมผล”

ตอนที่นางเดินออกมา อาเถียนก็เดินตามไปอย่างไม่ลังเล ไม่มีความตะลึงสงสัยหรือกังวลแม้แต่น้อย ใจของนางสงบลงเมื่อคุณหนูเปิดปากพูดขึ้น

คุณหนูก็คือคุณหนู จะถูกรังแกได้อย่างไร คำขับไล่นั้น ไม่มีทางยอมได้ มิฉะนั้น ต่อจากนี้จะมีแต่คำขับไล่นับไม่ถ้วน…

ตามทิศทางที่นางชี้และเสียงที่ไพเราะของนาง หญิงสาวเหล่านี้ละทิ้งความคิดที่นางเสียสติไป สีหน้าของพวกนางต่างแปลกประหลาด พูดคุยกระซิบกัน

“ผู้ใดกัน”

“เกิดอันใดขึ้น?”

นางคือเฉินตันจู นางคือเฉินตันจู…เหยาฝูที่อยู่ด้านหลังตะโกนภายในใจ

เหยาฝูเห็นนางตั้งแต่นางยังไม่เปิดปากพูด หญิงสาวตรงหน้างดงามสะดุดตาเสียยิ่งกว่าเมื่อตอนที่เห็นนางผ่านม่าน

ที่แท้ก็หลบมาอยู่เชิงเขา? นางรออยู่บนเขาครึ่งวันก็ไม่เห็นเฉินตันจูออกมา น่าโมโหเสียจริง

ในขณะที่นางไม่รู้จะหาวิธีใดยั่วยุเฉินตันจูนั้น เฉินตันจูดันบินออกมาเอง…

ใจของเหยาฝูก็วางลงในที่สุด

ดีเสียจริง ยังคงเป็นหญิงสาวที่ยโสโอหังคนนั้น

แต่หากต้องการเหยียดหยามหญิงสาวตรงหน้าย่อมต้องรู้ชื่อ เสียดายที่นางไม่กล้าพูด เพราะเฉินตันจูเคยได้ยินเสียงของนาง

สายตาของนางกวาดผ่านผู้คน เหล่าคุณหนูที่มาจากซีจิงล้วนไม่รู้จักเฉินตันจู ส่วนคุณหนูในเมืองอู๋รู้จัก แต่เวลานี้พวกนางล้วนไม่กล้าพูด ทำเพียงหลบอยู่ด้านหลัง…พวกไร้ประโยชน์!

ในขณะที่เหยาฝูกำลังคิดหาวิธี เสียงของเฉินตันจูก็ดังขึ้น

“ข้าไม่ได้หลอกพวกเจ้า ข้าคือเฉินตันจู พวกเจ้าสืบดูก็รู้ว่าสิ่งที่ข้าพูดจริงหรือไม่”

เฉินตันจู…ถึงแม้ชื่อนี้จะไม่คุ้นหูสำหรับคุณหนูจำนวนมาก แต่คุณหนูที่รู้ข่าวต่างเผยสีหน้ากระจ่างและตะลึงออกมา ที่แท้นางก็คือเฉินตันจู!

เกิ่งเสวี่ยย่อมรู้จักชื่อนี้

“เฉินตันจู” นางพูด ครานี้สายตาของนางมองมาอย่างจริงจัง หญิงสาวที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามเผยรอยยิ้มที่มุมปาก หวีผมทรงมวยร้อยดอกไม้ งดงามอย่างมาก…ไม่ชอบกว่าเดิมเสียอีก “บุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่ พวกข้าก็ได้ยินชื่อมานานแล้ว”

นางจงใจลากเสียงยาวคำว่าได้ยินชื่อมานานแล้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียดสี เหล่าคุณหนูคนอื่นที่ฟังเข้าใจต่างเผยยิ้มมีนัยออกมา

ถึงแม้พวกนางต่างเกลียดแค้นเหล่าท่านอ๋องที่ยโสโอหัง แต่เฉินตันจูบุตรสาวขุนนางของท่านอ๋องคนนี้ต้อนรับฮ่องเต้ด้วยตนเอง อีกทั้งยังตำหนิเหล่าขุนนางอู๋รังแกคุณชายชนชั้นสูงของเมืองอู๋ นางเป็นผู้ที่ไร้คุณธรรมเห็นแก่ความร่ำรวย

คนเช่นนี้กล้าออกมาอีกได้อย่างไร

เฉินตันจูราวกับฟังน้ำเสียงเสียดสีของพวกนางไม่ออก ถึงแม้จะก่นด่าออกมาโดยตรงนางก็ไม่สนใจ ใช้สายตาและสีหน้าดูถูกนาง? ไม่ง่ายเพียงนั้น

นางพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างนั้นหรือ รู้จักข้าก็ดี ข้าไม่ต้องพูดมาก พวกเจ้าก็ไม่ต้องเข้าใจผิด” นางยื่นมือขาวไปตรงหน้าอีกครั้ง “จ่ายเงิน”

เกิ่งเสวี่ยทั้งโกรธทั้งขบขัน “ขึ้นเขาต้องจ่ายเงินจริงหรือ? เจ้าไม่ได้ล้อเล่น”

“ย่อมไม่ได้ล้อเล่น” เฉินตันจูยกนิ้วขึ้นนับ “แน่นอน ไม่ใช่ทุกคนที่ขึ้นเขาล้วนต้องจ่ายเงิน ชาวบ้านบริเวณนี้ไม่ต้องจ่ายเงิน เพราะต้องอาศัยภูเขาทำหามากิน ผู้ที่รู้จักตระกูลข้า มิตรสหายย่อมไม่ต้องจ่ายเงิน ผู้ที่ข้าถูกชะตาก็ไม่ต้องจ่ายเงิน”

นางพูดจบประโยคสุดท้าย สายตาก็กวาดผ่านเกิ่งเสวี่ยและคนอื่น ราวกับต้องการดูว่าผู้ใดถูกชะตา…

ผู้ใดอยากให้นางถูกชะตากัน เกิ่งเสวี่ยและคนอื่นต่างหัวเราะ

“เสวี่ยเอ๋อ” หญิงสาวคนหนึ่งกระซิบกับเกิ่งเสวี่ย “นางกำลังหาข้ออ้างตีสนิทกับพวกเรา”

ตามการย้ายที่อยู่ของชนชั้นสูงจากเมืองซีจิงที่มากขึ้น การคบหากับชนชั้นสูงเมืองอู๋ก็มากขึ้น ทั้งสองฝั่งต่างต้องการคบหากัน แน่นอน ชนชั้นสูงเมืองอู๋มีความต้องการคบหาชนชั้นสูงจากเมืองซีจิงมากกว่า แต่พวกนางไม่ได้คบกับผู้ใดก็ได้

ผู้ที่คบหากับนางล้วนผ่านการคัดมาแล้ว

คนอย่างเฉินตันจู ไม่อยู่ในการพิจารณา

“คุณหนูตันจู” เกิ่งเสวี่ยคิดได้นานแล้ว นางพูดอย่างรำคาญใจ “พวกข้ายังมีเรื่องอื่น ขอตัวก่อน หากมีโอกาส คงได้พบกันอีก”

เฉินตันจูส่งเสียง “ไม่ได้ พวกเจ้ายังไม่ให้เงิน”

ไม่ใช่ไม่มีเงิน หากโยนเศษเงินให้เฉินตันจู พวกนางก็อยากรู้ว่าเฉินตันจูกล้าก้มลงเก็บหรือไม่ แต่วิธีการเช่นนี้พวกนางไม่อยากทำ เกิ่งเสวี่ยพูดเสียงเย็น “หากพวกข้าไม่ให้?”

เฉินตันจูโบกมือ “ออกมา”

เหล่าองครักษ์ซ้ายขวามองไปยังจู๋หลิน

จู๋หลินพูด “มองข้าทำไม ไม่ได้ยินนางเรียกหรือ”

ได้ยินแล้ว แต่…

“ฟังนางจริงหรือ” องครักษ์คนหนึ่งถามเสียงเบา “พวกเราจะกลายเป็น กลายเป็นโจรชิงทรัพย์จริงๆ แล้ว”

เวลานี้ขึ้นเขาต้องจ่ายเงิน ต่อจากนี้แค่ผ่านทางก็ต้องจ่ายเงินหรือไม่

จู๋หลินหลับตาลง “ฟัง!” ท่านแม่ทัพให้พวกเขาฟังนาง หากไม่ฟัง ย่อมเท่ากับไม่ฟังท่านแม่ทัพ

เขาชักดาบออกก่อนจะกระโดดออกมา เหล่าองครักษ์คนอื่นที่อยู่ด้านหลังเขาต่างตามติด

คนสิบคนกระโดดออกมาขวางทางไว้ในชั่วพริบตา ในมือของพวกเขายังถือดาบ…

เหล่าคุณหนูตกใจจนกรีดร้องเสียงหลงออกมา พวกนางต่างเบียดตัวอยู่ด้วยกัน เหล่าบ่าวรับใช้และองครักษ์ของเหล่าคุณหนูที่เดิมทีคิดว่าเป็นเพียงการมีปากเสียงกันของสองฝ่ายต่างตั้งสติกลับมา

“พวกเจ้าทำอะไร!” เหล่าบ่าวรับใช้วิ่งเข้ามา “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกข้าเป็นผู้ใด…”

องครักษ์คนหนึ่งเตะเข้าที่บ่าวรับใช้ เหล่าบ่าวรับใช้ล้มลงกับพื้น ยังไม่ทันได้สติกลับมา ดาบเย็นก็จ่อเข้าที่หน้าอกของพวกเขา…

เสียงร้องตะโกนเงียบไปทันที เสียงกรีดร้องของเหล่าคุณหนูก็เงียบลง ทุกคนต่างมองเหตุการณ์นี้อย่างเหลือเชื่อ

เฉินตันจูพูดอย่างเรียบเฉย “ไม่จ่ายเงิน ก็อย่าคิดจะจากไป”

หญิงชราขายชาหิ้วกาน้ำชา ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง สงบไว้ อย่ากังวล เป็นเรื่องปกติ ดูเถิด หลังจากจับคนไว้แล้ว คุณหนูตันจูจะเริ่มรักษาคนแล้ว

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท