เมื่อเห็นหญิงงามคนหนึ่งคารวะ องค์ชายห้าและโจวเสวียนต่างชะงักฝีเท้าลง หญิงงามก้มหน้าไม่ได้เผยให้เห็นใบหน้าทั้งหมด แต่รูปร่างมีสัดส่วนของนางก็ดึงดูดคนมากเพียงพอแล้ว
องค์ชายห้าได้ยินคำว่าเหยา จึงส่งเสียงกระจ่าง อีกฝ่ายเป็นคนในตระกูลพระชายาองค์รัชทายาท “ไม่ต้องมากพิธี คนกันเอง”
เหยาฝูกล่าวขอบคุณก่อนจะลุกขึ้นยืน นางเงยหน้าขึ้นยิ้มให้องค์ชายห้าและโจวเสวียน ดวงตาสดใสงดงาม
นางงดงามกว่าพระชายาองค์รัชทายาทมาก องค์ชายห้าระลึกขึ้นได้ในทันที บุตรสาวตระกูลเหยาที่งดงามเพียงนี้คือพี่น้องของพระชายาองค์รัชทายาทที่เข้าจวนองค์รัชทายาทพร้อมกันในเวลานั้น เนื่องจากงดงามเกินไป จึงถูกองค์รัชทายาทส่งกลับ…องค์รัชทายาทสูญเสียมากเกินไปเพื่อความพึงพอใจของเสด็จพ่อ
องค์ชายห้าแนะนำให้โจวเสวียนอย่างกระตือรือร้น “คุณหนูสี่ตระกูลเหยา”
สายตาของโจวเสวียนวนเวียนอยู่บนตัวของเหยาฝู ก่อนจะยิ้ม “คุณหนูสี่”
เหยาฝูมองเขาด้วยความสงสัยและชื่นชม “น่ายินดียิ่งนัก เนื่องจากคุณชายโจว ท่านอ๋องฉีจึงยอมรับโทษรวดเร็วเพียงนี้ ได้ยินว่าฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลให้คุณชาย”
คำพูดเยินยอนี้ไม่ได้ทำให้โจวเสวียนดีใจ หากแต่หัวเราะเสียงเย็นขึ้นมา “รับโทษเร็วมีอันใดน่ายินดี หากเขาช้ากว่านี้ก้าวเดียว ข้าก็สามารถตัดหัวของเขาลงมาได้ รางวัลใดข้าล้วนไม่ต้องการ มีเพียงเหล่าท่านอ๋องตายหมด ถึงจะเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่สำหรับข้า”
คำพูดนี้พูดอย่างโอหัง เหยาฝูเผยสีหน้าวิตก องค์ชายห้าจึงรีบพูดแก้ “เจ้าไม่ต้องโกรธเพียงนี้ รางวัลที่เสด็จพ่อพระราชทานให้เจ้าก็รับไว้ มันเป็นน้ำใจ”
โจวเสวียนส่งเสียงในลำคอไม่พูดสิ่งอื่น
องค์ชายห้ามองไปยังเหยาฝูอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนประเด็น “คุณหนูสี่ พระชายายังไม่กลับมาหรือ ก่อนหน้านี้ข้าผ่านวังของเสด็จแม่มา บอกว่าพระชายาอยู่ที่นั่น”
ดีจริง นางกำลังรอเขาพูดเรื่องนี้ เหยาฝูพูดอย่างดีใจ “กลับมาแล้วเพคะ กลับมาแล้ว เป็นเรื่องดีเพคะ” นางแสดงท่าทางดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้นางยิ่งดึงดูดคนมากขึ้น องค์ชายห้าจ้องมองใบหน้าของนางจนละสายตาไม่ได้ “ตระกูลใหญ่ตระกูลหนึ่งของเมืองอู๋จะจัดงานเลี้ยงอย่างใหญ่โต ฮองเฮาได้ยินจึงหารือกับพระชายา ให้องค์หญิงจินเหยาไปเข้าร่วมได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ตระกูลใหญ่ที่มาจากซีจิงก็ติดตามไปด้วยได้ ทั้งสองฝ่ายย่อมรู้จักกันได้ในเร็ววัน”
เรื่องแบบนี้หรือ องค์ชายห้าไม่สนใจ หากแต่โจวเสวียนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ด้านข้าง “ฮองเฮาคำนึงมากไปแล้ว ตระกูลใหญ่เมืองอู๋เหล่านี้ไม่จำเป็นต้องคบค้า ทำให้พวกเขาแตกสลาย ยิ่งทำให้พวกเรากลมเกลียวกัน” พูดพลันยกเท้าเดินจากไป “ข้าจะไปเข้าเฝ้าเหนียงเหนียง”
องค์ชายห้าจับแขนของเขาเอาไว้ทันที “สหายของข้า เจ้าอย่าได้ไปทำให้เสด็จแม่ของข้าโกรธ เสด็จพ่อพูดด้วยเหตุผลกับเจ้ามากมายก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่หรือ ไม่ให้เจ้าทำอะไรตามใจ เจ้าก็รับปากแล้ว ภาพรวมสำคัญกว่า ภาพรวมสำคัญกว่า…”
เสด็จแม่และเสด็จพ่อความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีนัก หากโจวเสวียนก่อเรื่อง มีเพียงแต่จะทำให้ทั้งสองเกิดความขัดแย้งมากขึ้น
เหยาฝูก็ตระหนก “คุณชายโจว ข้าพูดสิ่งใดผิดหรือ ท่านอย่ารีบร้อน ก่อนหน้านี้พระชายาก็ยังเป็นกังวล เพราะว่าเฉินตันจูนั้นก็จะเข้าร่วมงานเลี้ยง แต่ฮองเฮาทรงตรัสว่ามีองค์หญิงอยู่ไม่เกิดเรื่องอย่างแน่นอน”
เฉินตันจูหรือ…องค์ชายห้าถลึงตาใส่เหยาฝู พูดถึงคนผู้นี้เพราะเหตุใด โจวเสวียนชะงักฝีเท้าลง
“ที่แท้มีเฉินตันจูอยู่” เขาพูด “การคำนึงของฮองเฮาถูกต้อง ให้องค์หญิงไปเหมาะสมที่สุดแล้ว”
องค์ชายห้ายังไม่ได้สติ “เจ้าไม่ก่อกวนแล้ว?”
โจวเสวียนยิ้ม “ข้าก่อกวนอันใด ข้าไม่เคยก่อกวนมาก่อน” เขายื่นมือพาดไหล่ขององค์ชายห้าพลางผลักเขาเดินหน้า “ไปเถิด”
องค์ชายห้าฉงน “เจ้ามักทำตัวตื่นตระหนก”
“ข้าจะไปหาองค์ชายสาม” โจวเสวียนพูด “ตั้งแต่ข้ากลับมายังไม่ได้พบองค์ชายสาม”
“อย่าเลย” องค์ชายห้ารีบพูด เขาต้องเฝ้าดูโจวเสวียนแทนองค์รัชทายาท เวลานี้โจวเสวียนถือสิทธิการทหารไว้ในมือ ปล่อยให้โจวเสวียนคบหาองค์ชายอื่นไม่ได้ “พี่สามร่างกายไม่ดี ไปพักผ่อนที่วัดแล้ว เจ้าอย่าได้ไปกวนเขา ข้าตื่นตระหนกไม่เป็นอันใด หากเขาตื่นตระหนกคงได้ล้มป่วยลง”
โจวเสวียนหัวเราะร่า “องค์ชายสามอ่อนแอเพียงนั้นได้อย่างไร”
ทั้งสองเดินสนทนากันผ่านไป เหยาฝูยืนส่งพวกเขาด้วยรอยยิ้มบนถนนในพระราชวัง เมื่อรอพวกเขาเดินจากไปไกลจึงหุบยิ้มลง โจวเสวียนนี้ฟังออกหรือไม่ เขาจะไปหาเรื่องเฉินตันจูหรือไม่
งานเลี้ยงล่องเรือขนาดเล็กของตระกูลฉาง เนื่องจากมีเฉินตันจูและองค์หญิง จึงกลายเป็นงานเลี้ยงใหญ่ของชนชั้นสูงทั่วทั้งเมืองหลวง มีรถม้าเคลื่อนตัวจากในเมืองออกไปทางนอกเมืองตั้งแต่เช้า หนึ่งเพราะกลัวติดขัดบนถนน เพราะองค์หญิงออกเดินทางย่อมมีบริวารติดตามมาก อีกทั้งต้องเดินทางไปก่อนที่องค์หญิงจะเดินทางมาถึง ไม่อาจปล่อยให้องค์หญิงถึงแล้วพวกนางยังไปไม่ถึง
ฮ่องเต้มีองค์หญิงห้าพระองค์ องค์หญิงสองพระองค์แต่งงานออกไปแล้ว องค์หญิงอีกสองพระองค์ยังเด็ก มีเพียงองค์หญิงหนึ่งพระองค์อายุสิบเจ็ด เป็นช่วงอายุที่เหมาะกับการออกมาคบหามิตรสหาย ซึ่งก็คือองค์หญิงจินเหยา
มารดาขององค์หญิงจินเหยาตายไปตั้งแต่คลอดลูกออกมา องค์หญิงจินเหยาได้รับการเลี้ยงดูจากฮองเฮา ฮองเฮาให้กำเนิดเพียงองค์รัชทายาทและองค์ชายห้า จึงเห็นองค์หญิงจินเหยาเหมือนดั่งลูกของตน ได้รับความรักใคร่ที่สุดภายในพระราชวัง
หลังจากเหล่าองค์ชายเดินทางมาถึงก็มักจะออกมาเที่ยวเล่น ราษฎรพบเห็นหลายครั้ง ส่วนองค์หญิงนอกจากตอนเข้าเมืองที่ได้เห็นเพียงชั่วคราวนั้น ครานี้เป็นครั้งที่สองที่ปรากฏต่อหน้าทุกคน บนถนนอัดแน่นไปด้วยผู้คนตั้งแต่เช้า เพื่อรอชมใบหน้าขององค์หญิง
ตอนที่ฟ้าสว่าง ราชรถขององค์หญิงเคลื่อนตัวออกจากพระราชวังอย่างเชื่องช้า เมื่อเดินทางมาถึงนอกประตู ภายในพระราชวังก็มีเสียงเกือกม้าดังขึ้น มีคนขี่ม้าวิ่งออกมา…
ผู้ที่สามารถขี่ม้าในพระราชวังมีไม่มาก
คนผู้นี้ขี่ม้าไล่ตามราชรถขององค์หญิง องครักษ์หลวงทั้งสองฝั่งไม่มีทีท่าขัดขวางแม้แต่น้อย
“จินเหยา” เขาตะโกนเสียงดัง
เมื่อได้ยินเสียงตะโกน หน้าต่างรถถูกผลักออก หญิงงามคนหนึ่งมองออกมาด้านนอก เมื่อเห็นคนที่ตามมาก็เผยรอยยิ้มงาม “พี่อาเสวียน”
โจวเสวียนหยุดม้าไว้ข้างรถ “เจ้าจะไปด้านนอก?”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า “เสด็จแม่ให้ข้าไปตระกูลฉางที่ตงเจียว บอกว่ามีงานเลี้ยงสามารถล่องเรือได้”
โจวเสวียนพูด “ตงเจียวไกลเช่นนั้น ชนบทจะมีทะเลสาบอันใด ทะเลสาบภายในพระราชวังสามารถล่องไปถึงทะเลสาบทางใต้ได้ นั่นถึงเรียกว่าล่องเรือ”
องค์หญิงจินเหยาเพียงแค่ยิ้ม
“ให้ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้าเถิด” โจวเสวียนสะบัดแส้ โน้มตัวเข้าใกล้หน้าต่าง หัวเราะเสียงเบา “ถึงเวลาข้าพาเจ้าออกมาเร็วเสียหน่อย ไปเที่ยวที่อื่นกัน”
เมื่อเข้าใกล้ ใบหน้างดงามของโจวเสวียนมีความหยาบกร้านเล็กน้อย บนหน้าผากมีรอยแผลจางๆ …องค์หญิงจินเหยายื่นมือเข้าไปลูบ “เหตุใดบนหน้าก็มีบาดแผล แผลนี้เกิดตั้งแต่เมื่อใด”
โจวเสวียนไม่ให้มือของหญิงสาวจับโดนใบหน้า เขายืดหลังตรง เร่งม้าให้หมุนเป็นวงกลม “เกิดขึ้นนานมาแล้ว แผลแค่นี้ไม่เป็นอันใด เพียงแค่เป็นรอยเล็กน้อย ยังจะไปหรือไม่”
องค์หญิงจินเหยาโบกมือ “ไปเถิด ไปเถิด”
โจวเสวียนขี่ม้านำอยู่ด้านหน้า องค์หญิงจินเหยามองดูแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะปิดม่านลงแล้วนั่งเข้าที่ ราชรถเคลื่อนตัวไปด้านหน้าอย่างช้าๆ
“คุณชายอาเสวียน! คุณชายอาเสวียน!” เวลานี้ภายในราชวังมีขันทีสองคนวิ่งออกมา ยืนอยู่ด้านหน้าประตูวังสามารถมองเห็นเพียงเงาของโจวเสวียน แม้จะไล่ตามทันพวกเขาก็ทำสิ่งใดไม่ได้ ดังนั้นจึงรีบวิ่งกลับเข้าไปด้านใน “รีบไปทูลฝ่าบาท”
ฮ่องเต้กำลังอยู่ในวังของฮองเฮา เมื่อได้ยินว่าโจวเสวียนติดตามองค์หญิงจินเหยาไป เขาวางชาในมือลง “เจ้าเด็กนี่ สิ่งที่ข้าพูดเขาไม่ฟังแม้แต่น้อย ไปจับเขากลับมา”
ฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงเอ่ยว่าช้าก่อน
ขันทีที่กำลังจะหันหลังเดินจากไปชะงักเท้าลง มองไปยังฮองเฮา