สายตาของเฉินตันจูจับจ้องไปบนตัวของนายบ่าวสองคนด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นสาวรับใช้นั้นทำหน้าหวาดกลัว แต่คุณหนูท่านนี้ยังดี มีความตกตะลึงเล็กน้อย
“อาเถียน พวกเจ้าเลิกเล่นได้แล้ว” นางใช้พัดตบราวกั้น “มีแขกมาแล้ว”
อาเถียนยืนตัวตรง ทำท่าทางยืดตัว สองแขนของตนเองที่ไม่แข็งแกร่งแต่สามารถล้มคนลงได้เล็กน้อย เยี่ยนเอ๋อก็ลุกขึ้นยืนอย่างคล่องแคล่ว ถึงแม้ผมเผ้าจะกระจัดกระจาย แต่ท่าทางของนางกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก ถึงแม้จะถูกล้มลงกับพื้นก็ไม่ท้อแท้แม้แต่น้อย เพื่อให้นายบ่าวทั้งสองเห็นอย่างชัดเจน ทั้งสองคนจึงถอยลงไป
นายบ่าวสองคนนั้นสีหน้าซับซ้อน
เฉินตันจูกลั้นขำ นางไม่ได้ต้องการข่มขู่นายบ่าวสองคนนี้ แต่ความปรารถนาของอาเถียนและเยี่ยนเอ๋อต้องตามใจ
นางกระแอมไอเสียงเบา “คุณหนูมาหาหมอ?”
ได้ยินมานานถึงเรื่องน่ากลัวของคุณหนูตันจู หญิงสาวนั้นสงบลงอย่างรวดเร็ว นางย่อเข่าลงเล็กน้อย
“ใช่เจ้าค่ะ ระยะนี้ข้ารู้สึกไม่สบายนัก กินยาไปหลายครั้งก็ยังไม่ดีขึ้น จึงอยากจะมาให้คุณหนูตันจูลองรักษาดู”
เฉินตันจูตอบรับ มือที่จับพัดคลายออก พัดร่วงลงบนพื้น หัวใจของสาวรับใช้สั่นเทา พัดที่ดีเช่นนี้…
เมื่อโยนพัดทิ้ง เฉินตันจูก็ไม่นั่งให้ดี นางยื่นมือออกมา “เจ้าเดินเข้ามา ข้าดูชีพจรให้”
ดูชีพจรเช่นนี้หรือ สาวรับใช้ผงะ นางอดที่จะดึงแขนเสื้อของคุณหนูไม่ได้ แต่ในเมื่อมาแล้วแขกย่อมต้องตามใจเจ้าของ คุณหนูนี้เดินเข้าไปอย่างเปิดเผย ยืนอยู่ด้านนอกศาลาเปิดแขนเสื้อขึ้น ยื่นมือเข้าไป
ทั้งสองคนอยู่ในท่าทางเช่นนี้ คนหนึ่งอยู่ในศาลา อีกคนอยู่นอกศาลา ดูชีพจร
เฉินตันจูดูชีพจรก่อนจะหุบยิ้มลงอย่างช้าๆ มีโรคจริงด้วย นางชักมือกลับนั่งตัวตรง “โรคนี้เป็นมาหลายเดือนแล้วใช่หรือไม่”
คุณหนูพยักหน้า “ตั้งแต่ต้นปีก็รู้สึกไม่สบายแล้ว”
เฉินตันจูมองหน้าของนางอย่างละเอียด ถึงแม้จะเป็นหญิงสาวเหมือนกัน แต่เมื่อถูกต้องเช่นนี้ คุณหนูก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย คิดจะหลบหลีก…
“พี่สาว ท่านอย่าขยับ” เฉินตันจูเรียก ดวงตาสดใสจ้องมองดวงตาของนาง “ข้าขอดูดวงตาของท่าน”
อ่อ เช่นนี้หรือ คุณหนูจึงไม่ขยับตัวตามคำบอก นางเงยหน้าสบตากับหญิงสาวที่นั่งอยู่ในศาลา สาวรับใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดกลืนน้ำลายไม่ได้ หาหมอต้องทำเช่นนี้หรือ โชคดีที่เป็นแม่นาง หากเวลานี้เป็นชายหญิง สถานการณ์นี้…เขินยิ่งนัก
ถึงแม้จะเป็นแม่นางเหมือนกัน แต่เมื่อสบตากับผู้อื่นเช่นนี้ คุณหนูก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ โชคดีที่เฉินตันจูดูเสร็จอย่างรวดเร็ว มือเท้าคางครุ่นคิด
คุณหนูยืนอยู่ด้านล่างศาลา ไม่กล้ารบกวนนาง
“อ้า” เฉินตันจูตบมือลงบนราวกั้น สีหน้าดีใจ “ข้ารู้แล้ว” พูดจบพลันลุกขึ้น ก่อนจะทิ้งไว้หนึ่งประโยค
“พี่สาวท่านรอเดี๋ยว ข้าไปจัดยามาให้ท่าน”
เมื่อเห็นเฉินตันจูหิ้วกระโปรงวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว นายบ่าวที่ถูกทิ้งไว้บริเวณเดิมสบตากัน
“นี่…” สาวรับใช้คิดจะพูดตำหนิ แต่เมื่อนึกถึงชื่อเสียงของเฉินตันจู จึงกลืนคำพูดกลับไป
คุณหนูนี้ไม่มีการตำหนิแต่อย่างใด นางมองแผ่นหลังที่จากไปของเฉินตันจู อดพูดขึ้นไม่ได้
“สวยงามเสียจริง”
สาวรับใช้ผงะ “คุณหนู ท่านพูดอะไรเจ้าคะ” ถึงแม้ต้องการพูดดี แต่ก็สามารถพูดเรื่องอื่น อาทิฝีมือการรักษาของคุณหนูตันจูดีเสียจริง เช่นนี้ถึงจะตรงประเด็น
คุณหนูก็ผงะไป ก่อนจะยิ้มออกมา “อาจเป็นเพราะว่า คำพูดดีเช่นนั้นเป็นเพียงคำพูดดี ข้าชมนางว่าสวยงามถึงจะเป็นคำพูดที่จริงใจ”
แม่นางชื่นชมความงามของเฉินตันจู เป็นความจริงใจที่หาได้ยาก
นายบ่าวสองคนพูดคุยเสียงเบาอยู่ทางนี้ ไม่นานนักเฉินตันจูกลับมาแล้ว ครานี้นางเดินทางด้านหน้าของพวกนางโดยตรง
“เสร็จแล้ว” นางยิ้ม ก่อนจะยื่นห่อกระดาษหนึ่งมา “ยานี้ วันละหนึ่งครั้ง ลองกินสามวันก่อน หากตอนกลางคืนหลับสบาย ค่อยกลับมาหาข้า”
ลองดู? คุณหนูอดถามไม่ได้ “หากนอนไม่สบายเล่า”
เฉินตันจูยิ้ม “แสดงว่าข้ารักษาไม่ได้ พี่สาวต้องหาไต้ฟูท่านอื่นดูให้”
คุณหนูหัวเราะ หากเป็นเวลาอื่นเผชิญหน้ากับคนอื่น นางคงไม่มีคำพูดดีๆ ให้อีกฝ่ายแล้ว แต่เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มนี้ ไม่มีผู้ใดใจร้ายลง
“ได้” นางพูด ก่อนจะรับยามา ถามอีก “ค่ารักษาเท่าใด”
เฉินตันจูพูดอย่างตั้งใจ “หนึ่งตำลึง ค่ารักษาไม่ต้อง แต่เป็นค่ายา”
คุณหนูนั้นให้สาวรับใช้หยิบเงินจำนวนหนึ่งตำลึงออกมา จากนั้นจึงไม่พูดคุยต่อ เพียงแค่ย่อเข่าหนึ่งที
“หวังว่าจะพบกันอีกในสามวัน”
เฉินตันจูพยักหน้า “ได้ ข้าก็หวังอย่างนั้น”
ทั้งสองคนพูดจบพลันยิ้ม
“พี่สาวมาจากตระกูลไหนในเมือง” เฉินตันจูถามด้วยรอยยิ้ม
ในเมื่อนางถามแล้ว คุณหนูก็ไม่ปิดบัง “ข้าแซ่หลี่ ท่านพ่อของข้าคือหลี่จวิ้นโส่วในเมืองอู๋เก่า”
ที่แท้ก็เป็นบุตรสาวของหลี่จวิ้นโส่ว เฉินตันจูกระจ่าง
“คุณหนู หลี่จวิ้นโส่วกำลังประจบคุณหนูหรือเจ้าคะ” อาเถียนถามอยู่ด้านหลัง นางยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า จับจ้องอยู่ด้านข้างตลอดเวลา เพื่อที่นางจะชิงลงมือในการปะทะกันครั้งนี้
เสียดาย ผิดแล้ว แต่ว่าคุณหนูนี้มารักษาโรคจริงๆ
“ป่วยก็ป่วยจริง” เฉินตันจูแก้ไขนาง ก่อนจะพยักหน้า “แต่ก็ไม่อาจบอกว่าประจบได้ แต่ควรจะบอกว่ามาคบหากับข้า หลี่จวิ้นโส่วมีความหวังดีคุณหนูหลี่ท่านนี้ก็เช่นเดียวกัน”
ถึงแม้คุณหนูหลี่ท่านนี้มาเพราะเชื่อฟังคำพูดของบิดา แต่คำพูดและการกระทำล้วนมีความคิดของตนเอง
คบหาหรือประจบอาเถียนไม่ใส่ใจ เวลานี้นางคิดได้แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะมีความคิดอย่างไร แต่คุณหนูไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม มาหาหมอก็ต้องให้เงิน หากมาหาเรื่องก็ต้องถูกตี
นางโยนเงินในมือขึ้น ก่อนจะเก็บเอาไว้
“มา ชุ่ยเอ๋อ เยี่ยนเอ๋อ ครานี้พวกเจ้าทั้งสองคนเข้ามาพร้อมกัน!”
…
สาวรับใช้นั่งอยู่บนรถม้า รถม้าเคลื่อนตัวจากไปภายใต้แสงประกาย นางตบหน้าอกอย่างโล่งใจ
“น่ากลัวเพียงนั้นเชียวหรือ” คุณหนูหลี่หัวเราะอยู่ด้านข้าง
สาวรับใช้เปิดม่านรถมองไปด้านหลัง “คุณหนู ท่านดู หญิงชราขายชานั้นเห็นพวกเราขึ้นเขาลงเขา ดวงตานั้นราวกับเห็นผี เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้น่ากลัวเพียงใด”
คุณหนูหลี่หัวเราะเบาๆ อันที่จริงก็ค่อนข้างน่ากลัว ตอนนั้นที่ท่านแม่บอกว่าอาการของนางไม่ดีขึ้น ท่านพ่อบอกว่าให้มาหาคุณหนูตันจูบนอารามดอกท้อดูให้เถิด ทำให้คนทั้งตระกูลตกใจไม่น้อย
ท่านแม่โกรธจนร้องไห้ บอกว่าท่านพ่อคบหาผู้มีอำนาจของราชสำนัก แต่บัดนี้ทุกคนล้วนกระทำเช่นนี้ นางก็ยอมรับได้ แต่แม้แต่คนอย่างเฉินตันจูก็ยังต้องไปประจบ “ถึงแม้นางจะมีอำนาจมากเพียงใด ได้ใจของฝ่าบาทเพียงใด แต่ก็ไม่ควรไปประจบนาง นางขายนายเพื่อแลกความรุ่งเรืองไร้คุณธรรม”
พี่ชายที่อยู่ด้านข้างก็อึกอักเล็กน้อย “อันที่จริงท่านพ่อคบหาผู้มีอำนาจของราชสำนักไม่มีอะไร ไม่ว่าอย่างไรขุนนางท่านอ๋องก็เป็นขุนนางราชสำนักเช่นเดียวกัน” แต่ประจบเฉินตันจูช่าง…
หลี่จวิ้นโส่วเผชิญกับคำถามของภรรยาและบุตรชาย ทำเพียงถอนหายใจ “อันที่จริงข้ารู้สึกว่าคุณหนูตันจูไม่ใช่คนเช่นนั้น”
ภรรยาถาม “ไม่ใช่คนนั้นเช่นไหน เรื่องเหล่านั้นเป็นฝีมือของนางไม่ใช่หรือ”
เรื่องเหล่านั้นเป็นฝีมือของนางจริง หลี่จวิ้นโส่วไม่สามารถโต้แย้งได้ เขาครุ่นคิดก่อนจะพูด “ทำเรื่องเลวร้ายเพื่อผลที่ดี อันที่จริงคุณหนูตันจูเป็นคนดี”
ท่านพ่อและท่านแม่ถกเถียงกัน อีกทั้งท่านพ่อยังเคารพต่อคุณหนูตันจูนี้มาก แต่ก่อนหน้านี้หากเป็นเช่นนี้ไม่ ท่านพ่อรังเกียจเฉินตันจูอย่างมาก เหตุใดจึงเปลี่ยนความคิดไป ทั้งที่ทุกคนหลีกเลี่ยงอารามดอกท้อแทบไม่ทัน อีกทั้งตระกูลใหญ่ที่มาจากเมืองซีจิง ท่านพ่อก็คิดจะคบหาผู้มีอำนาจของราชสำนักเหล่านั้น จึงยิ่งเกลียดแค้นเฉินตันจูมากขึ้นไป…แต่เวลานี้ ท่านพ่อคิดจะคบหาเฉินตันจู?
คุณหนูหลี่สงสัยเล็กน้อย เดิมทีนางที่คิดจะปฏิเสธเปลี่ยนเป็นรับคำแทน นางอยากจะเห็นเหมือนกันว่าเฉินตันจูเป็นคนอย่างไร
“คุณหนูท่านว่าอย่างไร” สาวรับใช้ถามอย่างสงสัย
คุณหนูหลี่ครุ่นคิด “สวยงามมาก?”
สาวรับใช้หัวเราะออกมา เรียกขานคุณหนู คุณหนูก็เป็นแม่นาง ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นหญิงงาม อีกทั้งตัวของคุณหนูเองก็เป็นหญิงงาม
คุณหนูหลี่หัวเราะขึ้นมา แต่ว่าด้านนี้ตอบสนองออกมาจริงใจที่สุดชัดเจนที่สุดภายในใจ นางสวยงามมาก อยากมองมาก ดังนั้นไม่รู้สึกน่ากลัว ยิ่งไม่รู้สึกรังเกียจ
เพียงแค่ยืนอยู่ต่อหน้าของเฉินตันจู เรื่องเล่าอันน่ากลัวที่ได้ยินมาเหล่านั้นต่างสลายหายไป
เพราะว่าหน้าตาของแม่นางนี้?
ไม่ใช่รูปลักษณ์เกิดจากใจ ใจของนางแสดงออกถึงกิริยา การกระทำ การเคลื่อนไหวและรอยยิ้มของนางในเวลานี้…
คุณหนูหลี่ลงจากรถ ด้านหน้ามีชายหนุ่มอายุน้อยเดินเข้ามา เรียกขานน้องสาว
“เป็นอย่างไรบ้าง” คุณชายหลี่เอ่ยปากถามในทันที
เมื่อรู้ว่านางเดินทางไปภูเขาดอกท้อ คนในตระกูลต่างกังวลและอยากรู้
คุณหนูหลี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ครั้งเดียวคงเห็นอะไรไม่ได้มาก”
ดังนั้นนางต้องการไปอีกหลายครั้งหรือ
คุณชายหลี่ตกตะลึงก่อนจะรู้สึกเห็นใจ น้องสาวทำเพื่อท่านพ่อ…
“ล้วนเป็นลูกของท่านพ่อ ไม่อาจให้เจ้าไปคนเดียวตลอด” เขาตัดสินใจ “พรุ่งนี้ให้ข้าไปด้วยเถิด”
คุณหนูหลี่พินิจพี่ชาย ก่อนจะส่ายหัว “อย่าเลยเจ้าค่ะ ข้ากลัวท่านไปแล้วจะกลับมาไม่ได้”