แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 27 ระดมให้ชาวบ้านไปตั้งแผงขายของในเมือง

ตอนที่ 27 ระดมให้ชาวบ้านไปตั้งแผงขายของในเมือง

ตอนที่ 27 ระดมให้ชาวบ้านไปตั้งแผงขายของในเมือง

เมื่อหลินม่ายออกจากบ้านเถียหนิวมาถึงบ้านคุณย่าฟาง คุณปู่ฟางก็ได้ติดต่อรถแทรกเตอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว

คุณปู่ฟางบอกค่าเช่ารถกับเธอ ขนส่งรอบเมืองหนึ่งครั้งคิดเป็นเงินห้าสิบหยวน

หลินม่ายหยิบเงินสองร้อยหยวนให้กับคุณปู่ฟาง “นี่คือเงินค่ารับซื้อเกาลัดที่คุณปู่สำรองจ่ายไปก่อนวันนี้ค่ะ”

คุณปู่ฟางโบกมือ “เธอไม่ต้องรีบคืนเงินให้ฉันหรอก ต้องคำนึงถึงต้นทุนในการทำธุรกิจก่อนว่าเพียงพอหรือเปล่า”

หลินม่ายยัดเงินให้เขา “พอค่ะ ถ้าไม่พอหนูค่อยยืมคุณปู่”

จากนั้นก็ให้เขาเพิ่มอีกสี่ร้อยหยวน “เกาลัดหนึ่งหมื่นชั่งอาจจะรวบรวมได้ไม่หมดในคราวเดียว ต้องแบ่งเป็นสองส่วนแล้วค่อยขนย้าย นี่คือเงินค่าขนย้ายหนึ่งร้อยหยวน อีกสามร้อยหยวนที่เหลือเป็นต้นทุนในการรับซื้อเกาลัดกองแรก ขายเกาลัดหมดกองนี้แล้ว ค่อยรีบซื้อเกาลัดกองที่สองนะคะ”

เงินจำนวนหกร้อยหยวนถูกจ่ายออกไป หลินม่ายเหลือเงินติดตัวเพียงหนึ่งร้อยหยวน ซึ่งเพียงพอต่อการซื้อกระทะคั่ว เตาไฟในการทำธุรกิจ รวมทั้งสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน

เช้าวันที่สอง หลินม่ายยังคงตื่นนอนเวลาหกโมงเช้า

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยังไม่ตื่น

เมื่อล้างหน้าบ้วนปากแล้ว เธอก็ย่องออกจากประตูอย่างเบาเสียงที่สุด ตรงไปยังหลังบ้านคุณปู่ฟาง

พื้นที่กว่ายี่สิบตารางเมตรหลังบ้านของเขา มีแปลงผักอยู่หนึ่งไร่

หลินม่ายเด็ดผักกวางตุ้ง ก่อนมาล้างดินโคลนออกที่แม่น้ำและนำกลับมา

เวลานี้คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางตื่นนอนแล้ว

เมื่อเห็นหลินม่ายเดินกลับมาจากข้างนอก คุณย่าฟางรีบตะโกนทันที “ไม่ต้องรีบไปเปิดร้านในเมืองไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่นอนให้นานกว่านี้ล่ะ”

หลินม่ายเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นอนมากพอแล้วค่ะ” ก่อนพับแขนเสื้อเริ่มทำอาหาร

สิ่งที่จะทำในวันนี้คืออาหารสูตรดั้งเดิม เป็นข้าวสวย ผักกวางตุ้ง และผักกาดดองเผ็ด

เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จ หลินม่ายก็เตรียมตัวออกไปรับซื้อเกาลัด

คุณปู่ฟางโบกมือห้ามและเอ่ยว่า “เธอไม่ต้องไปหรอก ฉันวิ่งไปป่าวประกาศที่หมู่บ้านข้างหน้าแล้ว ใครอยากขายเกาลัดก็ให้มาขายที่บ้านของเรา”

หลินม่ายยิ้ม “หนูก็อยากวิ่งเหมือนกัน รออยู่ในบ้านหนูไม่สบายใจ จะเข้าเมืองตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่”

คุณปู่ฟางเห็นเธอพูดแบบนี้ก็ไม่ขวางเธอ

เพื่อจะได้วิ่งรับซื้อได้หลายหมู่บ้าน หลินม่ายจึงไม่พาโต้วโต้วไปด้วย

เธอคุกเข่าลงหารือกับโต้วโต้ว “โต้วโต้ว วันนี้แม่มีธุระมากมายต้องจัดการ ต้องไปประกาศให้คนอื่นมาขายเกาลัดกับเรา และต้องไปซื้อของมากมายในเมือง วิ่งจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก พาลูกไปด้วยคงไม่สะดวก อีกอย่างต้องเดินทางไกล ลูกอาจเหนื่อยได้ ดังนั้นแม่จะฝากลูกไว้ที่บ้านของคุณย่าฟาง ตกบ่ายค่อยนั่งรถแทรกเตอร์เข้าเมืองมาหาแม่พร้อมกับคุณปู่ฟาง ลูกตกลงไหม?”

ครึ่งเดือนมานี้ ไม่ว่าจะเป็นหลินม่ายก็ดี หรือคุณปู่ฟางคุณย่าฟางก็ดี ต่างมีความปลอดภัยให้โต้วโต้วเสมอ

เมื่อได้ยินคำพูดของหลินม่าย สาวน้อยก็ไม่ได้โวยวายขอตามเธอเหมือนครั้งนั้นอีก

นอกจากพยักหน้าเล็ก ๆ แล้วก็ยังตอบรับด้วยน้ำเสียงเจี้อยแจ้ว “คุณแม่ไปเถอะ หนูจะเชื่อฟังคุณย่าฟางทุกอย่าง และจะช่วยคุณย่าฟางทำงานบ้านด้วย”

หลินม่ายลูบศีรษะที่มีเส้นผมดกดำของหล่อนอย่างชื่นชม “โต้วโต้วของเราโตแล้วสินะ ยิ่งอยู่ยิ่งรู้ความ”

กล่าวจบก็ออกจากบ้านไปภายใต้สายตาของโต้วโต้ว ตรงไปรับซื้อเกาลัดจากในหมู่บ้านที่มีการแบ่งสรรปันส่วนไว้แล้วล่วงหน้ากับคุณปู่ฟาง

มีการบอกกล่าวกับชาวบ้านโดยตรง ว่าครั้งนี้เธอต้องการเกาลัดหนึ่งหมื่นชั่ง ให้พวกเขาช่วยป่าวประกาศให้แก่ญาติพี่น้องมิตรสหายให้พากันมาขายเกาลัดให้เธอ

ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยพากันตื่นตระหนกและอิจฉาในเวลาเดียวกัน “แม่โต้วโต้ว ธุรกิจเกาลัดของเธอขายดีขนาดนั้นเชียว ถึงได้ต้องการเกาลัดตั้งหนึ่งหมื่นชั่งแน่ะ!”

หลินม่ายยอมรับอย่างใจกว้าง “ขายเกาลัดอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับสถานีรถไฟเมืองเอกย่อมขายดีค่ะ ที่นั่นคนพลุกพล่านมาก!”

จากนั้นก็ทอดถอนใจ “ถ้าไม่ใช่เพราะคุณป้าอู๋คนนั้นขนลูกชายและลูกสะใภ้ไปแย่งธุรกิจกับฉันในเมือง ฉันก็คงขายเกาลัดอยู่ในสถานีรถไฟในเมืองได้อย่างน้อยห้าหมื่นชั่งไปแล้ว”

เมื่อผู้คนจำนวนมากได้ยินคำพูดของเธอ พวกเขาก็พากันคิดแผนการขึ้นในใจ ก่อนจะลองถามหยั่งเชิงออกไป “ทำไมต้องตั้งแผงขายในเมืองด้วย ที่นั่นไม่มีเทศกิจตลาดมาไล่ที่กันเหรอ? แล้วจะโดนลากไปขังในบนโรงพักไหม?”

ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีคนกล้าเสี่ยงไปเปิดร้านในเมืองเสียหน่อย การถูกเทศกิจไล่ที่นับว่าจิ๊บจ๊อย โดนลากตัวไปขังบนโรงพักคุมความประพฤติเป็นเรื่องปกติ 

ที่น่ากลัวที่สุดคือ มีคนโดนโยนเข้าคุกเพราะเรื่องนี้ กระทั่งขังยาวนานหลายปี ชาวบ้านที่ขี้ขลาดตาขาวจึงไม่กล้าเสี่ยงกับเรื่องแบบนี้อีก

แต่เมื่อเห็นหลินม่ายเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีเศษคนหนึ่งมุ่งมั่นจะเข้าไปหาเงินจำนวนมหาศาลในเมืองเอกมณฑล พวกเขาก็พากันอิจฉาตาร้อนกันอีกครั้ง เลยอยากมาสอบถามความเสี่ยงนี้เสียหน่อย

หลินม่ายตั้งใจปล่อยข่าวลือ ว่าเธอตั้งแผงขายเกาลัดอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับสถานีรถไฟ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

เพราะอยากกระตุ้นให้ชาวบ้านเหล่านี้พากันไปขายเกาลัดในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงกับสถานีรถไฟเหมือนกัน ชิงดีชิงเด่นกับร้านของหญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้นไปเลย หล่อนสู้ราคาเกาลัดของพวกเขาไม่ได้แน่นอน

อีกอย่างแผงขายที่ไม่มีใบอนุญาตบนถนนสายนี้ก็มีมากมายก่ายกอง เทศกิจมักให้ความสนใจกับถนนสายนั้นเป็นอย่างมาก ถึงตอนนั้นอย่างน้อยหนึ่งเดือนคงไม่มีใครริอาจเข้าไปตั้งแผงขายของบนถนนเส้นนั้นอีก

ผลประโยชน์ก็ส่วนผลประโยชน์ แต่ถ้าเป็นเรื่องเสี่ยง อย่างไรก็ต้องชี้แจงกับพวกชาวบ้านให้ชัดเจน

หลินม่ายไม่คิดจะฉ้อโกงใคร

“อยากตั้งแผงขายในเมือง อันดับแรกจะต้องหาบ้านริมถนนสักหลัง แล้วเช่าพื้นที่หน้าบ้านของเจ้าของตั้งแผงขาย ส่วนจะโดนเทศกิจขับไล่หรือเปล่านั้น…ประมาณว่าอีกไม่นานก็ถึงเทศกาลปีใหม่แล้ว ฉันตั้งแผงขายของมาตั้งนมนานขนาดนี้ ยังไม่เคยเจอเทศกิจมาไล่ที่เลยนะ ถึงอย่างนั้นก็ยังเจอได้อยู่ถ้ามีพ่อค้าแม่ขายที่ไม่มีใบอนุญาตมากเกินไป พวกเขาก็อาจจะได้ยินข่าวลือแล้วเริ่มปฏิบัติการทันที แต่ตอนนี้ข่าวลือเปลี่ยนทิศทางไปจากเดิมแล้ว ต่อให้จะโจมตีพ่อค้าแม่ขายที่ไม่มีใบอนุญาตอย่างหนักเหมือนกัน แต่ก็จะเน้นไล่ที่และยึดของกลางเป็นหลัก ส่วนกักขังคุมความประพฤติหรือเข้าคุกนั้นไม่มีแล้ว”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เธอก็หยุดพูด พวกชาวบ้านจะออกไปผจญภัยไหมนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของพวกเขาเอง

ความจริงแล้ว การได้ไปผจญภัยเสียหน่อยก็ทำให้รู้ว่าการหาเงินในเมืองเอกมณฑลนั้นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่พวกเขาจินตนาการไว้

แม้จะมีการใช้ประโยชน์จากปัจจัยในนั้นจากพวกเขา แต่ก็ยังชี้ถึงช่องทางการหาเงินให้แก่พวกเขา

มีชาวบ้านสอบถามหลินม่ายเป็นรูปธรรมว่าต้องไปขายเกาลัดบนถนนสายไหน มนุษย์เรามักพูดในสิ่งที่รู้ และพูดยังไม่มีปิดบัง สุดท้ายหลินม่ายก็บอกพวกเขาไป

หลังจากวิ่งวนอยู่หลายหมู่บ้าน นาฬิกาก็ตีบอกเป็นเวลาเก้าโมงเศษแล้ว หลินม่ายรีบกลับบ้านคุณย่าฟางทันที พร้อมกับขนเกาลัดที่รับซื้อได้นั่งรถไฟกลับเข้าเมือง

แม้ว่าตอนบ่ายคุณปู่ฟางจะตามมาส่งเกาลัดให้เธอด้วยรถแทรกเตอร์ แต่เวลาหลินม่ายจะทำอะไรมักจะชอบคิดอย่างละเอียดรอบคอบเสมอ

ถ้าถึงตัวเมืองแล้วทุกอย่างถูกวางแผนไว้อย่างเหมาะสม มันก็ยังพอมีเวลา เธอจะได้คั่วเกาลัดขายเลย ประหยัดเวลาพักผ่อนไปได้อีก

ตอนนี้เธอเป็นทาสบ้าน* พักไม่ได้

เมื่อลงจากรถไฟ ก็เปลี่ยนเป็นรถประจำทาง และมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านหลังใหม่ในหมู่บ้านซานหยาง

ชาวบ้านจำนวนมากรู้ว่าเธอและเฉียนอ้ายกั๋วทำสัญญาจองบ้านกันแล้ว จึงพาทยอยกันมากล่าวทักทายเธอ “วันนี้จะย้ายมาอยู่แล้วละสิ”

หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ”

เธอวางถุงกระสอบเกาลัดไว้ในบ้าน แล้วก็ไปซื้อคูปองอุตสาหกรรมในตลาดมืดที่อยู่ละแวกใกล้เคียงไม่มีหยุดพัก

จากนั้นก็ไปซื้อพวกกระทะใบใหญ่สำหรับคั่วเกาลัด ไม้พายขนาดใหญ่ เครื่องชั่งของและเตาไฟขนาดใหญ่สำหรับก่อไฟอีกสองเตา

แถมยังซื้อเครื่องนอนอีกชุดสำหรับสองแม่ลูก จากนั้นก็ไปซื้อไม้ฟืนหลายสิบชั่งจากพวกชาวบ้าน

พูดได้ว่า แค่มีฟืนไม้ก็ขายให้เธอได้แล้ว เงินหนึ่งเฟินซื้อขายได้ตั้งหนึ่งชั่ง

แม้จะมีคลังซ่อมบำรุงหัวรถจักรไอน้ำอยู่ห่างจากท่าเรือเยวี่ยฮั่นออกไปอีกห้าถึงหกสถานี ซึ่งหาซื้อถ่านหินได้จากครอบครัวแถวทางรถไฟที่เก็บได้จากขบวนขนสินค้า 

แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าเพิ่งจะขายเกาลัดได้แค่หนึ่งเดือน หลินม่ายจึงไม่อยากสิ้นเปลืองเรื่องพวกนั้น ซื้อไม้ฟืนจากชาวบ้านนับว่าสะดวกกว่า เดินทีละก้าวได้โดยไม่ต้องวิ่งให้เหนื่อย

เมื่อซื้อฟืนเสร็จแล้ว หลินม่ายก็ไปซื้อรถเข็นจากในตลาดมืดหนึ่งคันและเข็นกลับบ้าน

การไปตั้งแผงขายในท่าเรือ หากไม่มีรถเข็นก็ไม่มีทางขนของที่จำเป็นสำหรับตั้งแผงขายของทั้งหมดภายในครั้งเดียวได้แน่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องซื้อรถเข็นคันนี้

นี่ก็บ่ายโมงเศษแล้ว หลินม่ายก็ขี้เกียจออกไปซื้อข้าว แป้งและน้ำมัน จึงตั้งใจว่าจะรอให้แม่เถียหนิวมาก่อนแล้วจะให้เงินนางไปช่วยซื้อให้เธอสักหน่อย

เธอหาซื้อเกี๊ยวน้ำชามหนึ่งในร้านค้าของรัฐที่อยู่บนถนนสายหลัก

เกี๊ยวน้ำมีปริมาณพอเพียง รถชาติก็สดใหม่ หลินม่ายกินอย่างพึงพอใจ

ระหว่างทางกลับ ได้แวะซื้อบุหรี่สองห่อ ตั้งใจจะเอาไปให้คนขับรถแทรกเตอร์

แม้จะบอกว่าต้องเสียค่าขนส่ง แต่เงินก้อนนั้นก็รวบรวมมาได้ไม่ยาก จึงมอบให้คนขับรถแทรกเตอร์อีกหน่อย ไม่อย่างนั้นคุณปู่ฟางต้องเสียหน้าแน่

เมื่อกลับถึงบ้าน หลินม่ายได้นำเกาลัดกระสอบนั้น รวมทั้งเตาไฟ กระทะสำหรับคั่วเกาลัดขึ้นมาไว้บนรถเข็น แล้วก็ลองเข็นรถไปทดลองขายที่ท่าเรือ

ในตอนที่เธอลากรถออกจากลานกว้าง ก็ไม่รู้ว่ามีชายวัยกลางคนแต่งกายอนาถาโผล่มาจากไหนมาช่วยเธอลากรถเข็น

…………………………………………………………………………………………………………………………

*ทาสของบ้าน เป็นคำเปรียบเปรยที่ใช้เรียกแทนผู้ที่ซื้อบ้านโดยอาศัยการจำนองผ่อนจ่ายชำระค่าบ้าน

สารจากผู้แปล

เอาคืนหญิงสกุลอู๋คนนั้นได้แสบสันต์มากค่ะ 

ม่ายจื่อสู้ๆ กับกิจการที่ใหม่นะ

ใครมาช่วยเข็นรถนี่ จะมาดีหรือมาร้าย

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท