ความคึกคักของจวนตระกูลฉางแห่งตงเจียวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
จวนใหญ่ของตระกูลฉางตกแต่งด้วยสีสันแพรวพราว คนเดินไปเดินมาจำนวนมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ตระกูลฉางจัดงานเลี้ยงใหญ่ถึงเพียงนี้ ญาติมิตรต่างเดินทางมาช่วยจัดงาน ทำให้ไม่มีสิ่งขาดตกบกพร่องมากนัก
ถึงแม้จะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงล่องเรือของเหล่าหญิงสาวในตระกูล แต่นอกจากนายหญิงที่พาคุณหนูใหญ่เดินทางมา ยังมีเหล่านายท่านจำนวนไม่น้อย เหล่านายท่านของเมืองอู๋เดิมเดินทางมาเพื่อองค์หญิง โอกาสที่จะได้พบองค์หญิงมีไม่มาก ไม่ว่าอย่างไรย่อมต้องมาเห็นกับตา ส่วนเหล่านายท่านของเมืองซีจิงมาเพื่อเฉินตันจู เพราะว่าครั้งก่อนเสียเปรียบ ครั้งนี้พวกเขาต้องจับตาอย่างระมัดระวัง ป้องกันตระกูลของตนเองถูกเฉินตันจูหลอกใช้อีกครั้ง
เหล่านายท่านนั่งอยู่ในโถงด้านหน้าของจวนใหญ่ มีนายท่านฉางและเหล่าชายหนุ่มในตระกูลรับรอง ส่วนเหล่าหญิงสาวถูกพาเข้าไปที่ด้านหลังจวน เหล่าฮูหยินตระกูลฉางและเหล่าสะใภ้เป็นผู้ต้อนรับ หลังจากเหล่าคุณหนูทักทายผู้อาวุโสแล้วจึงถูกเชิญไปยังห้องรับรองแขก มีเหล่าคุณหนูแห่งตระกูลฉางคอยรับรอง
ตระกูลฉางแห่งตงเจียวเป็นตระกูลที่มีจำนวนคนมาก แต่หลิวเวยรู้สึกว่านี่เป็นครั้งแรกที่พบคนจำนวนมากเพียงนี้ นางยืนกวาดตามองอยู่บริเวณมุมหนึ่งของห้อง ภายในห้องมีเหล่าคุณหนู พวกนางพูดภาษาทางราชการอย่างชัดถ้อยชัดคำ แสดงให้เห็นถึงฐานะของเหล่าคุณหนูแห่งตระกูลใหญ่จากเมืองซีจิง
เวลานี้บนท้องถนนมีเหล่าหญิงสาวที่เดินทางมาจากเมืองซีจิงจำนวนมาก แต่ว่าเหล่าคุณหนูของตระกูลใหญ่ออกจากจวนน้อยครั้ง กิริยาท่าทางของพวกนางแตกต่างจากหญิงสาวจากเมืองซีจิงที่พบเห็นตามท้องถนน หลิวเวยมองด้วยความสงสัย
“เวยเวย” อาอวิ้นเดินเข้ามา “เจ้าอยู่ตรงนี้เอง”
หลิวเวยพยักหน้าให้นาง อาอวิ้นยัดขนมในมือชิ้นหนึ่งให้นาง “เจ้าลองชิมขนมนี้ คุณหนูตระกูลเผิงนำมา บอกว่าเป็นขนมจากเมืองซีจิง ในเมืองของพวกเราไม่มี”
นอกจากของขวัญเยี่ยมเยือนจากเหล่านายหญิงแล้ว เหล่าคุณหนูก็นำของขวัญเล็กน้อยอย่างขนมหรือของเล่นมาด้วย เพื่อใช้เป็นสิ่งของสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเหล่าหญิงสาว
หลิวเวยมองผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายดอกโบตั๋นในมือ ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด ทางนั้นก็มีคนตะโกนเรียกขึ้น “อาอวิ้น”
อาอวิ้นหันกลับไปมอง พบว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูจากทางจวนใหญ่
“รีบมา” นางเรียก ก่อนจะแนะนำต่อหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงที่ยืนอยู่ด้านข้าง “ผู้นี้คือบุตรสาวของตระกูลท่านลุงรองของข้า นามว่าอาอวิ้น” ก่อนจะโบกมือต่ออาอวิ้น “รีบมา เจ้านำคุณหนูหวงไปชมต้นไทรในตระกูลพวกเรา คุณหนูหวงบอกว่าก่อนเข้าประตูมาก็เห็นต้นไม้สีแดงที่ตั้งสูงตระหง่าน”
เหล่าคุณหนูในตระกูลต่างต้องรับรองแขก อาอวิ้นรีบตอบรับ ก่อนจะเดินออกมาอย่างไม่ทันได้พูดคุยกับหลิวเวย หลิวเวยยืนบีบผลไม้รูปดอกโบตั๋นอยู่ด้านหลังประตูทางเดิน มองดูเหล่าคุณหนูในตระกูลวุ่นวาย มีคนมองมายังนางด้วยความสงสัย ก่อนจะชี้ถาม หลิวเวยยืนอยู่ระยะไกลได้ยินไม่ชัด แต่สามารถรู้ได้จากรูปปากของเหล่าคุณหนูตระกูลฉาง “นางเป็นคุณหนูท่านหนึ่งจากตระกูลของเหล่าฮูหยิน…”
แสดงว่ามาเป็นแขกเช่นเดียวกัน ไม่ใช่คนของตระกูลนี้ ดังนั้นเหล่าคุณหนูที่มาเป็นแขกจึงหมดความสนใจ แม้แต่ชื่อของญาติยังบอกไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ตระกูลใหญ่
หลิวเวยยืนโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางความคึกคักนี้ ช่างเถิด นางกลับห้องเสียดีกว่า ในขณะที่กำลังจะหันหลังเดินจากไป มีคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องรับรองแขก ก่อนจะพูดเสียงดังก้องกังวาน “เฉินตันจูมาแล้ว! เฉินตันจูมาแล้ว!”
เสียงตะโกนนี้ทำให้เสียงสนทนาในห้องรับรองแขกเงียบลงอย่างกะทันหัน
อีกทั้งยังมีหญิงสาวบางคนที่เคยได้ยินชื่อเสียงของเฉินตันจู หลุดปากถามออกมาด้วยความกังวล “ทำอย่างไร”
คุณหนูที่อยู่ด้านข้างเดิมทีก็กังวล แต่ถูกคำพูดของอีกฝ่ายทำให้หลุดหัวเราะออกมา “กลัวอันใด ที่นี่คือตระกูลฉาง ไม่ใช่บนภูเขาของนาง พวกเราไม่ได้ทำอันใดนาง หรือนางมาเพื่อหาเรื่อง”
คนอื่นต่างก็ตั้งสติได้ ทั้งโกรธทั้งตลก อีกทั้งบางคนยังเกิดความละอาย
ใช่ ที่นี่คือตระกูลฉาง คุณหนูของตระกูลฉางต่างเรียกพี่น้อง “ไป พวกเราไปต้อนรับ”
พี่น้องเจ็ดแปดคนของตระกูลฉางเดินออกไปด้านนอก ภายในห้องรับรองแขกมีเสียงวิจารณ์ดังขึ้นอีกครั้ง
“พวกเจ้าไม่รู้หรือ เหตุใดเฉินตันจูจึงเดินทางมาเร็วเพียงนี้ คนบนถนนเดินทางช้าอย่างมาก เฉินตันจูนั้นใช้แส้ม้าขับไล่ให้ทุกคนหลีกทางอย่างไม่สนใจสิ่งอื่นใด หากผู้ใดขวางทาง นางก็ตีผู้นั้น” มีคุณหนูคนหนึ่งพูดขึ้นเสียงเบา
“มิน่าพี่สาวตระกูลฉีลงจากรถม้าไม่ได้ บอกว่าถูกชนเข้าบนถนน ทำให้ผมหลุดออกมาต้องหวีใหม่” คุณหนูอีกคนพูด “ข้ายังคิดอยู่ว่าผู้ใดกล้าชนนาง ที่แท้ก็…”
เมื่อได้ยินบทสนทนาของเหล่าคุณหนู ทำให้คุณหนูตระกูลฉางทั้งหลายที่กำลังจะพบเฉินตันจูเป็นครั้งแรกยิ่งกังวล เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องรับรองแขก เห็นด้านหน้ามีคนเยื้องย่างเดินเข้ามา ดวงตาของพวกนางลุกวาวเป็นประกาย…
พวกนางหยุดชะงักเท้าอย่างไม่รู้ตัว เสียงสนทนาภายในห้องรับรองแขกเงียบลงอีกครั้ง ทุกสายตาจับจ้องไปยังหญิงสาวที่เดินเข้ามา
ถึงแม้ชื่อเสียงของเฉินตันจูจะถูกร่ำลือกันมานาน แต่หญิงสาวที่เคยพบนางมีไม่มาก สาเหตุหนึ่งเพราะนางอายุน้อย ตระกูลเฉินไม่พานางเข้าออกงานของเหล่าชนชั้นสูงเมืองอู๋ ต่อมาชื่อเสียงโหดเหี้ยมของนางถูก
ร่ำลือ ทำให้ทุกคนต่างหลบเลี่ยงการพบปะกับนาง ชนชั้นสูงเมืองอู๋ต้องประจบนางอย่างจำยอม เลือกคุณหนูคนหนึ่งออกมาก็ถือว่าจริงใจมากแล้ว…
เมื่อได้ยินชื่อเสียงมานาน ภายในใจของพวกนางจึงจินตนาการรูปลักษณ์โหดเหี้ยมออกมา เมื่อเวลานี้เห็นหญิงสาวที่เดินเข้ามา ทันใดนั้นจึงพูดไม่ออก นางไม่เพียงไม่โหดเหี้ยม อีกทั้งยังงดงามมาก
อายุสิบหกสิบเจ็ดปี ใบหน้างดงามดุจดอกไม้ ดวงตากลมโตสดใส ท่าทางฉลาดเฉลียว งดงามน่าเอ็นดู นางหวีผมทรงไป่ฮวา ปักปิ่นทองห้าสี สวมชุดกระโปรงสีเขียวแซมเหลือง คนทั้งคนดูสดใสดุจดั่งต้นหลินในฤดูร้อน
คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉางลิ้นพันกันขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก “คุณหนูตัน ตันจู”
เฉินตันจูยิ้ม “ข้าชื่อตันจู ไม่ได้ชื่อตันตันจู”
หญิงสาวด้านข้างที่เหม่อลอยอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว นางเอื้อมมือปิดปากเอาไว้ แย่แล้ว นางจะถูกตีหรือไม่
เฉินตันจูไม่แม้แต่จะมองนาง หากแต่ย่อเข่าคารวะคุณหนูใหญ่ตระกูลฉางที่หน้าแดงก่ำทำตัวไม่ถูก “ทักทายคุณหนูฉาง”
คุณหนูใหญ่ตระกูลฉางรีบตอบกลับ “ทักทายคุณหนูตันจู” ก่อนจะหันหลังนำทางเชิญเข้าไปด้านใน “รีบเข้ามาเถิด” พลางชี้ไปยังเหล่าพี่น้องที่ทำความเคารพก่อนจะลุกขึ้นอย่างเร่งรีบ “เหล่านี้คือน้องสาวในตระกูล…”
นางยังพูดไม่ทันจบก็เห็นน้องสาวคนหนึ่งเบิกตาโตราวกับเห็นผี จากนั้นหลุดพูดออกมา “อ้า เจ้า…”
คุณหนูของจวนสองที่ไม่อาจเป็นตัวแทนตระกูลได้ ถึงแม้ว่าภายในใจของนางจะกลัวเพียงใดก็ไม่อาจแสดงออกมา หากทำให้คุณหนูตันจูโกรธ…คุณหนูของจวนใหญ่ตระกูลฉางทั้งละอายทั้งขุ่นเคืองขึ้นมาทันที ยังไม่ทันได้ตำหนิ เฉินตันจูก็เดินผ่านนางไปยังด้านหน้าของคุณหนูนั้นแล้ว
ไม่มีการสะบัดมือกระทบหน้าของอีกฝ่าย ไม่มีเสียงก่นด่าด้วยความขุ่นเคือง มีเพียงรอยยิ้ม
“คุณหนูอาอวิ้น” นางพูด “เจอกันอีกแล้ว”
อาอวิ้นหุบปากไม่ลง ทำได้เพียงส่งเสียงสองที พี่น้องข้างตัวล้วนตกตะลึง คุณหนูตันจูรู้จักอาอวิ้น?
อาอวิ้นออกแรงปิดปากลง ในขณะที่กำลังจะพูด เฉินตันจูก็แทรกขึ้นอีกครั้ง ไม่มองนาง หากแต่มองซ้ายมองขวา “คุณหนูเวยเวยเล่า”
“เวยเวยหรือ” อาอวิ้นกลืนน้ำลาย “นาง…”
นางนึกอะไรไม่ออกขึ้นมาในเวลาหนึ่ง ในหัวของนางสับสนเล็กน้อย ก่อนจะมองไปรอบด้านด้วยความสับสน เวยเวยอยู่ที่ใด เวยเวยคือผู้ใด
เหล่าคุณหนูรอบด้านต่างได้ยิน เพราะตอนที่เฉินตันจูพูด ภายในห้องเงียบสงบอย่างมาก ทันใดนั้นพวกนางต่างมองไปรอบด้าน พร้อมซักถาม
“เวยเวย?”
“คุณหนูเวยเวยคือผู้ใด”
“ผู้ใดคือเวยเวย”
ส่วนคุณหนูเวยเวยที่อยู่ด้านหลังเสาทางเดินในเวลานี้หันหลังกลับมา เมื่อได้ยินว่าคุณหนูเฉินตันจูเดินทางมาถึง นางจึงอยากเห็นด้วยความสงสัย แต่คนในห้องมีจำนวนมาก ร่างคนที่ขยับไปมาเบียดบังสายตา ทำให้นางมองไม่เห็นแม้แต่น้อย เมื่อได้ยินว่ามีคุณหนูคนหนึ่งบอกว่าเฉินตันจูควบม้าชนคนเข้า…นางรู้สึกเพียงน่ากลัว
ช่างเถิด นางหลบออกไปดีกว่า อย่าได้ไม่ระวังทำให้คุณหนูตันจูขุ่นเคือง นางเป็นเพียงคุณหนูผู้เป็นญาติของตระกูลฉาง เมื่อถึงเวลาไม่มีผู้ใดปกป้องนางได้ ท่านยายของนางรักใคร่นางเพียงใดก็ไม่อาจปกป้องนางได้…
นางก้มหน้าเดินไปด้านหลัง
อาอวิ้นมองหาเวยเวยไปทั่ว แต่คุณหนูภายในห้องมีจำนวนมากเกินไป ไม่ว่าตามหาอย่างไรก็ไม่เห็นร่างของหลิวเวย นางเพิ่งนึกได้ว่าก่อนหน้านี้พบหลิวเวยที่ใด จากนั้นชี้นิ้วออกไปพร้อมตะโกนเสียงดัง “เวยเวย! รีบออกมา!”
คุณหนูตระกูลฉางคนอื่นต่างตั้งสติกลับมาได้ เวยเวยคงจะไม่ใช่เวยเวยกระมัง
ตามการชี้ของอาอวิ้น เหล่าคุณหนูที่ยืนอยู่ทางนั้นรีบหลบทาง เฉินตันจูจึงมองเห็นแผ่นหลังที่อยู่ด้านหลังเสาของทางเดิน
หลิวเวยได้ยินเสียงตะโกนจึงหันกลับมาอย่างฉงน ยังไม่ทันถามว่ามีเรื่องอันใด นางก็เห็นหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาอย่างดีใจ
“พี่เวยเวย” นางตะโกน ก่อนจะเดินไปถึงด้านหน้าของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว นางจับมือของหลิวเวยขึ้นมา ก่อนจะพูดขึ้น “ข้ามาเล่นกับท่าน”
มาเล่นกับนาง?
ภายในห้องรับรองแขกเงียบสงัด สายตาของทุกคนจับจ้องไปยังหลิวเวย