ตอนที่ 18 ป้าที่ชอบเอาเปรียบ
ใบหน้าของคุณย่าฟางเคร่งขรึมลงทันที “สกุลอู๋คนนั้นไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ก่อนหน้านั้นก็เอาแต่ถามฉันและปู่ของเธอทุกวันว่าเธอขนเกาลัดมากมายขนาดนั้นไปขายในเมืองใช่ไหม ขายที่ไหน ฉันกับปู่ของเธอไม่ยอมบอกหล่อน หล่อนกลับไม่ยอมแพ้ ไปถามเธออีก ช่องทางหาเงินใครเขาบอกคนอื่นกัน หล่อนยังหน้าด้านไปถามอีก!”
หลินม่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หล่อนยังโกหกฉันว่าเป็นมิตรกับคุณยายด้วย”
คุณย่าฟางกระตุกมุมปากอย่างเหยียดหยาม “เป็นมิตรกับหล่อนเนี่ยนะ? หล่อนไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูคุณธรรมของตัวเองเลยหรือไร!”
แม้ว่าอาหารมื้อค่ำจะมีกับข้าวแค่สองอย่าง คือหัวไชเท้าต้มกระดูกหมูหนึ่งจาน ไส้หมูผัดพริกแห้งและผักดองหนึ่งจาน แต่ก็มีปริมาณมากพอที่ทุกคนจะได้กินอย่างอิ่มหนำสำราญ
ฝีมือเข้าครัวของคุณย่าฟางไม่เลวเลย ซุปหัวไชเท้าต้มกระดูกหมูนั้นมีรสชาติหวานละมุนลิ้น ไส้หมูผัดซอสเปรี้ยวหวานก็เรียกน้ำย่อยได้ดี
คุณปู่ฟางดื่มเหล้าไปสองแก้วโดยมีผัดไส้หมูเป็นกับแกล้ม
เมื่อลืมตาตื่น ก็ถึงเช้าวันอาทิตย์อีกแล้ว
เช้าวันนี้คุณย่าฟางอุ่นบะหมี่กับซุปหัวไชเท้ากระดูกหมูที่เหลือจากเมื่อคืน
สองแม่ลูกหลินม่ายกินบะหมี่ซุปกระดูกหมูชามใหญ่อย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็หยิบอาหารกล่องที่คุณย่าฟางเตรียมไว้ออกไปขายเกาลัดในเมืองด้วยความเบิกบานใจ
หลี่เถียหนิวยังคงมาส่งพวกหล่อนขึ้นรถไฟอย่างซื่อสัตย์ก่อนจากไป
ทันทีที่ขึ้นรถไฟมา โต้วโต้วก็จับชายเสื้อของหลินม่ายไว้แน่น พร้อมกับแอบชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งด้านหน้า
“แม่คะ แม่ดูสิ คุณยายนิสัยเสียที่ขวางทางแม่เมื่อวานตอนบ่ายก็ขึ้นรถไฟมาด้วย”
อย่ามองว่าโต้วโต้วเป็นแค่เด็ก หล่อนกลับตาดีเชียวล่ะ
เมื่อวานตอนค่ำ ระหว่างที่หลินม่ายและสองปู่ย่าสกุลฟางกำลังคุยกันขณะที่ล้างไส้หมูนั้นหล่อนก็นั่งฟังอย่างตั้งอกตั้งใจอยู่ข้าง ๆ ทั้งยังตัดสินคนคนนั้นในใจ หล่อนจึงเรียกหญิงหน้าไว้หลังหลอกสกุลอู๋คนนี้ว่าคุณน้านิสัยเสีย
ตอนที่เดินเข้ามาในรถไฟ หลินม่ายเจอกับหญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้นแล้ว และรู้ด้วยว่าหล่อนตั้งใจสะกดรอยตามเธอ เพราะอยากเห็นว่าเธอขนเกาลัดเหล่านั้นไปส่งที่ไหนกันแน่
ดูท่าหล่อนคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ต่อให้ตัวเองขนเกาลัดเหล่านี้ไปส่งให้กับโรงอาหารของรัฐจริง ๆ หล่อนก็ต้องงัดเอาไม้ตาย มาแย่งธุรกิจไปจนได้อยู่ดี
ในเมื่อหล่อนไม่มีคุณธรรมกันแบบนี้ คิดจะแย่งธุรกิจไปจริง ๆ หลินม่ายก็ขวางไม่ได้ ถึงตอนนั้นได้แค่ปล่อยเลยตามเลย
หลินม่ายกอดเด็กสาวไว้ในอ้อมกอด “ทุกคนนั่งรถไฟขบวนนี้ได้ ไม่ต้องไปสนใจหล่อน”
หลังจากนั้นก็สอดสายตามองหาชายหนุ่มที่พอมีความซื่อสัตย์สักคนมาช่วยขนเกาลัดเหล่านั้นไปส่งที่บ้านแม่เฒ่าผางต่อไป
หญิงหน้าไหว้หลังหลอกคอยตามหลังมาตลอดทางแต่หลินม่ายกลับทำเป็นไม่รู้
กระทั่งเปิดแผงขาย เธอก็เริ่มคั่วเกาลัด
หญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้นแอบดูเธอค้าขายอยู่ในมุมที่ลับตาคน พลางกัดฟันกรอดพร้อมกับพึมพำกับตัวเองว่า “โกหกฉันว่าขนเกาลัดมาส่งให้โรงอาหารของรัฐ เห็น ๆ อยู่ว่าขนมาขาย! ยิ่งกลัวฉันแย่งกิจการของเธอเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากแย่งกิจการของเธอมากขึ้นเท่านั้น!”
ค้าขายในวันอาทิตย์ค่อนข้างขายดี หลินม่ายยุ่งจนมือพันเหมือนหนวดปลาหมึกเลยทีเดียว
หลานชายของแม่เฒ่าผางสนิทกับโต้วโต้วแล้ว จึงลากตัวโต้วโต้วไปเล่นกับเพื่อนตัวน้อยด้วยกัน
แต่โต้วโต้วส่ายหน้า “ฉันจะอยู่ข้าง ๆ แม่ ช่วยแม่ขายของ”
เด็กผู้ชายจึงออกไปเล่นกับเพื่อนคนเดียวโดยไม่สนใจหล่อนอีก
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงสิบโมงกว่า คนที่แห่กันมาซื้อเกาลัดเริ่มมากขึ้น
หลินม่ายทั้งคั่วทั้งขายในเวลาเดียวกัน ยุ่งจนตัวเป็นเกลียว
จู่ ๆ โต้วโต้วก็ดึงชายเสื้อของเธอ ด้วยสีหน้าจริงจัง สายตาคู่นั้นจ้องมองคุณป้าคนหนึ่ง “คุณป้าคนนั้นไม่จ่ายเงิน”
หลินม่ายให้เกาลัดกับใคร ใครบ้างไม่จ่ายเงิน หล่อนจำได้อย่างชัดเจน
เธอเงยหน้ามองหญิงชราคนนั้นแวบหนึ่ง จนแน่ใจ ว่าหล่อนไม่จ่ายเงินจริง ๆ แต่กลับถือโอกาสตอนที่คนกำลังเยอะแอบชิ่งหนีไป
หลินม่ายเรียกหล่อนไว้ แล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน “คุณป้าคนนั้น ช่วยจ่ายเงินให้ฉันด้วย”
คุณป้าคนนั้นตะโกนออกมาอย่างฉุนเฉียวทันที “เธอทำแบบนี้ได้ยังไง เห็น ๆ อยู่ว่าฉันจ่ายเงินแล้ว!”
“ป้ายังไม่จ่าย!” หลินม่ายเอ่ย “ถ้าป้าจ่ายแล้วฉันจะมาทวงจากป้าทำไม ป้าดูสิว่าฉันไปทวงเงินจากคนอื่นไหม?”
“ฉันจ่ายแล้ว คนตั้งเยอะเสียขนาดนั้น เธอจำผิดแล้ว!” ป้าคนนั้นยังคงกัดฟันพูด
ลูกค้าที่มาซื้อเกาลัดเหล่านั้นเห็นคุณป้าแต่งกายดูไม่เลว ทั้งยังไม่มีท่าทีร้อนตัวแม้แต่น้อย ทุกคนต่างเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“มีความเป็นไปได้ว่าแม่หนูคนนี้จำผิดแน่นอน ใครจะไปเอาเปรียบกับอีแค่เศษเงินเพียงน้อยนิด”
“คนซื้อเยอะ คนขายก็มึนงง คนเขาจ่ายแล้วก็ดันมาทวงเงินอีก”
เรื่องนี้คงเอาผิดไม่ได้ ประกอบกับที่ตนกำลังวุ่นกับกิจการ หลินม่ายจึงจำใจต้องปล่อยไป
แต่คุณป้าคนนั้นกลับลำพองใจ ด่าสาดเสียเทเสีย “ไม่ใช่เพราะเห็นเธอจูงมือเด็กน้อยผู้น่าสงสาร แล้วจะมาใส่ร้ายฉันได้นะ ฉันอาจจะถล่มแผงลอยของเธอได้นะ!”
โต้วโต้วหน้าแดงก่ำ แล้วเอ่ยปากพูดอย่างกล้าหาญ “แม่ของหนูจำไม่ผิดหรอก เพราะหนูเป็นคนบอกแม่เองว่าคุณป้าไม่จ่ายเงิน หนูช่วยแม่ดูอยู่ว่าใครจ่ายเงินแล้ว ใครยังไม่จ่ายเงินอยู่ตรงนี้”
ประโยคเพียงไม่กี่คำของสาวน้อยพลิกสถานการณ์จากหน้ามือเป็นหลังมือทันที ทุกคนเบี่ยงสายตามายังคุณป้าคนนั้น แม้แต่คำวิพากวิจารณ์ก็เปลี่ยนไป
“เด็กน้อยคงไม่พูดโกหกหรอกมั้ง ดูท่าคุณป้าคนนี้คงจะเอาเปรียบจริง ๆ”
“บางคนภายนอกดูสง่าชาติตระกูล แต่การกระทำกลับสถุนสิ้นดี”
คุณป้าเคนนั้นทั้งโกรธทั้งอับอาย หวดมือเตรียมฟาดโต้วโต้ว “ฉันให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างแกมากล่าวหาฉันมั่วซั่วได้งั้นเหรอ!”
หลินม่ายเห็นดังนั้นก็วางมือลง แล้วออกโรงปกป้องโต้วโต้ว ฝ่ามือของคุณป้าคนนั้นจึงฟาดลงมาบนหลังของเธอ ฟาดจนเซไถลไปด้านข้าง
ในเมื่อลงมือไม้ลงมือ อย่างหวังเรื่องจะจบง่าย ๆ
คนในยุคสมัยนี้ค่อนข้างรักความยุติธรรมมาก มีลูกค้าหลายคนเดินเข้ามาล้อมคุณป้าคนนั้นไว้ แล้วออกโรงพูดแทนสองแม่ลูกหลินม่าย
คุณป้าคนนั้นดิ้นไม่หลุด กระโดดโลดเต้น ปากพร่ำบอกว่าจ่ายแล้ว โต้วโต้วต่างหากที่ใส่ร้ายหล่อน
ลูกค้าหลายคนจึงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “อย่าว่าแต่เด็กคนนั้นจะใส้ร้ายเธอหรือไม่เลย ต่อให้ใส่ร้ายเธอ เธอก็ไม่มีสิทธิ์ลงไม้ลงมือ แถมยังตีอย่างหนักหน่วงด้วย!”
คุณป้าคนนั้นเท้าเอว “แล้วฉันตีโดนเด็กมันแล้วรึยังเล่า!แต่ละคนก็เอาแต่แยกเขี้ยวยิงฟันกัดแต่คนอื่น!”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าโต้วโต้วนั้นโกรธจนตาแดงก่ำน้ำตาหลั่งรินแล้ว
…..
ฟางจั๋วหรานหัวหน้าศัลยกรรมที่อายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาลผู่จี้กว่าจะมีเวลาพักผ่อนสักวันไม่ใช่เรื่องง่าย
เขาตื่นนอนตอนเก้าโมงเช้า ล้างหน้าบ้วนปาก ตั้งใจจะลงไปทำงานวิจัยในโรงพยาบาลตั้งแต่เช้า
เขาถือหนังสือคาบวิจัยสำหรับทำวิจัยหลายเล่มในมือ
ทันทีที่เปิดประตูออกมา ก็เห็นหวังหรงที่แต่งหน้าสะสวย แต่งตัวตามสมัยนิยมยืนรอเขาอยู่หน้าประตู กำลังยกมือเตรียมเคาะห้องเขาอยู่พอดี
เมื่อหวังหรงเห็นฟางจั๋วหราน หล่อนก็คลี่ยิ้มอย่างสดใสราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน แต่เขากลับมีสีหน้าเย็นชา
แม้จะบอกว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องที่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็เห็นหล่อนเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น แต่หวังหรงกลับเกิดความรู้สึกเกินเลยกับเขา ทั้งยังสารภาพรักกับเขาหลายครั้ง
แม้ทุกครั้งจะถูกเขาปฏิเสธไป แต่ญาติผู้น้องคนนี้กลับไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าจะยุ่งหรือไม่ยุ่งก็คอยตามเกาะแกะเขาไม่เลิก ให้เขาปวดหัวได้ทุกเวลา
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วันหยุดทำไมไม่นัดเพื่อนออกไปชอปปิ้งข้างนอก มาหาฉันทำไม?”
หวังหรงเบิกตากว้างมองเขาด้วยความประหลาดใจ “พี่ พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันเกิดครบ 60 ปีของคุณยายฉัน ? อาทิตย์ที่แล้วฉันเตือนพี่แล้วนะ”
ฟางจั๋วหรานกะพริบตาด้วยความลำบากใจ “ทำงานยุ่ง เลยลืมสนิท…”
หวังหรงดุเขาด้วยท่าทางออดอ้อน “ทำไมพี่ถึงลืมวันเกิดคุณยายได้ ? พี่ก็คือคนที่คุณยายของฉันเลี้ยงมากับมือเหมือนกัน”
ฟางจั๋วหรานนึกละอายอยู่ในใจ
หวังหรงพูดถูก ทำไมเขาถึงลืมคุณยายของหล่อนไปเสียได้ นั่นมันวันเกิดคุณย่าของเขาเชียวนะ!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อิป้าสองคนนี้น่าตบคนละป้าบ คิดจะมาทำลายกิจการของม่ายจื่อเหรอ
เป็นญาติกันรักกันแบบชู้สาวได้เหรอ มันเป็นเรื่องต้องห้ามไม่ใช่หรือไง
ไหหม่า(海馬)