บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 108 ฟ้อง

ตอนที่ 108 ฟ้อง

เมืองหลวง ในเวลานี้ต้องเรียกว่าเมืองจางจิง หลังจากเปลี่ยนชื่อใหม่แล้ว ทุกสิ่งดูเหมือนจบสิ้นลง หลี่จวิ้นโส่วนั่งรถม้าเดินทางไปยังจวิ้นโส่วฝู่ ตลอดทางล้วนเป็นถนนที่คุ้นเคย ราวกับไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย มีเพียงเวลาที่ได้ยินภาษาอื่นนอกจากภาษาอู๋ที่นับวันยิ่งมากขึ้นเขาถึงรับรู้ได้ เพียงแต่นอกจากสำเนียงแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองก็เริ่มแยกไม่ออกว่าเป็นคนต่างถิ่นหรือคนพื้นที่ คนที่เดินทางมาใหม่หลอมรวมเป็นส่วนหนึ่งไปแล้ว สาเหตุการหลอมรวมส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะการตั้งถิ่นฐาน

เมืองใหม่ยังคงก่อสร้าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่รอคอยการตั้งถิ่นฐานในเมืองใหม่ คนจำนวนมากที่อพยพมาจากเมืองซีจิงล้วนมีที่พักในเมือง หลี่จวิ้นโส่วมองดูข้างทาง เวลานี้เขากำลังจะเดินทางถึงจวิ้นโส่วฝู่ ทางนี้ใกล้พระราชวัง เป็นสถานที่รวมตัวของชนชั้นสูง บริเวณนี้มีจวนสามแห่งที่เปลี่ยนป้ายชื่อไป

นอกจากตระกูลเฉาก่อนหน้านี้ มีอีกสองตระกูลที่เกี่ยวข้องกับการถกเถียงเรื่องราชสำนัก เขียนบทกลอนจดหมายที่ระลึกถึงท่านอ๋องอู๋ ไม่เคารพต่อฮ่องเต้ ถูกยึดจวนขับไล่ออกจากเมืองไปทั้งตระกูล

จวนของพวกเขาจึงตกเป็นของหลวง จากนั้นถูกขายต่อให้กับตระกูลชนชั้นสูงที่อพยพมาจากเมืองซีจิงอย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้ไม่มีวันสิ้นสุด อีกทั้งยังคงดำเนินต่อไป หลี่จวิ้นโส่วรู้ว่ามีข้อสงสัย คนอื่นก็รู้เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าต้องหยุดยั้งอย่างใด เพราะคดีเช่นนี้ ขุนนางที่ทำคดีเช่นนี้ ในมือล้วนถือคำพูดของฮ่องเต้ ไม่ชอบเมืองใหม่ก็ไปเถิด

ผู้ใดกล้าตำหนิฮ่องเต้ หากมีผู้ใดกล้าก็คงต้องถูกขับไล่ไปพร้อมกัน

น้ำขึ้นปลากินมด น้ำลดมดกินปลา ถึงแม้ประโยคนี้ไม่เหมาะสมที่จะใช้ในสถานการณ์นี้ แต่เหตุผลนี้ก็คือเหตุผลนี้ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หลังจากที่ราชวงศ์ต้าเซี่ยตั้งขึ้น มีชนชั้นสูงเกิดใหม่มากขึ้นเท่าใด ก็มีชนชั้นสูงล่มสลายไปมากเท่านั้น ถึงแม้เมืองอู๋จะเป็นเพียงเมืองของท่านอ๋อง แต่ผู้ใดใช้ให้เหล่าท่านอ๋องยโสโอหัง ไม่เห็นราชสำนักอยู่ในสายตามานานเพียงนี้ ฮ่องเต้เกลียดแค้นเหล่าท่านอ๋องมากเพียงใด เขาในฐานะขุนนางของท่านอ๋องย่อมรู้ดี

ความเกลียดแค้นเหล่านี้ทำให้ฮ่องเต้นำมาลงต่อราษฎรภายในเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลี่จวิ้นโส่วถอนหายใจ ก่อนจะวางม่านรถลง ไม่ดูเสียดีกว่า เวลานี้จวิ้นโส่วฝู่มีคดีจำนวนมากที่เขาไม่ดูเองแล้ว คดีประเภทนี้ย่อมมีคนจำนวนมากแย่งกันทำ…มันคือโอกาสที่ดีที่จะสานสัมพันธ์ สร้างคุณงามความดี

เวลานี้หลี่จวิ้นโส่วนั่งอ่านเอกสารอยู่ในจวิ้นโส่วฝู่ นอกจากคดีที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งของฮ่องเต้ คดีอื่นเขาล้วนไม่ออกหน้า เมื่อเดินทางเข้ามาในจวิ้นโส่วฝู่ก็กลับเข้าห้องของตนเอง เวลาว่างก็ดื่มชา แต่ครั้งนี้เมื่อน้ำต้มเดือดแล้ว มีขุนนางชั้นผู้น้อยหลายคนเดินเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาด “ใต้เท้า มีคนมาฟ้องที่ว่าการอำเภอ”

หลี่จวิ้นโส่วมองน้ำเดือดในกา ก่อนจะถามอย่างไม่ใส่ใจ “เรื่องใด”

“บอกว่าถูกคนทำร้าย” ขุนนางคนหนึ่งพูด

หลี่จวิ้นโส่วหัวเราะ “ถูกคนทำร้ายต้องตัดสินอย่างใด พวกเจ้ายังต้องมาถามข้า” ภายในใจก่นด่า ไร้ประโยชน์เสียจริง ถูกคนตีก็ตีกลับไป มาฟ้องอันใดที่ว่าการอำเภอ แต่ก่อนเวลาที่ไม่มีเรื่องทำ ฟ้องที่ว่าการอำเภอก็แล้วไป ไม่ดูว่าบัดนี้เป็นเวลาใด

เหล่าขุนนางชั้นผู้น้อยต่างสบตาก่อน ยิ้มขมขื่น “เพราะคนที่มาฟ้องที่ว่าการอำเภอคือคุณหนูตันจูขอรับ”

หลี่จวิ้นโส่วเกือบจะโยนกาน้ำที่หิ้วขึ้นมาออกไป “นางถูกคนลวนลามอีกแล้วหรือ”

หลี่จวิ้นโส่วครุ่นคิดอย่างละเอียด ก่อนจะตัดสินใจมาพบเฉินตันจู เดิมทีบอกว่านอกจากคดีที่ฮ่องเต้ถามแล้ว อันที่จริงยังมีเฉินตันจูอีกคน เวลานี้ไม่มีท่านอ๋องอู๋แล้ว ขุนนางอู๋ต่างก็จากไป คนในตระกูลของนางก็ไปแล้ว เฉินตันจูยังกล้ามาฟ้องที่ว่าการอำเภอ

หลี่จวิ้นโส่วเดินมาถึงหน้าโถง มองดูเฉินตันจูที่นั่งอยู่ ทันใดนั้นเหมือนเวลาย้อนกลับไปเมื่อปีก่อน สภาพนางอนาถเสียยิ่งกว่าปีก่อน ครานี้ผมเผ้าเสื้อผ้าหลุดรุ่ย สาวรับใช้ข้างตัวจากหนึ่งกลายเป็นสาม แต่ทั้งสามอนาถมากกว่า…

เฉินตันจูกำลังทายาที่มุมปากให้สาวรับใช้คนหนึ่ง

ถูกคนทำร้ายจริงหรือ

แต่ว่าเฉินตันจูถูกคนทำร้ายก็ไม่แปลก หลี่จวิ้นโส่วปรากฏความคิดแปลกประหลาดขึ้นในใจ…ควรจะถูกตีนานแล้ว

“ใต้เท้า” เฉินตันจูเรียกขาน ก่อนจะทายาที่มุมปากให้เยี่ยเอ๋อ จากนั้นมองไปยังหลี่จวิ้นโส่ว ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา “ข้าจะฟ้องที่ว่าการอำเภอ”

น้ำตาของเฉินตันจูเชื่อไม่ได้…หลี่จวิ้นโส่วรีบห้ามนาง “ไม่ต้องร้อง ท่านบอกมาว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”

เปิดร้านยาขายยาปลอมถูกคนตี หรือว่าขวางทางชิงทรัพย์ถูกคนตี หรือว่าถูกราษฎรอู๋ที่ต้องจากบ้านเกิดไปแก้แค้น..จึ๊ๆ ดูท่าทางเฉินตันจูมีโอกาสถูกทำร้ายอย่างมาก

“คุณหนูที่แซ่เกิ่ง” เฉินตันจูพูด “วันนี้พวกนางไปเที่ยวเล่นบนภูเขาของข้า ยโสโอหัง ยึดครองภูเขาแหล่งน้ำ ด่าท่านพ่อของข้า ยังทำร้ายข้า…” หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้

เอ๊ะ เรื่องปากเสียงระหว่างเหล่าคุณหนู? นางเสียเปรียบ? น้ำตานี้เป็นของจริง หลี่จวิ้นโส่วมองนางด้วยความสงสัย…

“ใต้เท้า” เฉินตันจูวางผ้าเช็ดหน้าลง ถลึงตามองเขา “ท่านกำลังหัวเราะหรือ”

เขาหัวเราะหรือ หลี่จวิ้นโส่วทำหน้าเคร่งขรึม “เรื่องทำร้ายร่างกายกลางวันแสกๆ เช่นนี้ ข้าจะหัวเราะได้อย่างใด คุณหนูตันจู ในเมื่อล้วนเป็นหญิงสาว พวกท่านเคยเจรจากันหรือไม่”

“ข้าไม่เจรจา” เฉินตันจูเลิกคิ้วเรียว “ข้าจะฟ้องที่ว่าการอำเภอ ไม่เพียงนางคนเดียว พวกนางมีคนมากเพียงนั้น…”

พูดพลางปิดหน้าร้องไห้ ก่อนจะยื่นนิ้วชี้ไปยังจู๋หลินและคนอื่นที่ยืนอยู่

“ข้ามีองครักษ์ที่ท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็กมอบให้ พวกเขาก็ถูกทำร้าย เรื่องนี้ไม่ใช่ทำร้ายแค่ข้า แต่ยังทำลายหน้าของท่านแม่ทัพ ทำลายหน้าของท่านแม่ทัพก็คือทำลายหน้าของฝ่าบาท…”

“พอแล้ว! คุณหนูตันจู ท่านไม่ต้องพูดแล้ว” หลี่จวิ้นโส่วรีบหยุดเอาไว้ “ข้าเข้าใจแล้ว”

สายตาของเขาตกอยู่บนตัวขององครักษ์เหล่านี้ สีหน้าหนักใจ เขารู้ว่าข้างตัวของเฉินตันจูมีองครักษ์ เล่าลือว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นผู้มอบให้ ข่าวนี้แพร่ออกมาจากทหารยามที่เฝ้าประตูเมือง ดังนั้นเฉินตันจูไม่ต้องรับการตรวจเมื่อผ่านประตูเมือง…

เวลานี้เฉินตันจูพูดออกมาเอง ท่าทางจะเป็นเรื่องจริง

เห็นแก่หน้าของท่านแม่ทัพหน้ากากเหล็ก…

“คนที่ทำร้ายท่านแซ่เกิ่ง? รู้หรือไม่ว่าตระกูลใด” หลี่จวิ้นโส่วถาม เมืองหลวงกว้างใหญ่เพียงนี้ อีกทั้งมีคนจำนวนมาก คนแซ่เกิ่งมีมากโข

เฉินตันจูเรียกขานจู๋หลิน “พวกเจ้าสืบได้หรือไม่”

จู๋หลินรู้ความหมายของนาง หลุบตาต่ำพูด “ตระกูลเกิ่งแห่งเมืองซีจิงที่พักอยู่ทางตะวันออกของเมืองในตรอกหลิวเย่”

หลี่จวิ้นโส่วคิ้วกระตุก เขาย่อมรู้จักตระกูลเกิ่งนี้ พวกเขาเป็นผู้ที่ซื้อจวนของตระกูลเฉาไป…ถึงแม้เรื่องของตระกูลเฉา ตระกูลเกิ่งไม่เกี่ยวข้องตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าลับหลังมีการกระทำอันใด

ตระกูลเกิ่งนี้แตกต่างจากตระกูลธรรมดา เขามองเฉินตันจูอีกครั้ง คนเช่นนี้ทำร้ายเฉินตันจูก็ไม่น่าแปลกใจ เฉินตันจูเจอตอแข็งเข้าแล้ว ในเมื่อต่างคนต่างเป็นตอแข็ง เช่นนั้นก็ให้พวกเขาปะทะกันเองเถิด

หลี่จวิ้นโส่วกระแอมไอหนึ่งที “ถึงแม้เป็นเรื่องเล็กระหว่างหญิงสาว…” เมื่อพูดถึงนี้ เขาก็พบว่าเฉินตันจูถลึงตาใส่อีกครั้ง ก่อนจะรีบพูดเสียงดัง “แต่การทำร้ายคนเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ผู้ใดก็ได้เข้ามา”

เขาตะโกน ขุนนางชั้นผู้น้อยเดินเข้าไป

“พวกเจ้าไปซักถามตระกูลเกิ่งว่าเกิดเรื่องใดขึ้น”

ขุนนางชั้นผู้น้อยเหล่านั้นตอบรับ ในขณะที่กำลังจะจากไป เฉินตันจูก็เรียกพวกเขาเอาไว้

“ตอนนั้นมีคนอยู่ในเหตุการณ์จำนวนมาก” นางบีบผ้าเช็ดผ้าซับหางตาแผ่วเบา พูด “หากตระกูลเกิ่งไม่ยอมรับ คนเหล่านั้นเป็นพยานได้…จู๋หลิน เขียนรายชื่อให้พวกเขา”

ได้ เมื่อเจ้าเป็นผู้ถูกทำร้ายเจ้าอยากทำอันใดก็ทำ หลี่จวิ้นโส่วโบกมือให้เหล่าขุนนางชั้นผู้น้อย เหล่าขุนนางมองไปยังจู๋หลิน

จู๋หลินทำอย่างใดได้ นอกจากชื่อของคนที่เขียนไม่ได้และไม่กล้าเขียนแล้ว คนอื่นเขาก็เขียนลงไปหมด

ตอนที่ขุนนางของจวิ้นโส่วฝู่นำทหารมาถึงนั้น ภายในจวนตระกูลเกิ่งก็กำลังโกลาหล

ตอนที่เกิ่งเสวี่ยเข้าประตูมา เหล่าสาวรับใช้ร้องไห้ดุจดั่งมีคนตาย ก่อนจะพบเห็น เกิ่งเสวี่ยที่ถูกยกลงมาด้วยท่าทางเหมือนตายแล้วจริงๆ…มารดาของเกิ่งเสวี่ยเข่าอ่อนในทันที โชคดีที่เกิ่งเสวี่ยฟื้นขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากกลับมาถึงจวน นางอยากเป็นลมก็เป็นลมไปไม่ได้ ร่างกายของนางถูกทำร้ายจนเจ็บปวดอย่างมาก

เหล่าไต้ฟูถูกเชิญมาอย่างวุ่นวาย เหล่าท่านอาท่านป้าก็เดินทางมาอย่างตื่นตระหนก…เวลานี้พวกเขาซื้อจวนของตระกูลเฉาได้เพียงแห่งเดียว ดังนั้นพี่น้องจึงต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน รอครั้งหน้าหาโอกาสซื้อจวนใหม่

เหล่าสาวรับใช้และเหล่าบ่าวรับใช้ต่างเล่าเหตุการณ์ เกิ่งเสวี่ยชี้นามด่าทอ ทุกคนต่างกระจ่างถึงเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

คนในตระกูลเกิ่งต่างคุ้นเคยชื่อของเฉินตันจู เหตุใดจึงพบกับหญิงร้ายคนนี้เข้า อีกทั้งยังปะทะกัน

เรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญ หรือว่าเป็นแผนการ เหล่านายท่านของตระกูลเกิ่งต่างมีความคิดนี้ปรากฏขึ้น ในเวลานั้นไม่สนใจคำพูดของเกิ่งเสวี่ยที่เรียกคนให้ไปจัดการกับเฉินตันจู

ชีวิตคนดุจดั่งกระดานหมาก เกิ่งซินแสที่เชี่ยวชาญด้านการลงหมากมีความรอบคอบในทุกเรื่อง ในขณะที่กำลังจะเรียกเหล่าพี่น้องไปหารือเรื่องนี้ในห้องตำรา ก่อนจะให้คนออกไปสืบเรื่องนี้ จากนั้นค่อยตัดสินใจ…

แต่แผนการเพิ่งเริ่มต้น ก็มีบ่าวรับใช้มารายงานว่ามีขุนนางเดินทางมา เฉินตันจูฟ้องตระกูลของพวกเขา จวิ้นโส่วเชิญพวกเขาเดินทางไป…

เกิ่งซินแสโกรธขึ้นมาในทันที ผู้ร้ายฟ้องก่อน เขาไม่สนใจแผนการอันใดทั้งสิ้น ทำร้ายคนอย่างบังอาจเพียงนี้ เขาไม่อาจทนได้ เฉินตันจูเป็นผู้ชั่วร้ายแล้วอย่างใด หงส์ที่ไร้ขนก็ยังสู้ไก่ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเฉินตันจูไม่ใช่หงส์! นางเป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางท่านอ๋อง เมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลใหญ่อย่างพวกเขา นางก็เป็นได้แค่นกกระจอกเท่านั้น!

“เข้ามา” เกิ่งซินแสตะโกนเรียก “ใช้เสลี่ยงยกคุณหนู พวกเราก็จะไปฟ้องที่ว่าการอำเภอ”

เมื่อเห็นคุณหนูตระกูลเกิ่งถูกยกเข้ามาด้วยเสลี่ยงเล็ก สีหน้าของหลี่จวิ้นโส่วตกตะลึงอย่างช้าๆ

คุณหนูเกิ่งหวีผม เช็ดหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ บนใบหน้าสะอาดสะอ้านไร้บาดแผล แต่นายหญิงเกิ่งเลิกแขนเสื้อของบุตรสาวขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำบนขาและแขน ใครทำร้ายใคร ใครถูกทำร้าย คนโง่ยังรู้

ก็ยังคงเป็นคำพูดนั้น คนชั่วฟ้องก่อน

หลี่จวิ้นโส่วมองดูเฉินตันจูที่ผมเผ้ากระเจิงแต่มีใบหน้าเรียบเฉย…

ถูกนางหลอกอีกแล้ว น้ำตาของเฉินตันจูเชื่อไม่ได้!

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท