เหยาฝูคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยจิตใจที่ทั้งเย็นวาบทั้งร้อนรน
เย็นวาบเพราะเรื่องนี้ล้มเหลวอีกแล้ว ไม่คิดว่าเฉินตันจูกำเริบเสิบสานเพียงนี้ ฝ่าบาทไม่แม้แต่จะลงโทษนาง ร้อนรนเพราะเฉินตันจูกำเริบเช่นนี้ได้ เนื่องจากฝ่าบาทปกป้อง เหตุใดฝ่าบาทจึงปกป้องเฉินตันจู ไม่มีผู้ใดรู้ดีกว่านาง…เพราะว่าเฉินตันจูแย่งชิงคุณงามความดีของหลี่เหลียง
หากหลี่เหลียงไม่ตาย หากเรื่องนี้เป็นฝีมือของพวกเขาฝ่าบาทก็จะปฏิบัติต่อนางเช่นนี้
นางก็สามารถทำตัวกำเริบยโสโอหังอย่างไร้กังวลเหมือนดั่งเฉินตันจู…
“เจ้าไม่ต้องแสร้งทำตัวน่าสงสารกับข้า”
เสียงของพระชายาองค์รัชทายาทเหยาหมิ่นดังขึ้นจากด้านบน ขัดขวางการเหม่อลอยของเหยาฝู
“หลี่เหลียงตายในมือของน้องภรรยาตนเอง เจ้าคิดแค้นอยากจะแก้แค้นแทนหลี่เหลียงใช่หรือไม่”
พูดจบพลางดึงผมของเหยาฝูขึ้นมาอย่างแรง
“เจ้าคิดว่าเขาเป็นสามีจริงๆ หรือ เจ้าลืมไปหรือไม่ว่าตนเองแซ่อะไร”
เหยาฝูร้องเจ็บ “ท่านพี่ ข้าเปล่า ข้าไม่ได้…”
ร่างกายอวบอ้วนของเหยาหมิ่นไม่มีแรงอะไรมาก นางในด้านข้างรีบพยุงนางเอาไว้
“ฝ่าบาท ท่านระวังเจ็บมือ ปล่อยให้ข้าทำพ่ะย่ะค่ะ”
เหยาหมิ่นจึงปล่อยมือออก นางในนั้นกดไหล่ของเหยาฝูลงบนพื้น พลางตีพลางด่า “ท่านก่อเรื่องใหญ่แล้วรู้หรือไม่ ท่านทำให้ตระกูลเหยาต้องลำบาก ทำให้พระชายาองค์รัชทายาทต้องลำบาก สิ่งสำคัญคือทำให้องค์รัชทายาทต้องลำบาก! ท่านช่างบังอาจยิ่งนัก!”
นางในนี้ไม่ได้ตีลงไปจริงๆ ท่าทางของนางดูแรง แต่แรงที่กระทบลงไปเล็กน้อยมาก เหยาฝูร้องไห้ตัวสั่น ทำได้เพียงพูดปฏิเสธ
เหยาหมิ่นดูจนเหนื่อยแล้ว อีกทั้งกังวลว่าจะถูกคนอื่นในพระราชวังเห็นเข้า จึงบอกให้สาวรับใช้หยุดลง
“องค์รัชทายาทกำชับอย่างไรเจ้าลืมไปแล้วหรือ เนื่องจากเรื่องของเจ้ากับหลี่เหลียงล้มเหลว นอกจากไม่มีคุณงามความดียังมีโทษ มีเพียงทำให้ฝ่าบาทคิดว่าองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์” นางพูดพลางหอบหายใจ “เรื่องของเจ้าปิดเอาไว้ก่อน รอองค์รัชทายาทจัดการเรื่องอพยพเมืองหลวงเสร็จสิ้น เดินทางมาถึงเมืองจางจิง ค่อยหาโอกาสที่เหมาะสมพูดเรื่องนี้กับฝ่าบาท ดูว่าจะจัดการอย่างไร เจ้าใจร้อนอันใดกัน!”
เหยาฝูหมอบตัวร้องไห้อยู่บนพื้น “ท่านพี่ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ ข้าจดจำคำพูดของฝ่าบาทเสมอ ข้าไม่กล้าเปิดเผยตัวตนของตนเอง เฉินตันจูก็ไม่รู้จักข้า อีกทั้งไปเที่ยวเล่นที่ไหนข้าก็ไม่ได้เป็นคนพูด ข้าเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่าน ไม่เคยพูดมากหรือทำเรื่องเกินกว่านั้น ข้าเพียงแค่ไปในฐานะบุตรสาวของตระกูลเหยา ครานี้ไปภูเขาดอกท้อ ข้าเกรงว่าจะพบเฉินตันจูยังให้พวกนางใช้ม่านปิดบังเอาไว้ไม่ให้คนเข้าใกล้…ใครจะคิดว่าเฉินตันจูจะกำเริบเสิบเสิบสานถึงเพียงนี้”
เหยาหมิ่นมองนาง “เจ้าไม่ได้ทำอันใดจริงๆ?”
“ท่านพี่ เฉินตันจูเป็นผู้ใด ข้าหลบยังไม่ทัน” เหยาฝูร้อง “หากหาเรื่องนาง ทำให้นางจำข้าได้ ข้าคงไม่ได้พบท่านพี่แล้ว…ตอนนั้นนางพาคนมาฆ่าข้าครั้งหนึ่งแล้ว”
เรื่องนั้นเหยาหมิ่นก็รู้ องค์รัชทายาทเคยบอกนาง เฉินตันจูรู้เรื่องของหลี่เหลียง รวมไปถึงเรื่องที่เขามีอีกบ้าน อีกทั้งยังเป็นคนของราชสำนักไม่ว่าอย่างไรหลี่เหลียงถูกฆ่าไปแล้ว เรื่องก่อนหน้านี้ล้วนพูดได้ไม่กระจ่างแล้ว บัดนี้เมืองอู๋ถูกเรียกคืน เพื่อความมั่นคงของภาพรวม อย่าพูดถึงเรื่องนี้ชั่วคราว อีกทั้งอย่าได้ปะทะกับเฉินตันจู…เรื่องนี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นคนเขียนจดหมายบอกกับองค์รัชทายาทเอง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กติดตามฮ่องเต้เป็นทหารที่ฮ่องเต้เชื่อใจที่สุด องค์รัชทายาทย่อมเชื่อใจเขามาก
ไม่เพียงเท่านี้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กยังบอกกับองค์รัชทายาท ตระกูลของเฉินเลี่ยหู่เดินทางไปถึงซีจิงแล้ว ขอให้องค์รัชทายาทแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ต้องสนใจ
เฉินตันจูเป็นคนอย่างไรกัน เหยาหมิ่นนั่งครุ่นคิดอย่างเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ นางทำให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กออกหน้าปกป้องได้ แม้แต่ฝ่าบาทก็ยังปกป้องนางในเวลานี้
เมื่อเทียบกับความตกตะลึงหวาดกลัวและขุ่นเคืองของพระชายาองค์รัชทายาทที่แม้แต่ข้าวก็ยังไม่ทันกิน ทำได้เพียงมาคาดโทษนั้น เหล่าองค์ชายทั้งหลายกำลังดื่มสุรากันอย่างสนุกสนาน
พวกเขารวมตัวอยู่ในที่พักขององค์ชายสอง อาหารเพียงพอหรือไม่ไม่สำคัญ แต่สุรามีเพียงพออย่างแน่นอน
“อาเสวียนไม่ได้กลับมานานเพียงนี้ พวกข้าดื่มเหล้าไม่สนุกเสียเลย” องค์ชายสี่พูด
ฮ่องเต้สั่งสอนบุตรอย่างเข้มงวด ถึงแม้พวกเขาจะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าแล้ว แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ดื่มสุราเที่ยวเล่น
โจวเสวียนมือหนึ่งถือกาสุรา มือหนึ่งชี้พวกเขา “ถึงแม้ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้พวกเจ้าดื่มเหล้า แต่พวกเจ้าคงแอบดื่มไม่น้อยแน่”
“ดื่มก็มีดื่มบ้าง” องค์ชายสองพูด “แต่หลังจากดื่มแล้วถูกจับได้ก็ถูกลงโทษไม่น้อย”
“ข้าซวยสุด นอกจากถูกเสด็จพ่อลงโทษ ยังต้องถูกองค์รัชทายาทลงโทษอีก” องค์ชายห้าดื่มสุราอึกใหญ่ ชี้ไปยังโจวเสวียน “มีโจวเสวียนอยู่ก็ไม่เป็นอะไร เสด็จพ่อไม่ด่าเขา ยิ่งไม่ลงโทษเขา เมื่อถึงเวลาหากเสด็จพ่อโกรธพวกเรา โจวเสวียนขอร้องให้พวกเราก็ได้แล้ว”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาเอนมากอดไหล่ของโจวเสวียนเอาไว้
“อาเสวียน ข้าอิจฉาเจ้า เสด็จพ่อดีต่อเจ้ายิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก”
โจวเสวียนยกยิ้มมุมปาก “ทำอย่างไรได้ ใครให้ข้าเป็นลูกของโจวชิงกัน…”
องค์ชายสองสบตากับองค์ชายสี่ ภายในดวงตาฉายแววลังเล เขากำลังบ่นหรือว่า?
“…พ่อข้ากับฝ่าบาทสนิทกันเสียยิ่งกว่าพี่น้อง” โจวเสวียนพูดต่อ “พวกเจ้าอย่าลืม ตอนเด็ก ข้ายังเคยนั่งอยู่บนหน้าตักของฝ่าบาท”
เขาพูดพลันหัวเราะร่า ก่อนจะดื่มสุราจนหมดกา
“โจวซินแสกับท่านพ่อเหมือนดั่งพี่น้อง เวลานี้โจวซินแสไม่อยู่แล้ว” องค์ชายสองถอนหายใจ พลางพูด
“เสด็จพ่อย่อมแทบจะประคองอาเสวียนไว้ในอุ้งมือ”
เมื่อพูดถึงโจวชิง บรรยากาศก็อึดอัดขึ้นเล็กน้อย อย่างไรเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องโศกเศร้า
แต่ว่าโจวเสวียนหัวเราะออกมา “แต่บัดนี้ข้าดีใจมาก…” เขาใช้กาสุราชี้ไปยังเหล่าองค์ชาย “เหล่าท่านอ๋องจบสิ้นลงแล้ว…” ก่อนจะยกกาสุราขึ้นดื่มจนหมด จากนั้นโยนทิ้งไป เขารั้งไหล่ขององค์ชายห้าเอาไว้
“ท่านพ่อข้าไม่เห็น ไม่เป็นไร ข้าโจวเสวียน ไปดูแทนเขาด้วยตนเอง อีกทั้งยัง…”
เขายื่นมือที่หยาบกร้านไปข้างหน้า
“ข้ายังลากท่านอ๋องฉีที่ป่วยลงมาจากเตียง ฟังเขาร้องขอชีวิตกับหูของตนเอง…”
องค์ชายห้ารั้งเขาเอาไว้เขย่าไปมา หัวเราะเสียงดัง “สะใจ!”
องค์ชายสองและองค์ชายสี่ต่างยกกาสุราขึ้นมา “สะใจ! ข้าอยากจะเห็นเหตุการณ์กับตาเสียจริง อาเสวียน เจ้าทำได้ดีมาก!”
ภายในตำหนักกลับมาคึกคักอีกครั้ง เหล่าชายหนุ่มดื่มสุราหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
“เฉินตันจู” โจวเสวียนหยิบกาสุราขึ้นมาอีกหนึ่งกา พลันถามขึ้น “คือบุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่? เหตุใดฝ่าบาทจึงปกป้องนางเพียงนี้”
เหล่าองค์ชายที่หัวเราะอย่างสนุกสนานชะงักไป
องค์ชายสองกระแอมไอเสียงเบา “อาเสวียนเจ้ารู้จักนางหรือ อันที่จริง คือก็ไม่ได้ปกป้องอะไร…แต่ว่าเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องทะเลาะกันของเหล่าคุณหนู อย่างไรก็เป็นเรื่องเล็ก ฝ่าบาทไม่ต้องลงโทษพวกนางจริงๆ…”
โจวเสวียนหมุนกาสุราในมือ “คุณหนูทะเลาะกันเป็นเรื่องเล็ก แต่บุตรสาวของเฉินเลี่ยหู่ เหตุใดจึงยังอยู่ในเมืองใหม่ได้ บุตรสาวของขุนนางท่านอ๋องยังกำเริบเพียงนี้ได้ หญิงร้ายเช่นนี้ เหตุใดฝ่าบาทจึงไม่จัดการ”
พูดจบเขาโยนกาสุราทิ้งไปแล้วลุกขึ้น
“ฝ่าบาทเมตตาไม่อาจลงมือได้หรือ หากเป็นเช่นนั้นให้ข้า…”
ท่าทางของเขาทั้งเร็วทั้งแรง องค์ชายห้าที่รั้งไหล่ของเขาเอาไว้อุทานออกมาเมื่อถูกสะบัดออก
องค์ชายห้าถูกสะบัดออกจนกระแทกเข้ากับโต๊ะด้านหน้า ถ้วยชามกาสุราที่วางกองอยู่นั้นกระทบกันเสียงดัง ภายในห้องคึกคักขึ้นทันที