หลังจากคุณหนูตันจูกลับไป แม้แต่เรื่องสำคัญอย่างการรักษาโรคก็หยุดลง มีเพียงตอนที่คุณหนูหลี่ บุตรสาวของหลี่จวิ้นโส่วเดินทางมาถึงถูกเชิญเข้ามา
คุณหนูหลี่มองดูจดหมายเชิญที่กองอยู่บนโต๊ะใช้สำหรับวางยาในเดิมที อาเถียนกำลังเปิดดูทีละฉบับ
“หาอันใด” นางถามด้วยความสงสัย
คุณหนูตันจูไม่ดูจดหมายเชิญเหล่านี้กระมัง นางได้ยินคำตัดพ้อของคุณหนูเหล่านั้นแล้ว คุณหนูตันจูไม่สนใจแม้กระทั่งพวกนางแจ้งชื่อของตระกูล จดหมายเชิญก็ไม่เคยรับเอง ล้วนเป็นพวกนางที่ทิ้งเอาไว้ คาดว่าคงจะไม่ดูเสียด้วยซ้ำ
นางสะสมไว้ดูทีเดียวหรือ?
เฉินตันจูไม่ปิดบังนาง กล่าวขึ้น “ดูว่ามีจดหมายเชิญของตระกูลฉางตงเจียวหรือไม่”
คุณหนูหลี่ตกตะลึงเล็กน้อย ตระกูลฉางตงเจียวนางรู้จัก ตระกูลนี้…ทำให้เฉินตันจูไม่พอใจเข้าแล้ว?
นางไม่ได้ถามมาก สาเหตุที่นางเดินทางมาก็ไม่ใช่มาพูดคุยกับคุณหนูตันจู
เฉินตันจูจับชีพจรให้นางอย่างละเอียด “ร่างกายของท่านไม่มีปัญหาแล้ว ไม่ต้องกินยาอีก”
คุณหนูหลี่กล่าวขอบคุณ “เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว”
เฉินตันจูยิ้มให้นาง ก่อนจะก้มหน้าลงไปดูจดหมายเชิญ ไม่มีท่าทีจะสนทนากับนางแม้แต่น้อย
คุณหนูหลี่นั่งครุ่นคิดอยู่ด้านข้างเล็กน้อย ถาม “ข้าได้ยินพวกนางบอกว่ายาเม็ดซานจา ยาทาหงเหยียนและชิงซิงลู่ใช้ดี ข้าใช้ได้หรือไม่”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ สิ่งนั้นไม่ได้ใช้รักษาโรค ผู้ใดก็ใช้ได้” นางให้อาเถียนหยุดหาจดหมายเชิญ “ไปหยิบมาให้คุณหนูหลี่หนึ่งชุด”
คุณหนูหลี่กล่าวขอบคุณ ก่อนจะวางทองหนึ่งตำลึงลงเอง “ราคานี้ใช่หรือไม่”
เฉินตันจูพยักหน้า มองดูอาเถียนยื่นสิ่งของให้คุณหนูหลี่ “แต่ว่าโรคของท่านเพิ่งหายดี สิ่งเหล่านี้อย่าใช้มากไป หนึ่งวันหนึ่งครั้งก็พอแล้ว”
นางตั้งใจรักษาจริงๆ คุณหนูหลี่ถอนหายใจภายในใจ ตอบรับก่อนจะลุกขึ้นขอตัวจากไป
คุณหนูหลี่เดินออกจากอาราม พบเจอคุณหนูหลายคนบริเวณทางเขา คุณหนูเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ที่ถูกปฏิเสธการเข้าพบก่อนหน้านี้ แต่ทุกคนไม่ได้จากไป หากแต่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่ออีกสักพักเพื่อที่จะได้มีข้ออ้างกลับไปบอกคนในตระกูล…มิฉะนั้นหากกลับไปทันทีหลังเดินทางมา คงต้องถูกตำหนิว่าไร้ประโยชน์
เมื่อเห็นคุณหนูหลี่ สีหน้าของพวกนางเผยให้เห็นถึงความอิจฉา ก่อนหน้านี้มีเพียงคุณหนูหลี่ถูกเชิญเข้าไป
“ล้วนแล้วแต่บอกว่าหลี่จวิ้นโส่วสนิทกับคุณหนูตันจู คุณหนูหลี่ได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่าเสียจริง” คุณหนูคนหนึ่งพูดอย่างยิ้มๆ
“ไม่ใช่เช่นนั้น” คุณหนูหลี่รีบพูด “ท่านพ่อข้าไม่ได้สนิทกับคุณหนูตันจูมากเท่าใด”
ถ่อมตนเสียจริง คุณหนูทั้งหลายยิ้มราวกับไม่ยิ้ม เดิมทีก็ไม่ได้บอกว่าพวกเจ้าสนิทกัน แค่จะบอกว่า
หลี่จวิ้นโส่วเกาะเกี่ยวเป็นที่สุด
“อันที่จริงล้วนเป็นเพราะข้า” คุณหนูหลี่พูดต่อ
เอ๊ะ? คุณหนูทั้งหลายมองนาง
คุณหนูหลี่ยิ้มให้พวกนาง “เพราะว่าข้าฉลาดเฉลียวมาก ไม่เหมือนพวกเจ้า โง่เขลาเกินไป”
พูดจบพลันยกชายกระโปรงเดินผ่านพวกนางไป
คุณหนูทั้งหลายเพิ่งตั้งสติได้ ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขุ่นเคือง
“หลี่เหลียน!”
“ข้าเคยบอกแล้วว่านางเย่อหยิ่งไร้เหตุผล”
“ก่อนหน้านี้พ่อของนางก็เป็นแค่จวิ้นโส่วในเมือง ไม่กล้าหาเรื่องทั้งบนทั้งล่าง นางจึงแสร้งทำท่าทางเชื่อฟัง”
“เวลานี้ต่างกันแล้ว ได้ดิบได้ดีกันทั้งตระกูล!”
คุณหนูทั้งหลายด่าทอด้วยความขุ่นเคือง พวกนางมองอารามดอกท้อด้านบน ก่อนจะมองคุณหนูหลี่ที่เดินจากไปไกล ก่อนจะหมดอารมณ์สิ้นเปลืองเวลาที่นี่ จึงต่างแยกย้ายกันกลับจวนของตนเองไป…ครานี้กลับจวน ถึงจะถูกต่อว่าก็มีคำพูดที่จะพูดได้
“ท่านพ่อ ไม่ใช่ข้าประจบเฉินตันจูไม่ได้ แต่เพราะคุณหนูหลี่นั้นใจดำ”
“ท่านพ่อ ข้าถึงเร็วที่สุด แต่คุณหนูตันจูพบแค่คุณหนูหลี่ หลังจากคุณหนูหลี่ออกมายังด่าข้า ย่อมต้องเป็นนางที่พูดใส่ร้ายข้ากับคุณหนูตันจู ทำให้คุณหนูตันจูเพิกเฉยต่อข้า”
เหล่าผู้ใหญ่ในตระกูลได้ฟังดังนั้นยังคงโกรธมาก พวกเขาตำหนิก่อนจะให้บุตรสาวของตนเองถอยออกไป เมื่อเป็นเช่นนี้ดูท่าทางหลี่จวิ้นโส่วจะได้ใจของคุณหนูตันจูมาก ตัดพ้ออิจฉาก็ไร้ความหมาย พวกเขาควรคิดหาวิธีประจบหลี่จวิ้นโส่ว สืบหาวิธีเอาใจคุณหนูตันจูจะดีกว่า
หลี่จวิ้นโส่วงุนงงกับการมาเยือนของตระกูลทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่มาล้วนมาถามเขาว่าเอาใจคุณหนูตันจูอย่างไร คำถามนี้ถามเขาไม่ถูกกระมัง เขาไม่เคยคิดจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหนูตันจูแม้แต่น้อย เพียงแต่บังเอิญรับหน้าที่เป็นจวิ้นโส่ว ส่วนคุณหนูตันจูชอบฟ้องที่ว่าการ…อีกทั้งคุณหนูตันจูฟ้องร้องก็ไม่ใช่เขาที่ต้องการประจบ ไม่จำเป็นต้องให้เขาประจบ คุณหนูตันจูก็ฟ้องชนะด้วยตนเองแล้ว
คุณหนูตันจูกับเขารู้จักกัน ก็เป็นเพียงเพราะว่าเขาบังเอิญเป็นจวิ้นโส่ว หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็เหมือนกัน
หลี่จวิ้นโส่วไล่คนเหล่านี้ไปอย่างขุ่นเคือง นึกถึงระยะนี้ที่มีเพียงบุตรสาวสัมผัสกับคุณหนูตันจู เขาจึงไปถามนางว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใด
“ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด” คุณหนูหลี่หัวเราะ “แค่ข้ามีปากเสียงกับคุณหนูเหล่านั้นเท่านั้นเอง”
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ หลี่จวิ้นโส่วส่ายหัวอย่างระอา นิสัยของบุตรสาวก็ไม่ได้ดีมากนักเสียจริง
“แต่ว่า” หลังจากถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องแล้ว หลี่จวิ้นโส่วก็ฉงนเล็กน้อย “เหตุใดเจ้าจึงเป็นที่ชื่นชอบของคุณหนูตันจู”
เขามีความคิดเหมือนคุณหนูเหล่านั้น บุตรสาวไปถึง คุณหนูตันจูก็ยอมพบ ย่อมต้องเป็นเพราะว่าคุณหนูตันจูชอบนาง
บุตรสาวเขาเอาใจคุณหนูตันจูด้วยหรือ? เรื่องนี้ทำให้เขาตกตะลึงจริงๆ หรือว่าบุตรสาวจะทำเพื่อบิดาแก่ชรา…
“ท่านพ่อ ข้าเอาใจอะไรนางกัน” คุณหนูหลี่ยิ้ม “คุณหนูตันจูพบข้าเพราะว่าต้องการรักษา ร่างกายของข้าไม่สบายจริง ส่วนนางรักษาให้ข้า”
ร่างกายของบุตรสาวไม่สบายมากนัก เป็นมาสักระยะหนึ่งแล้ว แต่เป็นโรคของหญิงสาว เหล่าไต้ฟูที่เชิญมาไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่รอบคอบ เพราะหากจะบอกว่าเป็นโรคจริงๆ แต่ก็ไม่ได้มีผลกระทบต่อชีวิตมากมาย แต่จะว่าบอกไม่เป็นอะไรนั้น ร่างกายก็รู้สึกไม่สบาย…หลี่จวิ้นโส่วนึกขึ้นได้แล้ว
“โรคของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เขารีบถาม
คุณหนูหลี่ยิ้ม “ข้ารู้สึกว่าตนเองดีขึ้นแล้ว แต่ก็ยังต้องเชื่อฟังคำของไต้ฟู ดังนั้นจึงไปให้คุณหนูตันจูดูอีกครั้ง นางเองก็บอกว่าหายแล้ว ไม่ต้องกินยาอีก”
หลี่จวิ้นโส่วปรบมือ “ดีเสียจริง” หลังจากปรบมือก็กระจ่างขึ้น “ที่แท้เจ้าบอกว่าตัวเองฉลาด แต่พวกนางโง่เขลาคือความหมายนี้หรือ”
คุณหนูตันจูต้องการเปิดร้านยาโรงหมอ ในเมื่อมีใจคิดจะคบหานาง ย่อมต้องไปรักษาจริงๆ ไม่มีโรคแสร้งมีโรคไปร้านยา นางย่อมไม่สนใจ
“เฮ้อ” คุณหนูหลี่ถอนหายใจ “เรื่องนี้จะโทษนางได้อย่างไร ไม่ยอมให้เข้าประตูย่อมต้องถูกตำหนิว่าเย่อหยิ่ง เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดี ในเมื่อเป็นชื่อเสียงที่ไม่ดีเหมือนกัน เช่นนั้นสู้ทำให้สมดังที่พวกนางปรารถนา ใช้เงินซื้อของ มิฉะนั้นคงขาดทุนแย่”
หลี่จวิ้นโส่วเงียบไปสักพัก
“อีกทั้ง” คุณหนูหลี่พูดอย่างอารมณ์ดี นำขวดสองใบขึ้นมาหมุนดู “คุณหนูตันจูก็ไม่ได้หลอกคน ยาเหล่านี้ใช้ได้ดีจริงๆ ท่านพ่อ ท่านดูผิวของข้าสองวันนี้ดีขึ้นแล้ว ไม่กลัวอากาศร้อนอบอ้าว”
หลี่จวิ้นโส่วยื่นมือไปหยิบมาด้วยความสงสัย “ใช้ดีเพียงนี้ ข้าลองดู ระยะนี้ข้าก็นอนหลับได้ไม่ดี”
คุณหนูหลี่เก็บกลับไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าซื้อมาขวดเดียว หากท่านพ่อจะใช้ รอข้าไปซื้อใหม่คราวหน้า”
หลี่จวิ้นโส่วก็ยิ้มออกมา เขามองดูท่าทางของบุตรสาว เงียบไปสักพักจึงเอ่ยถาม “อาเหลียน เจ้าเชื่อว่าคุณหนูตันจูไม่ใช่คนเลวแล้ว?”
มิฉะนั้นจะกล้าใช้ยาของคุณหนูตันจูได้อย่างไร
คุณหนูหลี่ถือขวดกระเบื้องครุ่นคิด “เรื่องที่คุณหนูตันจูทำเหล่านั้น ข้าไม่รู้สาเหตุไม่อาจวิจารณ์ได้ หากพูดตามเรื่องที่เกี่ยวกับข้า คุณหนูตันจูไม่น่ากลัวไม่น่ารังเกียจ ไม่เย่อหยิ่ง อีกทั้งน่าเอ็นดูมาก”
คำชมนี้อยู่ในระดับสูงมากแล้ว หลี่จวิ้นโส่วพยักหน้า “ใช่ ไม่รู้สาเหตุไม่อาจวิจารณ์ได้ พวกเราใช้ใจในการตัดสินเถิด…ต่อไปเจ้ายังจะไปพบคุณหนูตันจูหรือไม่”
ในเมื่อรู้สึกว่าน่าเอ็นดูแล้ว หากปล่อยโอกาสในการคบหานี้ไปคงน่าเสียดายแย่
คุณหนูหลี่เรียกขานบิดาด้วยน้ำเสียงตัดพ้อเล็กน้อย “ข้าหายดีแล้ว คุณหนูตันจูบอกแล้วว่าไม่ต้องกินยา หากจะไป รอข้าป่วยก่อนเถิด”
หลี่จวิ้นโส่วรีบห้าม “อย่าได้พูดเหลวไหล” เขายังไม่ถึงขั้นต้องให้บุตรสาวป่วยเพื่อการคบหาเกาะเกี่ยว
คุณหนูหลี่ยิ้ม ก่อนจะนึกบางอย่างได้ “แต่ว่า คุณหนูตันจูเหมือนจะสนใจตระกูลฉางตงเจียวมาก”
หลี่จวิ้นโส่วผงะ ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะนึกได้ว่าตระกูลใด เขาฉงนอย่างมาก เหตุใดคุณหนูตันจูจึงสนใจตระกูลฉางตงเจียว
เนื่องจากสงสัย หลี่จวิ้นโส่วจึงให้คนไปสืบ
ส่วนตระกูลฉางตงเจียวในเวลานี้ นายท่านของตระกูลก็ทำหน้าฉงน มองดูจดหมายเชิญที่พ่อบ้านยื่นเข้ามา
“เฉิน เฉินตันจู?” เขาถาม “เฉินตันจูไหน”