บุปผาลิขิตแค้น – ตอนที่ 140 องค์หญิง

ตอนที่ 140 องค์หญิง

เมื่อได้ยินว่าองค์หญิงเดินทางมาถึงแล้ว เหล่าคุณหนูไม่กล้าล่าช้า แต่ละคนล้วนเจ้าเรียกขานข้าข้าจูงมือเจ้า เหล่าคุณหนูตระกูลฉางนำอยู่ด้านหน้าในฐานะเจ้าภาพ เดิมทีอยากให้เฉินตันจูเดินนำ ทุกคนรอดูความสนุก แต่เฉินตันจูนั่งไม่ขยับ…ไม่มีผู้ใดกล้าให้นางเดินไปก่อน อีกทั้งไม่กล้าให้องค์หญิงรอนาน ดังนั้นจึงทำได้เพียงเดินไปทางนี้

เฉินตันจูไม่ลุก หลิวเวยก็ไม่อาจลุก สีหน้ากังวลเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าเฉินตันจูมาเพราะนาง แต่รู้ว่าองค์หญิงจินเหยามาเพราะเฉินตันจู…พี่น้องและผู้ใหญ่ในตระกูลต่างวิจารณ์ลับหลัง เนื่องจากคราก่อนเฉินตันจูตบหน้าของตระกูลใหญ่เมืองซีจิง องค์หญิงจินเหยาต้องการแก้แค้นเฉินตันจู

เฉินตันจูไม่อยากไป? ควรจะแก้ตัวให้นางอย่างไร แสร้งป่วย? กินผลไม้มากเกินไปไม่สบายท้อง?…ตั้งแต่เฉินตันจูนั่งลงก็ไม่หยุดกินแม้แต่น้อย หลิวเวยมองจานเปล่าที่วางอยู่ด้านหน้าหลายใบ เวลานี้ในมือของเฉินตันจูยังถือปลาทอดชิ้นหนึ่งกินอยู่…กินเก่งเกินไปหรือไม่ นางยังไม่ได้กินข้าวมาหรือ

ทันทีที่มีความคิดปรากฏขึ้น หลิวเวยก็ผงะไป นางคือเฉินตันจูที่คุณหนูมากมายต่างหวาดเกรงและรังเกียจ รอคอยดูนางขายหน้า ดูนางถูกองค์หญิงข่มเหง แต่นางกลับเป็นกังวลแทนเฉินตันจู? ยังคิดหาวิธีหลุดพ้นให้นาง…

เพราะเหตุใด อีกฝ่ายเป็นถึงองค์หญิงเชียว หลิวเวยมองเฉินตันจูที่กินปลาทอดเข้าไป เพราะว่าหน้าตางดงามทะเล้นน่าเอ็นดูหรือ เพียงแค่มองดูเฉินตันจู ก็ถูกหลอกลวง?

เฉินตันจูกินเสร็จหันมายิ้มให้นาง “พี่เวยเวย พวกเราก็ไปกันเถิด”

หลิวเวยถาม “ไปจริงหรือ”

เฉินตันจูยืนขึ้น “ไปสิ เหตุใดจึงไม่ไป” นางก้มตัวยื่นมือให้หลิวเวย พูดเสียงเบา “ท่านคือองค์หญิงนะ องค์หญิงจินเหยา พวกเราไปดูกัน”

ดวงตาของนางเป็นประกาย เต็มไปด้วยความสงสัยและคาดหวัง

เป็นความสงสัยและคาดหวังจริงๆ เหมือนดั่งหญิงสาวธรรมดา อืม หญิงสาวธรรมดายังมีบางคนที่มีความคิดอย่างอื่น

หลิวเวยจูงมือของนางพร้อมลุกขึ้นยืน “ได้ พวกเราไปดูกัน”

ในขณะที่เฉินตันจูและหลิวเวยเดินจูงมือกันมาทางนี้ เหล่าคุณหนูต่างยืนรออยู่ด้านนอก มีคนเดินเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ล้วนเข้าไปเป็นกลุ่ม บ้างเจ็ดแปดคน บ้างสี่ห้าคน จากนั้นภายในโถงมีเสียงคารวะดังขึ้น คุณหนูตระกูลนี้ คุณหนูตระกูลนั้นเข้าเฝ้าองค์หญิง จากนั้นได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นดังขึ้น จากนั้นสาวรับใช้ที่ยืนอยู่หน้าประตูกวักมือเรียก เหล่าคุณหนูที่รอคอยจึงเดินเข้าไป…

ภายในโถงมีร่างคนเคลื่อนไหวไปมา เฉินตันจูเขย่งปลายเท้าขึ้นมองไปด้านใน แต่ก็ไม่อาจเห็นรูปลักษณ์ขององค์หญิงจินเหยาได้

เมื่อเห็นเฉินตันจูเดินมา เหล่าคุณหนูที่ยืนอยู่ด้านนอกแลกเปลี่ยนสายตากัน มีคนคิดจะหลบทาง แต่มีคนดึงเอาไว้ไม่ให้หลบ…อยู่ตรงนี้ยังกลัวเฉินตันจูอีกหรือ ตรงนี้อยู่ต่อหน้าองค์หญิง

คุณหนูบางคนสายตาเป็นประกาย อีกทั้งยังเจตนาเดินมาเบียดอยู่ด้านหน้าเฉินตันจู พยายามยั่วยุ

เฉินตันจู มาเลย ตีพวกนางเลย พวกนางยอมเสียสละเพื่อให้องค์หญิงสั่งสอนเฉินตันจู

เฉินตันจูถอยหลังไปเมื่อพวกนางเข้ามาใกล้ตัว ถอยแล้วถอยอีก ถอยจนทุกคนไม่กล้าถอยอีก เฉินตันจูไม่เกรงกลัวแล้วก็ไม่รีบเข้าเฝ้าองค์หญิง แต่พวกนางไม่สามารถ

เหล่าสาวรับใช้ของตระกูลฉางที่เห็นเหตุการณ์ต่างเป็นกังวล โดยเฉพาะเมื่อเห็นหลิวเวยยืนอยู่ข้าง

เฉินตันจู

“ตระกูลเรายังมีผู้ใดไม่ได้เข้าเฝ้าองค์หญิง?” สาวรับใช้คนหนึ่งถาม ในฐานะบ่าวรับใช้ของเหล่าฮูหยิน นางรู้แล้วว่าเฉินตันจูและหลิวเวยรู้จักกันได้อย่างไร ไม่สามารถให้เฉินตันจูไปพร้อมหลิวเวยได้ หากองค์หญิงโมโหเฉินตันจูขึ้นมา เดือดร้อนถึงหลิวเวย ย่อมเท่ากับทำให้ตระกูลฉางเดือดร้อน

“เรียกนางออกมา” สาวรับใช้ตัดสินใจ คุณหนูตระกูลฝ่ายญาติ จะเข้าเฝ้าองค์หญิงหรือไม่ไม่สำคัญ

ดังนั้นจึงมีสาวรับใช้สองคนกวักมือให้หลิวเวยออกมา

หลิวเวยเหลือบมองเฉินตันจู คิดว่าท่านทวดอาจจะตามหานาง เฉินตันจูพยักหน้าต่อนาง “ท่านมีธุระก็ไปเถิด”

หลิวเวยตอบรับ คิดจะจากไป แต่ก็ลังเลเล็กน้อย นางพูดเสียงเบา “เจ้าอย่าทำให้องค์หญิงขุ่นเคือง มีเรื่องอันใด อดทนไว้”

เฉินตันจูมองนาง กล่าวขอบคุณอย่างจริงใจ “ข้ารู้ พี่เวยเวย ขอบคุณท่านมาก”

มีอันใดให้ขอบคุณกัน หลิวเวยหน้าแดง ก้มหน้าเดินจากไป เฉินตันจูมองแผ่นหลังของนางพลันถอนหายใจเสียงเบา

หญิงสาวที่ดีงาม จิตใจมีเมตตา อ่อนโยนเข้าถึงง่าย เมื่อนึกถึงตรงนี้นางก็เม้มปากยิ้ม ไม่ชื่นชอบ

จางเหยาก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว

ชาตินี้พวกเขาทั้งสองคนไม่เกิดการปะทะกัน แยกย้ายจากกันไปด้วยดี ต่างคนต่างมีความสุข

คนด้านหน้าล้วนเข้าไปในโถงใหญ่ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ อาเถียนเรียกขานคุณหนูอยู่ด้านหลังเป็นการเตือน

เฉินตันจูเดินเข้าโถงใหญ่ไป นางมีความอยากรู้ในตัวขององค์หญิงจินเหยาที่เสียไปตั้งแต่อายุน้อยคนนี้จริงๆ เมื่อย่างเท้าเข้าไปในโถง ดวงตากวาดไปรอบด้านพบแต่หญิงสาว เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับงดงาม ด้านหลังโต๊ะตรงกลางมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ สวมชุดสีแดงเหลือบทอง สง่างามอย่างมาก ด้านหลังมีนางในและขันทีอย่างละสองคน มีหญิงสาวอายุมากสองคนกำลังก้มหน้าสนทนาบางอย่างกับนาง บดบังวิสัยทัศน์…คงจะเป็นเหล่าฮูหยินและฮูหยินใหญ่ตระกูลฉาง

เฉินตันจูไม่ได้ขานชื่อ ภายในโถงก็ไม่มีผู้ใดขานชื่อของนาง เมื่อเห็นนางเข้ามา ผู้คนที่เข้ามาก่อนหน้านี้ล้วนชะงักเสียงสนทนาลง ทันใดนั้นเงียบสงัด

ความเงียบนี้ทำให้ฮูหยินตระกูลฉางหยุดการสนทนาลง นางหันกลับมา ทำให้เฉินตันจูมองเห็นใบหน้าขององค์หญิงจินเหยา

อายุสิบเจ็ดสิบแปด ใบหน้ากลม ดวงตาเรียวยาว ข้างแก้มมีลักยิ้มที่เด่นชัดแม้จะไม่ยิ้ม อีกทั้งชุดสีแดงที่แซมด้ายสีทองบนตัวนั้น ทำให้นางดูสง่างามและสูงส่ง

รูปลักษณ์งดงาม แต่งกายงดงาม เฉินตันจูจ้องมองปิ่นปักผมของนางเป็นเวลานาน วันนี้องค์หญิง

จินเหยาหวีผมทรงสูง ปักปิ่นมณีทั้งเจ็ด งดงามไม่ธรรมดา

องค์หญิงจินเหยาก็มองมายังนาง

เมื่อสบเข้ากับสายตาขององค์หญิงจินเหยา เฉินตันจูหลุบตาต่ำคารวะ “เฉินตันจูคารวะองค์หญิง”

เสียงสดใสดังขึ้นมาจากด้านบน “เจ้าคือเฉินตันจูหรือ”

เฉินตันจูตอบรับ

เสียงสดใสนั้นไม่ได้เรียกให้ลุกขึ้นเหมือนคุณหนูก่อนหน้านี้ หากแต่บอกว่า “ข้ายังคิดว่าเจ้าจะไม่คารวะข้าเสียอีก”

ทั้งโถงเงียบสงัด

คำพูดนี้เป็นการแอบตำหนิว่าเฉินตันจูยโสโอหังหรือ

เหล่าคุณหนูเบียดตัวอยู่ด้วยกัน ทั้งกังวลทั้งตื่นเต้น จะเกิดเรื่องใดขึ้น

“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร” เฉินตันจูเงยหน้าขึ้น ยิ้มให้องค์หญิงจินเหยา “หม่อมฉันไม่ใช่คนป่าที่ไม่รู้กิริยา”

องค์หญิงจินเหยาหัวเราะ กวักมือ “เจ้าเดินเข้ามาให้ข้าดู”

เฉินตันจูเดินเข้าใกล้โต๊ะ องค์หญิงจินเหยามองพินิจนางอย่างตั้งใจดั่งที่พูด จากนั้นพยักหน้า “รูปลักษณ์งดงาม”

เฉินตันจูมององค์หญิงจินเหยา “องค์หญิงก็เช่นกันเพคะ สง่างามเสียยิ่งกว่าที่หม่อมฉันจินตนาการเอาไว้”

องค์หญิงจินเหยาหัวเราะเสียงเบา

เหล่าคุณหนูภายในโถงมองหน้ากันและกัน แอบเบะปากเล็กน้อย เฉินตันจูนี้ช่างข่มเหงแต่คนด้านล่าง มีปัญญาเจ้าก็ยโสโอหังต่อหน้าองค์หญิงเหมือนเคยสิ

ไม่ว่าอย่างไร งานเลี้ยงนี้จัดขึ้นโดยตระกูลพวกนาง ปลอดภัยไว้เป็นดีที่สุด ทั้งโถงไม่มีคนพูด

เหล่าฮูหยินตระกูลฉางในฐานะเจ้าภาพมีสิทธิ์ที่จะพูด นางถามสาวรับใช้ “เหล่าคุณหนูมาครบแล้วหรือไม่”

สาวรับใช้ตอบรับ

เหล่าฮูหยินตระกูลฉางมองไปยังองค์หญิงจินเหยาอีกครั้ง “งานเลี้ยงทางห้องรับรองแขกเตรียมไว้เสร็จสิ้นแล้ว เชิญองค์หญิงเสด็จ”

องค์หญิงจินเหยาพยักหน้าบอกว่าได้ นางในด้านข้างยื่นมือ องค์หญิงจินเหยาพยุงนางลุกขึ้นมา

เหล่าฮูหยินตระกูลฉางเดินตามอยู่ด้านหลัง พลางแนะนำ “งานเลี้ยงจัดขึ้นเพื่อให้เหล่าคุณหนูได้เล่นสนุก เตรียมไว้สองพื้นที่ คนอายุมากอย่างพวกข้าอยู่ด้านข้าง ส่วนหญิงสาวอายุน้อยอยู่อีกพื้นที่หนึ่งของตนเอง จะได้เล่นสนุกกันอย่างไม่เกร็ง”

องค์หญิงจินเหยาพูดด้วยรอยยิ้ม “เหล่าฮูหยินคำนึงได้ดี”

พวกนางเดินไปก่อน เหล่าคุณหนูคนอื่นในโถงต่างย่างเท้าเดินตามไป เฉินตันจูหลบทางให้ เตรียมตัวถอยหลังไปทีละก้าวเหมือนก่อนหน้านี้ ถอยจนไปอยู่หลังสุด เมื่อถึงเวลายังสามารถนั่งอยู่ท้ายสุด กินได้อย่างสบายใจ

แต่องค์หญิงจินเหยาชะงักลง มองคนที่เดินตามมาทั้งสองข้าง ก่อนจะมองเฉินตันจูที่ถอยไปด้านหลัง

“เฉินตันจู” นางเรียกขาน “เจ้ามานั่งด้วยกันกับข้า”

เมื่อได้ยินองค์หญิงพูดเช่นนี้ คนอื่นไม่มีสีหน้าอิจฉาแต่อย่างใด ดูเถิด องค์หญิงย่อมต้องหาเรื่องนาง พวกนางหลบทางให้อย่างดีใจ ผลักเฉินตันจูออกมา

เฉินตันจูถอนหายใจภายในใจ ทำได้เพียงตอบรับก่อนจะเดินขึ้นมา

บุปผาลิขิตแค้น

บุปผาลิขิตแค้น

Status: Ongoing

นิยายโรแมนติก ชิงไหวชิงพริบเข้มข้น เจ้าของผลงานหวนชะตารัก

ท่ามกลางยุคสมัยอันวุ่นวาย เฉินตันจู บุตรสาวราชครูในท่านอ๋องอู๋

หนึ่งในท่านอ๋องที่ตั้งตนเป็นใหญ่ได้ย้อนเวลากลับมาครั้นเมื่อตนอายุสิบห้าปี

ครั้งที่บิดาและครอบครัวยังไม่ถูกสังหารด้วยแผนการร้ายของพี่เขย

เมื่อได้ย้อนกลับมาปณิธานของนางย่อมเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาของตระกูลให้ไม่พบจุดจบดังเดิม

ถึงแม้การทำเช่นนั้นจะทำให้นางถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ทรยศและถูกผลักไส

แต่เพื่อความสุขของคนที่รักนางพร้อมยอมแลกทุกสิ่ง เมื่อก้าวเดินของนางเปลี่ยนแปลงชะตาเดิม

เมื่อนั้นนางก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นส่วนหนึ่งในวังวนของการแก่งแย่งเสียแล้ว

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท