บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 107 ให้เงิน

ตอนที่ 107 ให้เงิน

การปะทะกันครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เหล่าบ่าวรับใช้ของตระกูลเกิ่งไม่อาจปล่อยให้เฉินตันจูปะทะกันต่อเนื่องได้

แต่เมื่อพวกเขาขยับตัวก็ไม่ใช่เป็นเรื่องการปะทะกันของเหล่าหญิงสาวเท่านั้นแล้ว จู๋หลินและองค์รักษ์คนอื่นต่างสะบัดอาวุธ ความอาฆาตภายในดวงตาชัดเจน…เฉินตันจูบอกจะลงมือก็ลงมือ ยโสโอหังอย่างที่พวกนางไม่เคยพบมาก่อน เหล่าองครักษ์นี้อาจกล้าฆ่าคนจริงๆ ก็ได้

คุณหนูออกมาเที่ยวเล่นครั้งเดียวก็เกิดอันตรายเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงอย่างมากสำหรับตระกูล

สาวรับใช้และบ่าวรับใช้ที่สุขุมตั้งสติได้ พวกเขาต้องรีบหยุดยั้งเรื่องเช่นนี้

“หยุดเดี๋ยวนี้” พวกเขาตะโกนเสียงดัง “รีบดึงเหล่าคุณหนูออกจากกัน เหลวไหลเสียจริง!”

เหล่าบ่าวรับใช้ไม่กล้าเดินขึ้นหน้าอีก เวลานี้ไม่เพียงแต่สาวรับใช้ของตระกูลเกิ่ง สาวรับใช้ของตระกูลอื่นต่างก็รู้ถึงความหนักหนาของเรื่องนี้ พวกนางล้วนเดินเข้ามาช่วย…ครานี้เพียงแค่แยกออกจากกัน ไม่ปะทะกับเฉินตันจูอีก

“คุณหนูตันจู” สาวรับใช้สองคนกึ่งดึงกึ่งรั้งเฉินตันจูเอาไว้อย่างระมัดระวัง “มีอันใดค่อยๆ พูด ค่อยๆ พูดเจ้าค่ะ อย่าตีกันเจ้าค่ะ”

เกิ่งเสวี่ยถูกเหล่าสาวรับใช้คุ้มกันไว้ด้านหลัง เฉินตันจูก็รู้สึกว่าพอแล้ว ตบมือเลิกรา

ทางนี้นอกจากอาเถียน เยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อต่างก็เข้าร่วมการปะทะ เมื่อเห็นเฉินตันจูเก็บมือ ทั้งสามคนจึงถีบไปทางกำแพงสาวรับใช้ทางนั้นอีกที ก่อนจะวิ่งกลับมาเฝ้าอยู่หน้าเฉินตันจู จ้องเขม็งสาวรับใช้ทั้งสอง “เอามือออกไป อย่าจับคุณหนูข้า”

สาวรับใช้ทั้งสองตอบรับก่อนจะถอยออกไป

เหตุการณ์ปะทะจบลงในที่สุด เวลานี้ต่างฝ่ายต่างเห็นถึงความอนาถของตนเอง เฉินตันจูยังดี บนใบหน้าไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแค่ทรงผมและเสื้อผ้าถูกดึงจนสะเปะสะปะ…ไม่ว่านางจะคล่องแคล่วเพียงใดก็ไม่อาจหลบเหล่าสาวรับใช้ที่มีจำนวนมากได้ หมัดมั่วต่อยอาจารย์ตาย การปะทะที่ไร้กลยุทธ์ของเหล่าหญิงสาวก็ไม่อาจหลบหลีกได้หมด

ครั้งนี้เป็นการปะทะครั้งแรกของนางทั้งชาติก่อนชาตินี้ รู้สึกไม่คุ้นชิน

สาวรับใช้ทั้งสามที่ไม่เคยมีเรื่องมาก่อน อีกทั้งคล่องแคล่วไม่เท่านางยิ่งแย่ บนใบหน้าของอาเถียนมีรอยเล็บข่วน มุมปากของเยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อแตก มีเลือดไหล…

ทางคุณหนูเกิ่งแม้จะไม่เป็นอะไรมากหากดูจากทรงผมและเสื้อผ้า แต่สาวรับใช้ที่ตาแหลมเห็นได้อย่างชัดเจน บาดแผลล้วนอยู่บนตัว…หมัดต่อยด้านบน ขาถีบด้านล่าง เพียงแค่ถูกเฉินตันจูโจมตีโดน ถึงจะดูว่าไม่เป็นอะไร แต่คงต้องเจ็บไปหลายวัน

เหล่าสาวรับใช้ที่ถูกทำร้ายต่างเช็ดน้ำตา เกิ่งเสวี่ยทั้งโกรธทั้งกลัวร้องไห้จนพูดไม่ออก เหล่าคุณหนูคนอื่นต่างถูกสาวรับใช้ของตนเองคุ้มกันไว้อย่างแน่นหนา หญิงสาวที่ขวัญอ่อนร้องไห้เสียงเบา…

เฉินตันจูเลิกปะทะแล้ว แต่คำพูดยังไม่หยุดลง “บุกรุกขึ้นเขาของข้า ไม่ให้เงิน ยังทำร้ายคนอีก!”

ใครทำร้ายใครกัน คนทางนี้โกรธจนกระอักเลือด แต่สถานที่แห่งนี้อยู่นานไม่ได้…

เหล่าคุณหนูถูกดึงออก บ่าวรับใช้อายุมากคนหนึ่งเดินเข้ามา “คุณหนูตันจู ท่านต้องการอันใด”

เฉินตันจูเหลือบมองเขา “ข้าบอกแล้ว ขึ้นเขาต้องจ่ายเงิน”

บ่าวรับใช้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที “เงินเท่าใด”

เฉินตันจูทำท่าทางครุ่นคิด “แต่ก่อนก็ไม่เคยเก็บ…”

เมื่อคนทางนี้ได้ยินก็โกรธจนแทบกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าต้องการหาเรื่องพวกนาง

“ขึ้นเขาหนึ่งครั้งสิบตำลึง” เฉินตันจูคิดจำนวนเงินออกมาได้ในที่สุด

แค่สิบตำลึงทำให้เป็นเรื่องใหญ่เพียงนี้ เมื่อถึงเวลาพวกเขาพูดออกไปยิ่งขายหน้า! บ่าวรับใช้อายุมากกลืนเลือดในลำคอลง ก่อนจะหยิบถุงเงินออกมา “เหล่านี้ไม่ต้องทอนขอรับ”

“เห็นข้าเป็นคนอย่างไร พวกเจ้ารังแกคนอื่น แต่ข้าไม่เคยรังแกคนอื่น พูดคำไหนคำนั้น บอกว่าเท่าใดก็คือเท่านั้น” เฉินตันจูพูด ก่อนจะตะโกนเรียกจู๋หลิน “นับสิบตำลึงออกมา”

จู๋หลินเดินขึ้นหน้าด้วยความเฉยเมยไปรับเงินมา จากนั้นเทออกมาสิบตำลึงก่อนจะส่งเงินคืนไปให้บ่าวรับใช้

บ่าวรับใช้นั้นรับถุงเงินกลับไป ก่อนจะคารวะเฉินตันจู พร้อมทิ้งคำพูดเอาไว้ “วันนี้เป็นเกียรติที่ได้พบ คุณหนูตันจู พวกเราค่อยพบกันครั้งหน้า” ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อ “ไป”

เหล่าสาวรับใช้พยุงเกิ่งเสวี่ยขึ้นรถม้าไป ส่วนคนอื่นต่างมองกันและกัน ก่อนที่จะมีบ่าวรับใช้หยิบสิบตำลึงออกมาส่งให้จู๋หลิน จู๋หลินมือใหญ่แค่ไหนก็รับเอาไว้ไม่หมด เขาจึงยกชายเสื้อขึ้นมาให้คนเหล่านี้โยนลงไป เมื่อมีบ่าวรับใช้ตระกูลหนึ่งให้เงินแล้ว คนในตระกูลต่างขึ้นรถไป ก่อนที่ตระกูลต่อไปจะให้เงิน จากนั้นขึ้นรถจากไป…

บนถนนโกลาหลอย่างมาก คนเคลื่อนรถจูงรถม้า ม่านบนรถถูกปล่อยลง เหล่าคุณหนูต่างขึ้นนั่งรถของตนเองอย่างเงียบสงบ รถม้าขับเคลื่อนจากไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์ของพวกนางมืดมนดุจดั่งวันฝนตก

เหตุใดจึงต้องประสบเรื่องนี้ เหตุใดจึงเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้

มีเพียงเหยาฝูที่นั่งดีใจอยู่บนรถ เดิมทีนางแสร้งทำท่าหวาดกลัว แสร้งร้องไห้ แสร้งกรีดร้องอยู่ในกลุ่มคน เวลานี้นางนั่งอยู่บนรถของตนเองจึงไม่ต้องแสร้งทำอีกต่อไป นางใช้มือปิดปากป้องกันไม่ให้ตนเองส่งเสียงหัวเราะออกมา

คำพูดที่นางเสี่ยงตะโกนออกมาภายในความระอานั้นคุ้มค่าอย่างยิ่ง เฉินตันจูยังคงเป็นเด็กน้อยที่ยโสโอหัง

เดิมทีนางคิดเพียงให้คุณหนูสองคนถกเถียงกัน สร้างความขุ่นเคืองให้กันเท่านั้น เมื่อรอกลับไปนางค่อยผลักดันเรื่องนี้ ไม่คิดว่าเฉินตันจูจะลงมือขึ้นมา ครานี้ไม่ต้องให้นางผลักดัน เรื่องนี้คงแพร่กระจายไปถึงเมืองหลวงได้…ตีคุณหนูตระกูลเกิ่ง เฉินตันจูเจ้าคงไม่ได้เสียชื่อแค่ในสายตาของคนเมืองอู๋ แต่จะเสียชื่อยิ่งกว่าภายในสายตาของตระกูลชนชั้นสูงที่กำลังจะมา

ดูสิว่าเจ้าจะอยู่ได้อีกนานเพียงใด

เมื่อนึกถึงเรื่องมั่วหลินที่หยุดยั้งไม่ให้นางฆ่าเฉินตันจูในเวลานั้น อาจเป็นเพราะเกรงว่าจะก่อให้เกิดความโกลาหลในเมืองอู๋ เพราะเวลานั้นเฉินเลี่ยหู่ยังอยู่ในเมือง ท่านอ๋องอู๋ก็ยังไม่จากไป…ฮ่องเต้และท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กต้องคำนึงถึงภาพรวม

แต่เวลานี้ไม่เหมือนกัน เมืองอู๋กลายเป็นเมืองหลวงที่สงบและมั่นคง ไม่เพียงเมืองอู๋ที่มั่นคง แม้แต่เมืองโจวและเมืองฉีก็มั่นคงแล้ว ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลเรื่องของเหล่าท่านอ๋อง เฉินตันจูก็เป็นเหมือนหนอนเน่าที่ทำให้คนรังเกียจเท่านั้น

เหยาฝูเปิดม่านขึ้นมุมหนึ่งอย่างระมัดระวัง นางมองดูหญิงสาวสภาพอนาถที่ยังคงกำลังนับเงินอยู่…

สร้างปัญหาเสียจริง

เหยาฝูปิดม่านลง สองมือปิดปากหัวเราะขึ้นมา ไม่ต้องเสียแรงแม้แต่น้อย

เฉินตันจูนับเงินเสร็จก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “มากกว่าเงินที่ขายยาได้เสียอีก”

นับแต่โบราณการชิงทรัพย์ก็เป็นวิธีที่ได้เงินเร็วและมากที่สุด จู๋หลินตอบภายในใจ

เฉินตันจูส่งเงินให้อาเถียน ก่อนจะมองไปยังโรงน้ำชาทางนั้น เมื่อนึกถึงการรักษาที่ยังไม่เสร็จสิ้น “แขกท่านนั้นบอกว่าต้องการยาอันใด…”

นางยังพูดไม่ทันจบ ก็พบว่าเหล่าแขกที่ตกตะลึงอยู่ในเดิมทีต่างลุกขึ้นมา เจ้าชนข้าข้าชนเจ้า เดินออกจากโรงน้ำชาอย่างโซซัดโซเซ จูงม้าหามสัมภาระวิ่งหนีไปด้วยความวุ่นวาย โรงน้ำชาว่างเปล่าในชั่วพริบตา

“วิ่งหนีอันใด” เฉินตันจูพูด ก่อนจะหัวเราะ “พวกเจ้าไม่ได้ขึ้นเขา ข้าไม่ตีพวกเจ้าหรอก”

ทางโรงน้ำชายังมีอีกสองคนที่ไม่หนี เวลานี้พวกเขาก็หัวเราะ อีกทั้งยังปรบมือ

“แค่ให้เงิน ขึ้นเขาก็ไม่ถูกตีใช่หรือไม่” หนึ่งในนั้นถามเสียงดัง

เฉินตันจูมองไป เห็นว่าเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่า คิ้วหนาตาโตท่าทางตรงไปตรงมา เขาคือคนที่ยุยงอย่างสนุกสนานคนนั้น จากนั้นสายตาของนางมองไปยังด้านข้างของเขา คนที่ผิวปาก…

คนนี้สวมหมวกขึ้นอีกครั้ง เงาที่สาดลงมาทำให้ใบหน้าของเขาเลือนราง เห็นได้เพียงกรอบหน้าที่ชัดเจน เมื่อเห็นเฉินตันจูมองมา เขาจึงหันหลังไปจูงม้า…จะไปแล้ว

เฉินตันจูก็ไม่เกรงใจ พูดกับชายหนุ่มที่ตรงไปตรงมา “ใช่ จ่ายเงินแล้ว ขึ้นเขาก็ไม่ถูกตี”

ชายหนุ่มนั้นหัวเราะ ยังคิดจะพูดบางอย่างต่อ แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มสวมหมวกขึ้นม้าแล้ว เขาจึงรีบเรียกขานคุณชายก่อนจะตามขึ้นไป

ชายหนุ่มสวมหมวกเร่งม้า ก่อนจะเหลือบมองมาทางเฉินตันจู เงาของชายหนุ่มที่อยู่บนหลังม้าภายใต้แสงอาทิตย์ทำให้เขาดูเลือนรางมากยิ่งขึ้น จากนั้นเขาหัวเราะออกมา เอ่ยว่า “ฝีมือคุณหนูไม่เลว”

เฉินตันจูไม่กลัวที่จะถูกคนบอกว่าร้ายกาจ เรื่องที่นางทำมีเรื่องใดที่ไม่ร้ายกาจ หากนางกลัวก็คงไม่มีตอนนี้แล้ว

นางยิ้ม “คุณชายตาถึง”

นางยอมรับคำชื่นชมอย่างเปิดเผย ชายหนุ่มสวมหมวกหัวเราะร่า แต่ไม่ได้พูดอื่นใดอีก เขาเบนสายตากลับมาสะบัดแส้เร่งม้าจากไป ถึงแม้ชายหนุ่มอีกคนต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่กล้าอยู่ต่อเร่งม้าตามอีกฝ่ายไป

ม้าสองตัวจากไปพร้อมฝุ่นควันที่ตลบอบอวล ก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบ

คนในโรงน้ำชาจากไปจนหมด บนท้องถนนเงียบสงบลงในที่สุด

หญิงชราขายชาตั้งสติได้ในเวลานี้ สีหน้าของนางซับซ้อนอย่างมาก ในที่สุดนางก็เห็นท่าทางดุร้ายของคุณหนูตันจูนี้แล้ว

“ท่านยาย” อาเถียนเห็นสีหน้าของหญิงชราขายชา ก็พูดอย่างน้อยใจ “พวกนางรังแกคุณหนูก่อน พวกนางเที่ยวเล่นบนภูเขาก็แล้ว แต่ยังยึดครองบ่อน้ำ พวกข้าไปตักน้ำ พวกนางก็ขับไล่พวกข้า”

เช่นนี้หรือ ที่แท้สาเหตุก็เป็นเพราะเรื่องนี้ การปะทะที่เกิดบนภูเขา คนที่เชิงเขาไม่มีผู้ใดเห็น ทุกคนเห็นเพียงเฉินตันจูทำร้ายคน เสียเปรียบอย่างมาก หญิงชราขายชาส่ายหัวถอนหายใจ “แต่ก็ต้องพูดดีๆ พูดให้กระจ่าง ทุกคนจะได้ช่วยกัน ลงมือทำร้ายคนได้อย่างไร”

“ท่านยาย” เยี่ยนเอ๋อร้องไห้ขึ้นมา “พูดดีๆ มีผลหรือ ท่านไม่ได้ยินพวกนางด่านายท่านของพวกข้าเช่นนั้นหรือ หากคุณหนูไม่สั่งสอนพวกนางในครั้งนี้ ต่อไปคงมีคนจำนวนมากขึ้นมาด่าคุณหนู”

อาเถียนก็ร้องไห้ตาม “คุณหนูไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่พวกนางรังแกคน”

เมื่อเห็นหญิงสาวผมเผ้ายุ่งเหยิงเสื้อผ้าหลุดรุ่ย บนใบหน้ายังมีบาดแผล อีกทั้งยังร้องไห้โฮเช่นนี้ หญิงชราขายชาก็ทนไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไร นางก็ไม่รู้จักหญิงสาวเหล่านั้น แต่หญิงสาวหลายคนนี้นางรู้จักมานาน…

“อย่าร้อง อย่าร้อง” นางรีบห้าม “ได้รับความไม่เป็นธรรมก็ต้องคิดหาวิธีอื่น ไม่จำเป็นต้องตีกัน เจ้าดูหน้า…”

นางพูดพลางเรียกคุณหนูตันจู รีบหยิบยามาทาเถิด

เฉินตันจูยืนครุ่นคิดอยู่ด้านข้าง “ท่านยายพูดถูก”

ถูก? อะไรถูก ได้รับบาดเจ็บต้องทายาหรือ หญิงชราขายชาผงะ ก่อนจะเห็นว่าเฉินตันจูเรียกขานจู๋หลิน

จะทำอันใด ภายในใจของจู๋หลินมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดียิ่งขึ้น

เฉินตันจูพูด “ได้รับความไม่เป็นธรรมไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ด้วยการทำร้ายคน เตรียมรถม้า ข้าจะไปฟ้องที่ว่าการ!”

ไม่อาจแก้ไขปัญหาได้ด้วยการทำร้ายคนไม่ผิดก็จริง จู๋หลินคิดในใจ แต่ท่านทำร้ายคนไปแล้ว ไปฟ้องที่ว่าการอีกจะเป็นการสายไปหรือไม่

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท