หลี่จวิ้นโส่วมาเพื่อพูดประโยคนี้ เขาไม่ได้สนใจในการคบหาตระกูลใหญ่ของเมืองอู๋เดิมเหล่านี้ ยิ่งไม่มีทางยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตระกูลใหญ่เหล่านี้ เขาเป็นเพียงขุนนางราชสำนักธรรมดาที่ทำงานตามหน้าที่
สาเหตุที่ตีคดีตระกูลหลู่กลับไป เพราะว่าเฉินตันจูจัดการเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งฮ่องเต้รับปากแล้ว ดังนั้นจึงต้องการโอกาสแสดงให้ทุกคนดู ความหมายของฮ่องเต้ชัดเจนอย่างมาก หากเขาจัดการเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ไม่ได้ ก็ไม่ต้องเป็นจวิ้นโส่วอีก
ดังนั้นที่เขาออกหน้าจัดการเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะคนเหล่านี้ หากแต่ทำตามคำสั่งของฮ่องเต้
วันนี้เขารับคำเชิญเดินทางมา เพื่อบอกพวกเขาว่าเฉินตันจูเป็นผู้จัดการความลำบากของพวกเขา เขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพราะต้องการประจบเฉินตันจู เพียงแต่สงสาร…หญิงสาวนั้นทำตัวเป็นผู้ร้าย ราษฎรไม่รู้ไม่สนใจ แต่ผู้ที่ได้รับประโยชน์เหล่านี้ควรรับรู้
หลี่จวิ้นโส่วเล่าเรื่องที่ตนเองรู้ว่าเฉินตันจูเปิดปากพูดถึงเรื่องของตระกูลเฉาในราชสำนักในวันนั้นออกมา แต่ฮ่องเต้และเฉินตันจูพูดอะไรกันนั้นเขาไม่รู้ ได้ยินเพียงฮ่องเต้โกรธอย่างมาก รวมไปถึงการตัดสินของฮ่องเต้ในเวลาต่อมา…
“คุณหนูตันจูเป็นคนรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป ซักถามฝ่าบาท ส่วนฝ่าบาทถูกคุณหนูตันจูเกลี้ยกล่อม” เขาพูด “ต่อจากนี้ราษฎรอู๋ไม่ถูกกล่าวโทษไม่เคารพฝ่าบาทอีก ดังนั้นคดีของตระกูลหลู่ข้าจึงตีกลับ รายงานขึ้นไปทางเหล่าขุนนางทางนั้นก็ไม่มีการตอบรับอันใด”
พูดเรื่องนี้จบ เขาจึงขอตัวจากไป เหลือไว้เพียงคนในตระกูลหลู่ที่มองหน้ากัน นั่งเงียบอยู่ในห้องครึ่งวันถึงจะเชื่อว่าตนเองได้ยินอะไร
กลายเป็นเฉินตันจูที่ไม่เกรงกลัวต่อชื่อเสียอย่างการท้าทายปั่นป่วน นำเรื่องทูลถวายไปถึงหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้…เพื่อตระกูลเมืองอู๋อย่างพวกเขา?
เฉินตันจูหรือ
“หลี่จวิ้นโส่วพูดเกินจริงไปกระมัง” คนหนึ่งพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เขามีใจคิดจะเกาะคนมีอำนาจ บัดนี้เฉินตันจูนั้นมีอำนาจมาก เขาจึงประจบเอาใจ…เฉินตันจูไม่มีทางทำเพื่อพวกเรา ตัวของนางก็เป็นชนชั้นสูงในเมืองอู๋เดิมเหมือนพวกเรา”
“ใช่” อีกคนพูดอย่างระอา “ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เฉินเลี่ยหู่จากไปแล้ว จวนตระกูลเฉินตั้งอยู่ในเมืองไร้คนอาศัย”
จวนของตระกูลเฉินเป็นสถานที่ดีอันดับต้นๆ ของเมือง
“นางเพียงแค่ทำเพื่อตนเอง น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า”
“ใช่ พ่อของนางพูดแล้วว่าไม่ใช่ขุนนางอู๋อีกต่อไป จวนของตระกูลนางก็คงต้องยกให้ราชสำนัก”
“ทำเพื่อพวกเรา? ฮึ หากไม่ใช่นาง พวกเราจะมีวันนี้หรือ?”
ภายในห้องยิ่งพูดยิ่งวุ่นวาย จากนั้นเสียงตบโต๊ะดังขึ้น ทำให้เสียงโหวกเหวกหยุดลง สายตาของทุกคนมองไปยังคนผู้หนึ่ง อีกฝ่ายคือนายท่านหลู่ที่ถูกเฆี่ยนตี
“เรื่องก่อนหน้านี้ไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่านางทำเพื่อใคร อย่างไรครั้งนี้นางก็ปกป้องพวกเราเอาไว้” เขาพูดด้วยสีหน้าหนักใจ “พวกเราควรคบหากับนาง ไม่ทำเพื่อสิ่งอื่น เพียงเพื่อให้นางสามารถพูดต่อหน้าฮ่องเต้ได้ ทุกท่าน เวลานี้ชีวิตของราษฎรอู๋ไม่ง่าย ควรจะร่วมมือช่วยเหลือกัน เช่นนี้ถึงจะไม่ถูกตระกูลที่มาจากราชสำนักข่มเหงรังแกได้”
ใช่ เรื่องในอดีตเกิดขึ้นแล้ว สถานการณ์ตรงหน้าสำคัญกว่า ทุกคนต่างพยักหน้า
“พวกเราจะคบหาอย่างไร เดินทางไปขอบคุณนางพร้อมกันหรือ” มีคนถาม
แต่เรื่องนี้ราชสำนักไม่ได้ประกาศ เพียงแต่ปล่อยผ่านไปอย่างเงียบๆ เรื่องนี้ไม่อาจเอาขึ้นมาพูดได้ มิฉะนั้นย่อมเป็นการตบหน้าฮ่องเต้
มีคนกระแอมไอออกมาทีหนึ่ง “ข้าได้ยินว่าบุตรสาวของหลี่จวิ้นโส่วเดินทางไปขอการรักษาที่อารามดอกท้อเมื่อหลายวันก่อน”
วิธีนี้ดี หลี่จวิ้นโส่วสมกับที่เป็นมือดีในการประจบผู้มีอำนาจ ทุกคนต่างกระจ่าง อีกทั้งโล่งอกที่ไม่ต้องให้พวกเขาออกหน้าด้วยตนเอง คุณหนูตันจูเป็นหญิงสาว เช่นนั้นก็ให้เหล่าบุตรสาวในตระกูลของพวกเขาออกหน้า หากเผยแพร่ออกไปก็เป็นเพียงเรื่องเล็กของบุตรหลานในตระกูล
หลังจากหมดความสงสัยและตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว พวกเขาจึงหารือแผนการ ก่อนจะแยกย้ายกันไปด้วยความพึงพอใจ
นายท่านหลู่ยืนอยู่ครึ่งวัน ร่างกายทนไม่ได้นานแล้ว เขาหมอบตัวอยู่บนรถถูกลากกลับไป
“ท่านพ่อ” คุณชายใหญ่ตระกูลหลู่อดถามไม่ได้ “พวกเราต้องไปคบหากับเฉินตันจูจริงหรือ”
ใช่ เฉินตันจูนี้กำลังมีอำนาจมาก แต่อำนาจของนางได้มาจากการทรยศเมืองอู๋ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความโหดร้ายของนางที่กระทำต่อบุตรหลานตระกูลใหญ่และขุนนางเมืองอู๋ คบหากับนางอาจถูกนางทรยศเพื่ออำนาจอีกก็เป็นได้
รถเคลื่อนไหวไปมาด้วยความสั่นสะเทือน ทำให้บาดแผลของนายท่านหลู่เจ็บมากกว่าเดิม เขาด่าบุตรโง่ของตนเองเนื่องจากข่มความโกรธไว้ไม่ได้ “คิดหาวิธีสร้างสัมพันธ์ที่ดีที่สุดกับนาง เมื่อถึงเวลาหากความสัมพันธ์ของพวกเรากับนางดี นางก็มีแต่จะทรยศคนอื่น”
ทรยศคนอื่นไม่เกี่ยวกับพวกเขา เรื่องง่ายเพียงนี้ คุณชายใหญ่ตระกูลหลู่กระจ่าง ก่อนจะยิ้มออกมา “ข้าตกใจจนสับสนไป”
นายท่านหลู่ส่งเสียงไม่พอใจ การสั่นสะเทือนของรถม้าทำให้เขาร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด อดที่จะตำหนิหลี่จวิ้นโส่วขึ้นมาไม่ได้ “ฝ่าบาทไม่คิดว่าเป็นโทษแล้ว แสร้งทำท่าทีแล้วปล่อยข้าไปก็เท่านั้น ลงมือตีหนักเพียงนี้ ไร้ความเป็นมนุษย์สิ้นดี”
…
รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนตัวมา มองดูริมทางเขามีรถม้าจอดอยู่สองคัน สาวรับใช้ที่กระโดดลงมาจึงชี้ไปยังโรงน้ำชาพลันกำชับคนให้เคลื่อนรถไปทางนี้ “ไป จอดตรงนั้น”
เมื่อรอคุณหนูลงจากรถ คนเคลื่อนรถจึงเคลื่อนรถเข้ามา หญิงชราขายชาที่ยืนกินผลไม้ตากแห้งอยู่หน้าโรงน้ำชาเหลือบมองเขาทีหนึ่ง “ชาหนึ่งกาสามสลึง”
คนเคลื่อนรถผงะ “ข้าไม่ดื่มชา”
หญิงชราขายชาคายเมล็ดผลไม้ตากแห้งออกมา “ไม่ดื่มชา นำรถไปจอดที่อื่น อย่ามากินพื้นที่แขกของข้า”
คนเคลื่อนรถขุ่นเคืองขึ้นมาทันที ภูเขาดอกท้อเป็นอะไร คุณหนูตันจูขวางทางปล้นทรัพย์ยโสโอหังก็แล้วไป คนขายชาก็ยัง…
“ไปหรือไม่ไป” หญิงชราขายชาถาม “เจ้ามาจากตระกูลใด คิดจะก่อเรื่องใต้ภูเขาดอกท้อหรือ”
เขาไม่กล้า คนเคลื่อนรถเก็บอารมณ์ทันที เขามองไปบริเวณอื่นหากไม่ไกลเกินก็ร้อนเกิน ทำได้เพียงก้มหน้าพูด “เอาชามากาหนึ่ง…ข้านั่งดื่มอยู่ในรถของตนเองได้ใช่หรือไม่”
หญิงชราขายชาพูดด้วยรอยยิ้ม “ย่อมได้…อาฮวา” นางหันกลับไปเรียก “ชาหนึ่งกา”
หญิงสาวคนหนึ่งในโรงน้ำชาตอบรับ
“ท่านยาย ท่านยาย” เมื่อเห็นหญิงชราขายชาเดินเข้ามา แขกที่กำลังดื่มชารีบกวักมือเรียก “ท่านไม่ได้บอกว่า ภูเขาดอกท้อเป็นสมบัติส่วนตัว ผู้ใดก็ไม่อาจขึ้นไปได้ มิฉะนั้นต้องถูกคุณหนูตันจูตีหรือ เหตุใดจึงมีรถม้ามาจำนวนมาก”
หญิงชราขายชาถลึงตา “ข้าไม่ได้เป็นคนพูด ล้วนแล้วแต่เป็นคนอื่นพูดเหลวไหล อีกทั้งพวกนางไม่ได้ขึ้นไปเที่ยวเล่นบนภูเขา หากแต่มาขอให้คุณหนูตันจูรักษาโรคให้”
รักษาโรค? แขกคนนั้นพึมพำ “เหตุใดจึงมีคนป่วยมากเพียงนี้ อีกทั้งคุณหนูตันจูรักษาโรคได้จริงหรือ?”
“ใช่” หญิงชราขายชามองไปบริเวณทางขึ้นภูเขาฝั่งตรงข้าม เริ่มจากเมื่อใดกันที่มีรถม้าเดินทางมาอย่างไม่ขาดสาย
ราวกับว่าหลังจากคุณหนูตันจูทะเลาะกับคุณหนูตระกูลใหญ่ไม่นานกระมัง เรื่องทะเลาะกันไม่ได้ทำให้คนตกใจจนวิ่งหนี หากแต่ดึงดูดคนมามากมายเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเสียจริง
“คนต่อไป” อาเถียนยืนเรียกอยู่หน้าประตู นางมองไปยังเหล่าสาวรับใช้และคุณหนูที่รอคอยอยู่ด้านนอกประตู เหลือบมองแต่ก็จำไม่ได้ จึงพูดขึ้น “คนที่ให้ปิ่นทองกับข้าคนนั้น”
จากนั้นจึงมีคุณหนูและสาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลังเดินออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ ถึงแม้จะถูกเรียกก่อนก็ไม่ดีใจ สาวรับใช้คนนี้ตะโกนออกมาได้อย่างไร จงใจหรืออย่างไร ร้ายยิ่งนัก
เหล่าคุณหนูอื่นต่างก็ไม่พอใจ แต่ไม่พอใจต่อคุณหนูท่านนี้ มาช้า อีกทั้งยังให้สินบนสาวรับใช้ ร้ายกาจเสียจริง อีกทั้งสาวรับใช้นั้นก็ร้ายกาจ นอกจากรับสินบนจริง ยังให้พวกนางเข้าไปก่อน
ชื่อเสียงของอารามดอกท้อบนภูเขาดอกท้อสมคำร่ำลือเสียจริง