บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 112 รับฟัง

ตอนที่ 112 รับฟัง

ฮ่องเต้พบกับจู๋หลินถึงได้รู้ว่าองครักษ์หลวงทั้งสิบคนถูกแม่ทัพหน้ากากเหล็กทิ้งไว้ให้เฉินตันจู

“เขาใจกว้างเสียจริง” ฮ่องเต้พูด “คนที่ข้าให้เขามอบให้คนอื่นได้อย่างง่ายดาย”

จู๋หลินไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาทำเพียงแค่คุ้มครอง ปฏิบัติตามคำสั่ง ฝ่าบาทให้พวกเขาไปคุ้มครองแม่ทัพหน้ากากเหล็ก พวกเขาก็ไปคุ้มครองแม่ทัพหน้ากากเหล็กและเฉินตันจู

เพียงแค่คุ้มครอง ไม่ทำเรื่องอื่น

ฮ่องเต้หัวเราะ “ไม่ทำเรื่องอื่น ไม่ทำเรื่องอื่นเพียงแค่นางเปิดปากก็มาหาข้าถึงที่นี่?”

ไร้ตำแหน่งไร้ยศ บิดายังเป็นขุนนางของท่านอ๋องที่ไม่เคารพฮ่องเต้ แม่นางเช่นนี้จะเข้าเฝ้าฮ่องเต้อย่างง่ายดายได้อย่างไร

แม่ทัพหน้ากากเหล็กให้องครักษ์คุ้มครองเฉินตันจูที่ใดกัน ให้เขาคุ้มครองเห็นได้ชัด!

ฮ่องเต้มององครักษ์ที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหน้า เอื้อมมือกุมขมับ “พูดเถิด เกิดเรื่องใดขึ้น”

จู๋หลินเล่าความเป็นมาตั้งแต่คุณหนูเหล่านั้นขึ้นมาเที่ยวเล่นบนภูเขา ไม่ให้สาวรับใช้ของเฉินตันจูตักน้ำอย่างไรเฉินตันจูลงไปดักเอาเงินจากคุณหนูเหล่านั้นอย่างไร พูดถึงเฉินเลี่ยหู่อย่างไร จากนั้นก็ทะเลาะกัน…เฉินตันจูลงมือก่อน

หลังจากฮ่องเต้ฟังจบสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง เรื่องนี้เป็นเรื่องทะเลาะกันของเด็ก เรื่องแบบนี้ต้องให้เขาออกหน้า คิดนางว่าตัวสำคัญขนาดไหน?

เฉินตันจูไม่เห็นฮ่องเต้อยู่ในสายตาใช่หรือไม่

สีหน้าของฮ่องเต้ไม่ดีนัก บรรยากาศภายในห้องยิ่งเงียบสงัด จู๋หลินไม่พูดอันใด เรื่องเหล่านี้เขาเดาได้ตั้งแต่ก่อนมา…แต่ไม่ว่าอย่างไร ฮ่องเต้ไม่มีทางเอาชีวิตของคุณหนูตันจู แต่จะลงโทษอย่างไร เขาคงต้องถามท่านแม่ทัพก่อน ฮ่องเต้ไม่พูด ภายในห้องเงียบสงัด เสียงกระซิบกระซาบของเหล่าขันทีด้านนอกประตูจึงชัดเจนอย่างมาก

“ทำอันใด!” ฮ่องเต้ตะโกนด้วยความโกรธ “มีเรื่องใดเข้ามาพูด!”

ขันทีด้านนอกประตูรีบก้มลงทันที ยังมีอีกคนที่รู้นิสัยของฮ่องเต้เดินเข้ามาทูลอย่างใจกล้า บอกว่ามีตระกูลชั้นสูงขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท

ฮ่องเต้ได้ฟังก็รู้ทันที เขาเหลือบมองจู๋หลิน…ตระกูลที่ถูกคุณหนูตันจูทำร้ายใช่หรือไม่

คนอื่นก็ฟ้องเป็นเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่มีองครักษ์หลวงอย่างจู๋หลินที่เดินทางมาหาเขาโดยตรง

“บอกว่ามีเรื่องเข้าใจผิดกับคุณหนูตันจู ได้ยินว่าคุณหนูตันจูจะเข้าทูลฝ่าบาท พวกเขาต้องการอธิบาย เพื่อไม่ให้ฝ่าบาทเข้าใจผิด” ขันทีนั้นพูดต่อ

ตอนที่ท่านอ๋องอู๋ยังอยู่ เฉินตันจูก็ก่อปัญหาให้ท่านอ๋องอู๋และขุนนางอู๋ บัดนี้ท่านอ๋องอู๋และขุนนางอู๋ไม่อยู่แล้ว นางก็มาก่อปัญหาให้เขา เขาต้องสั่งสอนนางเสียหน่อย…เรื่องที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ นางกล้าดีอย่างไรไปฟ้องคนอื่น อีกทั้งยังต้องการให้ฮ่องเต้ช่วยตัดสิน นางคิดว่าฮ่องเต้อย่างเขาเป็นคนโง่เหมือนท่านอ๋องอู๋หรือ?

“ไป” ฮ่องเต้พูด “ให้จวิ้นโส่วนำคนเข้ามา ข้าตัดสินคดีแทนเขาเอง”

ฮ่องเต้คาดโทษจวิ้นโส่วไปด้วย เจ้าทำอันใดคนเหล่านี้ไม่ได้ก็ให้คนเหล่านี้มารบกวนข้า เอาเจ้าไว้ทำอันใด! ขันทีรับพระราชโองการเดินออกไปด้วยสีหน้าดำทะมึน

ฮ่องเต้ออกพระราชโองการเร็วเพียงนี้ ทำให้เหล่าผู้คนที่รออยู่ในจวิ้นโส่วฝู่ตกตะลึงอย่างมาก เดิมทีคิดว่าเร็วสุดก็ต้องพรุ่งนี้ ทุกคนเตรียมกลับบ้านไปรอคอย

“ฝ่าบาทห่วงใยพวกเรา” นายท่านเกิ่งพูดกับคนอื่น

เพิ่งอพยพเมืองหลวงใหม่ก็พบตระกูลชั้นสูงสี่ห้าตระกูลขอเข้าเฝ้าฮ่องเต้พร้อมกัน ฮ่องเต้ไม่ให้ความสำคัญไม่ได้

เฉินตันจูหัวเราะอยู่ด้านข้าง “คิดอันใดกัน เห็นได้ชัดว่าพวกท่านทำให้ฝ่าบาทโกรธ ฝ่าบาทต้องการให้พวกท่านรู้หนักเบาบัดนี้” พูดจบพลางลุกเดินออกไปด้านนอก “อาเถียน เตรียมรถ พวกเราเข้าวังโดยเร็ว ปล่อยให้ฝ่าบาทรอไม่ได้”

อาเถียนตอบรับเสียงดัง ก่อนจะนำเยี่ยนเอ๋อและชุ่ยเอ๋อเปิดทางเดินออกไปด้านนอก

นายท่านเกิ่งและคนอื่นทั้งโกรธทั้งตลก ผู้ใดทำให้ฝ่าบาทโกรธยังไม่ชัดเจนหรือผู้ใดก่อเรื่องไม่รู้หรือ

“พวกเรารีบไป” พวกเขาพูดอย่างพร้อมเพรียง เดินออกไปด้านนอกพร้อมกัน

หลี่จวิ้นโส่วเดินตามออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขุนนางอีกสองคนทั้งกังวลทั้งเห็นใจ

“ใต้เท้า ฝ่าบาทโกรธแล้ว”

สงสารที่หลี่จวิ้นโส่วก็ต้องรับความเดือดร้อน ใครใช้ให้ราษฎรอู๋มีเฉินตันจู โชคร้ายเสียจริง

แตกต่างจากความคิดของผู้อื่น เกิ่งเสวี่ยที่นอนอยู่บนเสลี่ยงที่ถูกสาวรับใช้ยกขึ้นมารู้สึกเศร้าโศก…ไม่คิดว่าครั้งแรกที่เข้าเฝ้าฮ่องเต้จะมีสภาพเช่นนี้

นางอดร้องไห้ไม่ได้ “ให้ข้ากลับไปเปลี่ยนชุด!”

เมื่อราษฎรที่รายล้อมอยู่ด้านนอกจวิ้นโส่วฝู่เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจึงต่างพากันถาม

ด้านนอกมีคนจำนวนมากเพียงนี้ทำให้นายท่านเกิ่ง และคนอื่นต่างตกใจ เวลาผ่านไปเพียงชั่วครู่ ข่าวก็กระจายไปทั้งเมืองแล้ว?

ไม่ว่าอย่างไรครานี้ต้องมีผล มิฉะนั้นอับอายอย่างมาก มีคนรู้สึกเป็นกังวลภายในใจ รู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติอย่างบอกไม่ถูก…

แต่เมื่อเรื่องถึงบัดนี้ก็ทำได้เพียงเดินหน้าต่อไป พวกเขาไม่สนใจราษฎรที่รายล้อม ไม่ว่าหญิงชายต่างขึ้นรถของตนเองอย่างรวดเร็ว จากนั้นย่อมมีทหารของที่ว่าการเปิดทางให้

ราษฎรที่รายล้อมไม่ได้รับคำตอบ แต่เห็นว่ามีขันทีเข้าออก จากนั้นเห็นว่ารถม้าต่างเคลื่อนไปยังพระราชวัง ทันใดนั้นแตกตื่น

‘เข้าเฝ้าฝ่าบาทหรือ’

‘คดีนี้ฝ่าบาทจะซักถาม?’

เป็นเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

แต่ก็มีคนทำสีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองคนที่ไม่เคยเห็นเหตุการณ์ใหญ่มาก่อน

‘อีกฝ่ายเป็นผู้ใด นางคือเฉินตันจู’

‘มีครั้งไหนที่เฉินตันจูไม่ก่อเรื่องใหญ่’

‘ตอนที่นางฟ้องคุณชายรองหยาง ฝ่าบาทก็เป็นคนซักถาม’

‘จะว่าไป คุณชายรองตระกูลหยางถูกปล่อยออกมาหรือยัง’

หัวข้อสนทนาคึกคักอย่างมาก ฝูงชนพลางหลั่งไหลไปทางพระราชวังตามรถม้า พลางพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเฉินตันจู ชื่อของเฉินตันจูถูกพูดถึงอีกครั้งหลังจากผ่านไปหลายเดือน

คุณชายเหวินที่เบียดตัวอยู่ในฝูงชนรู้สึกพึงพอใจแต่ก็รู้สึกกังวล เขาพึงพอใจที่ชื่อเสียของเฉินตันจูกระจายไปอีกครั้ง แต่เขาก็กังวลไม่รู้ว่าผลของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร

“คุณชาย ท่านอย่ากังวลมาก” ผู้ติดตามรู้สึกว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องกังวล “เฉินตันจูนั้นทำร้ายคน อีกทั้งคนที่ถูกทำร้ายก็ไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับความได้เปรียบเสียเปรียบทางอำนาจอย่างหยางจิ้ง เหม่ยเหรินหรือขุนนางอู๋ของท่านอ๋องอู๋ หากแต่เป็นแค่คุณหนูเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องทะเลาะเล็กน้อย นางทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อันใด! พูดอย่างไรนางล้วนไร้เหตุไร้ผล! ฮ่องเต้ก็ไม่อาจไม่มีเหตุผลได้”

ก็จริง คุณชายเหวินวางใจ ก่อนจะพูด “ไป ไปดูว่าเฉินตันจูจะเป็นอย่างไร”

หลังจากเข้าพระราชวังมาแล้ว ความคึกคักทุกสิ่งล้วนถูกตัดขาด

สีหน้าของทั้งสองฝั่งล้วนเคร่งขรึม ไม่มีสาวรับใช้องครักษ์อีก หลังจากเดินเข้าตำหนักใหญ่ยืนอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ทางด้านเฉินตันจูมีเพียงองครักษ์จู๋หลิน ส่วนฝั่งนายท่านเกิ่งมีเพียงบิดามารดาและบุตรสาว บรรยากาศภายในตำหนักน่าเกรงขาม อีกทั้งพวกเขาก็ไม่อาจพูดได้ตามใจ ดังนั้นหลี่จวิ้นโส่วจึงเป็นผู้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมด

หลังจากฮ่องเต้ฟังจบ สายตากวาดมองไปบนตัวของคนทั้งสองฝ่าย หลังจากเงียบจนทำให้คนอึดอัดไปสักพักจึงพูดขึ้น “เป็นเช่นนี้หรือ เฉินตันจู เจ้าลงมือก่อนอีกทั้งยังฟ้องร้อง”

เฉินตันจูก้มหน้าตอบรับ จากนั้นเริ่มสะอื้น “ฝ่าบาท…”

ฮ่องเต้หัวเราะในใจ ดู เห็นเขาเป็นท่านอ๋องอู๋ที่เห็นหญิงงามก็ไร้สติเสียแล้ว

“เจ้าร้องอันใด เจ้าทำร้ายคน เจ้ายังร้องไห้อันใด” เขาตะโกน

เสียงร้องไห้เฉินตันจูหยุดลงทันที

สมควรแล้วเกิ่งเสวี่ย

“ทูลฝ่าบาท” เฉินตันจูหยุดร้อง พูด “ข้าร้องไห้เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม”

นางยังกล้าตอบอีก ฮ่องเต้ส่งเสียงไม่พอใจภายในใจ มองไปยังเกิ่งเสวี่ย

“เจ้าทำร้ายคนยังไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นนั้นเหล่าคุณหนูที่ถูกเจ้าทำร้ายยิ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมมากกว่าอีก”

เหล่าคุณหนูที่อยู่ในตำหนักต่างสัมผัสได้ถึงสายตาของฮ่องเต้ พวกนางทั้งตื่นเต้นทั้งดีใจทั้งตระหนก ฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่นนั้นเวลานี้พวกนางต้องร้องไห้หรือไม่

ยังไม่รอพวกนางมีการกระทำ เสียงของเฉินตันจูก็แทรกขึ้น

“ฝ่าบาท ทำร้ายคนก็ใช่ว่าจะได้รับความเป็นธรรมเสมอไป หากได้รับความเป็นธรรมข้าก็คงไม่ทำร้ายคน” นางร้องไห้เสียงสะอื้น “ครานี้ข้าไม่ลงมือ ครั้งหน้าข้าต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ อีกทั้งยังต้องถูกกระทำจนไร้ที่ยืน เพราะว่าพวกเขาไม่ยอมรับว่าภูเขานั้นเป็นของข้า”

เวลานี้เกิ่งเสวี่ยเดินขึ้นหน้า “ฝ่าบาท พวกข้าเพิ่งเดินทางมาถึงเมืองจางจิง บุตรสาวยิ่งไม่ได้ออกนอกจวนบ่อยครั้งนัก ไม่รู้จริงๆ ว่าภูเขานี้เป็นของคุณหนูตันจู”

ฮ่องเต้พยักหน้า “ไม่รู้ไม่ผิด เฉินตันจูคนอื่นเพียงแค่ถาม เจ้าพูดดีๆ ก็ได้ร้องไห้ทำไมกัน!”

ฝ่าบาทไม่ชอบเห็นแม่นางร้องไห้ คุณหนูคนอื่นต่างดีใจที่ตนเองไม่ได้ร้องไห้

เฉินตันจูหยุดร้อง เงยหน้าขึ้น บนใบหน้าสวยไม่มีน้ำตาแม้แต่น้อย

“ฝ่าบาท ข้าพูดดีๆ ก็ไร้ประโยชน์ พวกเขาต่างไม่เชื่อยังขอดูพระราชโองการจากข้า” เขาหัวเราะเยาะ

“ไม่คิดว่าท่านอ๋องอู๋ไม่อยู่แล้ว ทุกสิ่งที่เคยมีในเมืองอู๋ก็หายไปด้วย คนและเรื่องของท่านอ๋องอู๋ก็ไม่นับ ได้ยินว่าเวลานี้แค่ระลึกถึงท่านอ๋องอู๋ บอกว่าตอนนั้นท่านอ๋องอู๋เป็นอย่างไรก็ยังเป็นโทษ ภูเขาที่ท่านอ๋องอู๋มอบให้นี้ถึงจะได้พระราชโองการมา เกรงว่าก็คงนำมาแต่ความหายนะ บางทีอาจถูกคาดโทษแย่งชิงภูเขาของข้า ขับไล่คนของข้า”

ฟังจนประโยคสุดท้าย หลี่จวิ้นโส่วและจู๋หลินที่ยืนอยู่ด้านข้างเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง

หลี่จวิ้นโส่วมีความคิดหนึ่งปรากฏขึ้น ความคิดนี้เกิดคาดหมาย แม้แต่เขายังไม่กล้าคิดมาทำได้เพียงมองเฉินตันจูอย่างเหลือเชื่อ

ส่วนจู๋หลินหลังจากที่ตะลึง ก็เป็นความกระจ่าง

เขากระจ่างแล้ว รู้แล้ว เข้าใจแล้ว

ที่แท้สายตาที่เฉินตันจูมองอยู่ด้านนอกตระกูลเฉานั้นไม่เคยเก็บกลับมาแม้แต่ครั้งเดียว นางจ้องมองมาจนถึงวันนี้

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท