บ่าวรับใช้สามคนล้มลงกับพื้น หน้าอกยังมีมีดจ่ออยู่…ใช้อาวุธแล้ว!
เหล่าบ่าวรับใช้ต่างเปลี่ยนสีหน้าทันที พวกเขารีบคุ้มกันคุณหนูของตนเองเอาไว้
เหล่าคุณหนูส่งเสียงกรีดร้อง เสียงตะโกนของเหยาฝูดังที่สุด อีกทั้งยังกอดคุณหนูชุดชมพูข้างตัวเอาไว้แน่น “ฆ่าคนแล้ว…”
คุณหนูชุดชมพูเดิมทีก็ตกใจกับเหตุการณ์ แต่เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเหยาฝูทำให้นางหายกลัว ก่อนจะผลักนางอย่างหงุดหงิด “ตะโกนอันใด กลางวันเช่นนี้ฆ่าคนที่ใด! ผู้ใดกล้าฆ่าคน!”
เกิ่งเสวี่ยและคุณหนูคนอื่นต่างตั้งสติได้หลังจากตกใจ ใช่ กลางวันแสกๆ ท่ามกลางสายตาของผู้คน ผู้ใดกล้าฆ่าคนกัน เพียงแค่เรียกองครักษ์ออกมาสิบคนเท่านั้น…พวกนางแอบนับในใจ หากนับขึ้นมาพวกนางมีคนมากกว่า! ผู้ใดกลัวกัน!
แน่นอนว่ามีคุณหนูบางคนเผยสีหน้าหวาดกลัวกว่าเดิม อย่างเช่นคุณหนูของตระกูลชนชั้นสูงในเมืองอู๋สองคน อาเฉียวเดินถอยหลังไปหลายก้าว คุณหนูที่มาจากต่างถิ่นเหล่านี้อาจยังไม่รู้ แต่พวกนางรู้ดีเป็นอย่างยิ่ง เฉินตันจูกล้าฆ่าคนจริง หลี่เหลียงที่ถูกเฉินเลี่ยหู่แขวนประจานไว้บนประตูเมืองในตอนนั้นก็เป็นฝีมือของเฉินตันจู อีกฝ่ายเป็นถึงพี่เขยของนาง เฉินตันจูยังกล้าเดินทางเข้าพระราชวังบีบบังคับให้จางเหม่ยเหรินปลิดชีพตัวเองต่อหน้าฮ่องเต้และท่านอ๋อง ถือเป็นการฆ่าคนอย่างไม่ต้องสงสัย
อาเฉียวและคุณหนูอีกคนสบตากัน พวกนางต่างมองเห็นความหวาดกลัวและเสียใจภายในดวงตาของกันและกัน พวกนางควรจะคิดให้มากตอนที่บอกว่ามาภูเขาดอกท้อ เวลานี้พบกับคนที่น่ากลัวเช่นนี้เข้าจริง โชคร้ายเสียกระไร
“เฉินตันจู เจ้าขวางทางชิงทรัพย์หรือ” เกิ่งเสวี่ยตะโกน “เจ้ากล้าดีอย่างใด”
เฉินตันจูไม่รีบไม่ร้อน นางบีบนิ้วของตนเอง ยิ้มเล็กน้อย “ที่นี่เป็นสมบัติส่วนตัวของตระกูลข้า ข้าปกป้องสมบัติของข้า กล้าดีอย่างใด สมเหตุสมผลไม่ใช่หรือ”
สมบัติส่วนตัวของตระกูลนาง…ภูเขานี้เป็นสมบัติส่วนตัวของตระกูลนางจริงหรือ ถึงแม้เกิ่งเสวี่ยจะรู้จักชื่อของเฉินตันจู แต่นางไม่รู้เรื่องต่างๆ ของตระกูลนางทั้งหมด
หากเป็นสมบัติส่วนตัวของตระกูลเฉินจริง เฉินตันจูจงใจหาเรื่อง ถึงแม้จะไม่เหมาะสมแต่ก็สมเหตุสมผล สีหน้าของนางลังเลเล็กน้อย พวกนางเพิ่งมาถึง ไม่จำเป็นต้องเกิดเหตุปะทะกับหญิงสาวที่มีชื่อเสียเช่นนี้…
เกิ่งเสวี่ยคิดได้ เหล่าหญิงสาวคนอื่นย่อมคิดได้ ทุกคนต่างสบตากัน อีกทั้งยังมีคนพูดเสียงเบา “นางต้องการเงินไม่ใช่หรือ ให้เงินนางไปเถิด ถือว่าให้ขอทาน” “ใช่ ท่าทางน่าเวทนาของนาง ถือว่าสงสารนางเถิด”
เหยาฝูโมโหอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ น่าเวทนา? นางมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าที่สวมชุดกระโปรงรัดอก อีกทั้งชุดกระโปรงนั้นยังปักด้วยด้ายทอง ปกคอเหลี่ยมกว้างเผยให้เห็นลำคอขาวและเรียวยาว ปากแดงฟันขาวสายตาสดใส เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็โดดเด่นสง่างาม…เวทนาอันใดกัน ตาบอดหรืออย่างใด
คุณหนูชนชั้นสูงที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ แต่ละคนดูท่าทางดุดัน อันที่จริงขี้ขลาดไร้ประโยชน์
เรื่องนี้จะปล่อยไปเช่นนี้ไม่ได้!
เมื่อเห็นบรรยากาศทางนี้สงบลง ภายในใจของเฉินตันจูก็เสียดายอย่างมาก หากเรื่องนี้จะปล่อยไปเช่นนี้จะเป็นที่น่าเสียดาย จริงสิ เหล่าคุณหนูชนชั้นสูงล้วนมีเงิน เรื่องเรียกเงินอาจทำให้พวกนางโกรธไม่ได้ เช่นนั้น…นิ้วของนางหมุน หากนางเปิดปากเรียกเงินจำนวนที่เหล่าคุณหนูนี้ไม่มี ก็คงทำให้พวกนางโกรธได้แล้วกระมัง
ในขณะที่นางกำลังรอเหล่าคุณหนูฝั่งตรงข้ามเปิดปากนั้น มีคนหนึ่งพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบา “ภูเขาตระกูลนางอันใดกัน เฉินเลี่ยหู่ไม่เป็นขุนนางของท่านอ๋องอู๋แล้วไม่ใช่หรือ เช่นนั้นในเมืองอู๋มีอันใดที่เป็นของตระกูลเขาอีก”
เมื่อเกิ่งเสวี่ยได้ยินเช่นนี้ก็นึกขึ้นมาได้ ใช่ ไม่ผิด ภูเขาลูกนี้ย่อมไม่อาจซื้อได้ แตกต่างจากที่ดินแปลงนาและจวน ภูเขาป่าไม้ล้วนเป็นของหลวง ตระกูลเฉินมีภูเขาลูกนี้ได้ ย่อมต้องได้รับพระราชทานจากท่านอ๋องอู๋
เกิ่งเสวี่ยหัวเราะออกมา มองเฉินตันจูด้วยสีหน้าเสียดสี “สมเหตุสมผล? พ่อเจ้าไม่ยอมรับท่านอ๋องอู๋แล้ว ยังยึดเอาสิ่งของพระราชทานของท่านอ๋องอู๋เป็นของตนเอง? เจ้ายังกล้าจะมาเอาเงิน? ไร้ยางอายเสียจริง”
ด่าได้ดี รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินตันจูสลายไป
“เจ้า…” อาเถียนโกรธจนหน้าแดง ในขณะที่นางกำลังจะเดินขึ้นไปนั้น
เฉินตันจูก็รั้งนางเอาไว้ ก่อนที่ตนเองจะเดินเข้าไป “คุณหนูท่านนี้ หากท่านจะพูดเรื่องนี้ ข้าคงต้องทำความเข้าใจกับท่านแล้ว”
เฉินตันจูเดินเข้ามา อาเถียนรีบเดินตาม บ่าวรับใช้ทางนี้เห็นว่าคุณหนูคนนี้พาสาวรับใช้เดินเข้ามาแค่หนึ่งคนจึงไม่ได้รั้งเอาไว้
เกิ่งเสวี่ยและคนอื่นไม่ได้ถดถอย มุมปากเผยรอยยิ้มเสียดสี มีอันใดต้องทำความเข้าใจ คำพูดนี้นางไม่ได้พูด แต่เฉินเลี่ยหู่พูด เขาไม่ยอมรับท่านอ๋องอู๋ ไม่เป็นขุนนางอู๋แล้ว ยังยึดเอาสิ่งของพระราชทานของท่านอ๋องอู๋เป็นของตนเอง ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากที่ใดกัน
นางอยากรู้ว่าอีกฝ่ายจะพูดเหตุผลอันใดออกมา อีกทั้งให้คนอื่นได้เห็นเสียบ้าง
เกิ่งเสวี่ยเห็นนางเดินเข้าใกล้ “เจ้าจะพูดอันใด เจ้ายังมีอันใดต้องพูด…”
นางยังพูดไม่ทันจบ เฉินตันจูที่เดินเข้าใกล้ยื่นมือจับไหล่ของนางเอาไว้ ก่อนจะเหวี่ยงนางลงพื้นอย่างแรง…
อายุของเกิ่งเสวี่ยมากกว่าเฉินตันจูสองปี รูปร่างก็สูงกว่า แต่ท่าทางของเฉินตันจูรวดเร็ว พละกำลังมาก อีกทั้งใช้วิชาการขึ้นม้าลงม้า เกิ่งเสวี่ยจึงถูกนางเหวี่ยงลงพื้นเสียงดังปัง
ทุกคนล้วนตกตะลึงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทันใดนั้นเงียบสงัด แต่ภายในความเงียบสงัดนี้มีเสียงผิวปากดังขึ้น
หางตาของเฉินตันจูเหลือบมองไป เห็นเพียงแต่เหล่าผู้คนที่มุงดูอยู่ทางโรงน้ำชานั้น มีคนหนึ่งเปิดหมวกขึ้น มือของเขาวางอยู่ริมปากส่งเสียงออกมา
นางกวาดตามองไปพบว่าเป็นชายหนุ่มอายุน้อย รูปร่างสูงโปร่ง ผมดำดุจหมึก ดวงตาดำแต่เปล่งประกาย…ก่อนจะไม่สนใจ ชายหนุ่มอายุน้อยมักชอบการยุยง เวลาเห็นมีคนตีกัน โดยเฉพาะยังเป็นหญิงสาว การผิวปากก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อเห็นข้างตัวเขายังมีคนที่ตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นกระโดดลงดุจดั่งลิงลงเขา
อยากดูก็ดู ดูได้ตามสบาย!
เวลานี้นางจดจ่ออยู่กับเหตุการณ์ปะทะตรงหน้า
จนกระทั่งล้มลงกับพื้น เกิ่งเสวี่ยก็ยังไม่ทันรับรู้ว่าเกิดอันใดขึ้น นางรับรู้ถึงความวิงเวียนที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะสัมผัสได้กับความเจ็บปวดหลังจากที่ร่างกายปะทะเข้ากับพื้นดิน อีกทั้งดินที่เข้าไปในปากและจมูก…
นางอาจจะใกล้ตายแล้ว นางจะตายแล้ว นางถูกฆ่าตายแล้ว เกิ่งเสวี่ยส่งเสียงกรีดร้องออกมา…
คนรับใช้ต่างก็ตั้งสติกลับมาได้ พวกเขาส่งเสียงกรีดร้องออกมาตามกัน
เหล่าหญิงสาวที่ยืนอยู่ทางนี้สีหน้าซีดเผือด พวกนางต่างกระจายตัวไปด้วยความหวาดกลัว เหล่าสาวรับใช้ของเกิ่งเสวี่ยต่างวิ่งเข้ามาด้วยเสียงร้อง บ้างไปพยุงเกิ่งเสวี่ย บ้างพุ่งเข้ามาหาเฉินตันจู
เฉินตันจูไม่หลบไม่ถอย นางยกเท้าถีบไปยังสาวรับใช้ที่พุ่งเข้ามา สาวรับใช้กอดท้องล้มลงบนพื้นพร้อมเสียงกรีดร้อง
เฉินตันจูวางขาลง ผลักเหล่าสาวรับใช้ที่ล้อมอยู่รอบเกิ่งเสวี่ยออกไป ก่อนจะจับเกิ่งเสวี่ยออกมา…
“เจ้าด่าพ่อข้า?” นางเขย่าตัวของเกิ่งเสวี่ย บนใบหน้าไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนก่อนหน้า มีเพียงความดุดันและโหดเหี้ยม “เจ้าด่าต่อสิ เจ้าด่าอีกสิ!”
เกิ่งเสวี่ยด่าออกเสียที่ไหน การถูกเหวี่ยงก่อนหน้านี้ทำให้นางแทบจะสลบไปแล้ว เวลานี้ถูกเขย่าให้ฟื้นขึ้นมา ทั้งกลัวทั้งโกรธ ทำได้เพียงร้องไห้โฮออกมา มือของนางสะบัดไปมาอย่างมั่วซั่วเพื่อดิ้นรน…
“เจ้ายังตีข้า…” เฉินตันจูตะโกนในทันที “ตีคนแล้ว…”
ใครตีใครกัน คนที่อยู่รอบด้านผงะไปอีกทั้ง ทั้งที่เป็นเจ้าบอกว่าจะพูดอธิบายด้วยเหตุผล ผู้ใดคิดว่ามาถึงก็ลงมือ…
หญิงสาวตรงหน้าใช้มือในการอธิบายหรือ
สาวรับใช้พุ่งเข้ามาปะทะกับเฉินตันจูอย่างไม่สนใจ…หากปกป้องคุณหนูของตนเองไม่ได้ พวกนางก็ไม่ต้องมีชีวิตอยู่แล้ว
ถึงแม้อาเถียนจะยังตั้งสติไม่ได้หลังจากที่ตกใจ แต่ในเวลาที่เฉินตันจูถีบสาวรับใช้คนที่หนึ่งออกไป นางก็พุ่งตัวเข้ามาปะทะกับเหล่าสาวรับใช้ของเกิ่งเสวี่ยแล้ว
เสียงตะโกนเสียงร้องของหญิงสาวดังก้องไปทั่วถนน ราวกับระหว่างฟ้าดินมีเพียงเสียงนี้ เสียงผิวปากและเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นเป็นบางครั้งก็ถูกกลบไป
ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา เหล่าบ่าวรับใช้ผงะไปเมื่อเห็นเหล่าหญิงสาวปะทะกัน บนใบหน้าของจู๋หลินก็ไร้สีหน้าใดๆ อยากทำอันใดก็ทำเถิด… ทางด้านโรงน้ำชา นอกจากคนทั้งสองที่ยุยงอยู่ด้านนอกแล้ว เหล่าแขกต่างเบิกตาโตอ้าปากกว้าง หญิงชราขายชายังคงหิ้วกาน้ำชาเอาไว้ อย่ากังวล ภายในใจของนางยังคงวนเวียนไปด้วยคำนี้ แต่หลังจากอย่ากังวลแล้วควรพูดอันใดต่อ…
คุณหนูตันจูทำร้ายคนก่อน จากนั้นรักษาโรค หากพูดเช่นนี้ทุกคนจะเชื่อหรือไม่