ตอนที่ 41 ซื้อไก่กลางดึก
เพื่อลดความถี่ในการเข้าห้องน้ำ นอกจากจะดื่มน้ำเพียงเล็กน้อยขณะที่กินบะหมี่น้ำแล้ว หลินม่ายก็แทบไม่ได้จิบน้ำมาตลอดทั้งวัน ลำคอของเธอแห้งผากมานานราวกับคนที่สูบบุหรี่จัด
เธอรับน้ำอุ่นจากโต้วโต้วมาดื่ม
โต้วโต้วรีบเทน้ำให้เธอเพิ่มอีกสองแก้วเมื่อเห็นเช่นนั้น และเธอก็ดื่มมันหมดจนไม่รู้สึกกระหายน้ำอีกต่อไป
หลินม่ายรีบโบกมือปฏิเสธเมื่อเห็นโต้วโต้วจะไปเอาน้ำมาเพิ่ม “แม่ดื่มไม่ไหวแล้ว ท้องกำลังจะแตก”
โต้วโต้วยอมแพ้ และขอให้คุณปู่ฟางมาช่วยเธอย่างซาลาเปา
คุณปู่ฟางเปิดที่คีบเป็นตัววีขนาดเล็กและวางลงบนเตาถ่าน จากนั้นจึงคีบซาลาเปาไปย่างทีละชิ้น
คุณย่าฟางดึงเก้าอี้มาวางใกล้เตาถ่าน และเรียกหลินม่ายให้มาผิงไฟ
หลินม่ายเกือบจะแข็งตายหลังจากนั่งตากลมหนาวบนรถแทรกเตอร์เป็นเวลานาน แม้ว่าเธอจะดื่มน้ำอุ่นสองสามแก้ว แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความเหน็บหนาวได้ ก่อนจะรีบนั่งลงหน้าเตาถ่าน
ความอบอุ่นของเปลวไฟลามขึ้นมาจากมือไหลเวียนไปทั่วร่างกาย จนเธอรู้สึกว่าความเหน็บหนาวเบาบางลง
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกลับมาพร้อมกับเลือดแพะและปอดแพะ คุณย่าฟางก็เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “ไก่กับไข่ที่เอาไปขายในเมืองขายหมดเลยเหรอ?”
แม้เมื่อวานนี้หลินม่ายบอกว่าเธอจะขายทุกอย่างให้หมดภายในเวลาหนึ่งวัน เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องรอจนดึกดื่นและผล็อยหลับไป
แต่เมื่อทุกอย่างถูกขายจนหมดเกลี้ยง เธอกลับรู้สึกราวกับฝันไป
ใบหน้าของหลินม่ายเผยให้ถึงความตื่นเต้นเล็กน้อย “ขายหมดเลยค่ะ”
ทว่าสิ่งที่คุณปู่ฟางสนใจคือราคา “เธอขายมันในราคาเท่าไหร่? ขายหมดภายในหนึ่งวันเชียวหรือ!”
หลินม่ายไม่ได้รู้สึกระแวงสองเฒ่า และบอกราคาแก่พวกเขา
ขณะที่คุณปู่ฟางเดาะลิ้นสองครั้ง “ในเมืองหลวงคงจะมีคนรวยเยอะสินะ”
ในการรับรู้ของเขา การจะขายของหมดเร็วจะต้องตั้งราคาถูกเท่านั้น แต่กลับไม่คาดคิดว่าไก่กับแพะที่แสนแพงของหลินม่ายจะขายหมดเร็วเพียงนี้!
หลินม่ายคิดในใจ นั่นไม่ใช่เพราะว่าเมืองหลวงมีคนรวยอยู่เยอะ แต่เป็นเพราะมีฐานประชากรที่หนาแน่น จึงปรากฏให้เห็นคนรวยมากมาย
ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าเมืองหลวงมีตลาดมืดอยู่เพียงไม่กี่แห่ง ส่งผลให้ผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ วัตถุดิบบางอย่างที่เป็นที่ต้องการจึงถูกนำมาขายในราคาสูงที่ตลาดมืด ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนซื้อมัน
คุณย่าฟางกลัวว่าหลินม่ายจะยุ่งอยู่กับขายของ จนลืมกินข้าวเมื่ออยู่นอกบ้าน
นางทำบะหมี่ไข่ดาวให้หลินม่ายโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของอีกฝ่าย อีกทั้งยังโรยผักชีที่เธอชอบกินลงบนบะหมี่
หลินม่ายหยิบถ้วยบะหมี่ขึ้นมากิน และวางถ้วยลง หันไปบอกคุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางว่าเธอกำลังจะออกไปรับไก่
คุณปู่คุณย่าฟางตกตะลึง “พรุ่งนี้เป็นวันส่งท้ายปีเก่านี่ เธอจะออกไปขายไก่ที่เมืองเอกเหรอ?”
หลินม่ายรู้ดีว่าพวกเขากลัวว่าเธอจะเดินทางไปขายไก่ในเมืองเอกวันพรุ่งนี้ และอาจจะกลับมาไม่ทันอาหารค่ำคืนส่งท้ายปีเก่า เธอจึงรีบพูดว่า “ฉันจะรับไก่มาแค่ร้อยสองร้อยตัวเท่านั้นค่ะ จะรีบขายให้หมดตั้งแต่เช้า เพราะงั้นกลับมากินอาหารค่ำคืนส่งท้ายปีเก่าทันแน่นอนค่ะ”
หลังจากครุ่นคิด เธอก็พูดต่อว่า “ฉันอยากจะหาเงินให้ได้มากๆ โดยใช้ประโยชน์จากสองวันนี้ค่ะ”
ใบหน้าของคู่สามีภรรยาเฒ่าดูผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินว่าเธอสามารถกลับมากินอาหารค่ำในคืนส่งท้ายปีเก่าได้
คุณปู่ฟางต้องการไปรับไก่กับหลินม่าย ทว่าหลินม่ายกลับปฏิเสธ
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่ทุ่ม ข้างนอกอากาศหนาวมาก และคุณปู่ฟางก็เป็นโรคหลอดลมอักเสบ เมื่อใดที่ลมหนาวพัดผ่าน โรคหลอดลมอักเสบจะกำเริบอีกครั้ง จนทำให้เขาต้องไออย่างทุกข์ทรมาน
เธอแบกกล่องเปล่าที่จะนำไปใส่ไก่ท่ามกลางลมหนาว เดินไปที่หมู่บ้านขนาดใหญ่ในบริเวณใกล้เคียงภายใต้แสงจันทร์
ภายในหมู่บ้านแห่งนี้มีผู้คนอาศัยอยู่เจ็ดสิบถึงแปดสิบครัวเรือน ชาวบ้านจำนวนมากออกมาขายไก่กับไข่ให้เธอเมื่อวานนี้ ทว่าตอนนี้ดึกเกินกว่าจะขายได้ เธอจึงต้องไปรับไก่ที่หมู่บ้านด้วยตนเอง
สุนัขสองสามตัวในหมู่บ้านรีบเห่าเสียงดังทันทีที่เธอเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ปลุกเจ้าของสุนัขคนหนึ่งให้ตื่นขึ้นมา
เจ้าของสุนัขตะโกนถามท่ามกลางความมืด “ใคร?”
หลินม่ายวิตกกังวล ทั้งหมูบ้านมืดมิดจนมองไม่เห็นแสงสว่าง
ชาวบ้านนอนกันหมดแล้ว เธอจะทำอย่างไรกับไก่ดี?
เธอไม่สามารถเคาะประตูบ้านเพื่อขอรับไก่ และปลุกผู้คนจากความฝันได้
เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนที่ตะโกนถาม เธอก็รีบพูดเสียงดังว่า “บ้านคุณปู่ฟางมารับไก่ค่ะ พี่ชายขายไก่มั้ยคะ?”
“ขาย! ทำไมจะไม่ขายล่ะ!” น้ำเสียงตื่นเต้นของชายหนุ่มดังเล็ดลอดออกมาจากตัวบ้าน ก่อนที่ตะเกียงน้ำมันจะถูกจุดขึ้น และเอ่ยถามอย่างสงสัยว่า “ทำไมคุณถึงออกมารับไก่ซะกลางดึกเลยล่ะ?”
หลินม่ายพูดอธิบายด้วยความสำนึกผิด “เมื่อตอนกลางวันฉันไม่อยู่น่ะค่ะ เพิ่งกลับมาจากในเมือง ก็เลยได้มารับไก่เอาปานนี้ ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไร ไก่กับไข่ที่คุณมารับไปก่อนหน้านี้หมดแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มถามด้วยความประหลาดใจ
“ไก่แทบจะขายไม่ได้เลยค่ะ ส่วนไข่ขายได้สองสามร้อยฟอง”
ทันทีที่ประตูปิดออก ชายรุ่นคุณอาก็เดินออกมาจากพร้อมกับตะเกียงน้ำมันในมือ ส่วนด้านหลังของชายผู้นี้คือคุณน้าที่ผมเผ้าพะรุงพะรัง ซึ่งน่าจะเป็นภรรยาของเขา
ทั้งคู่เดินออกมาและรีบตรงไปจับไก่ที่เล้าไก่
แม่ไก่หนึ่งชั่งราคาหนึ่งหยวนยี่สิบเหมา ขณะที่ไก่ตัวผู้หนึ่งชั่งราคาหนึ่งหยวน ซึ่งราคานี้หาได้ยากนัก ถึงแม้ว่าไก่พวกนี้จะถูกแช่เย็นจากอากาศหนาวกลางดึก แต่พวกเขาก็จะขายมันอยู่ดี
คุณน้าคอยถือตะเกียง ส่วนคุณอาคอยจับไก่
เขาจับไก่ตัวผู้และแม่ไก่แก่ที่ไม่สามารถออกไข่ได้อย่างละสามตัวในคราวเดียว ใช้เชือกฟางมัดรวมกัน ชั่งน้ำหนักและขายให้หลินม่าย
ไก่ตัวผู้และแม่ไก่ของเขามีน้ำหนักรวมกันหนึ่งชั่งครึ่ง หลินม่ายจึงรีบจ่ายเงินหกหยวนห้าสิบเหมาออกไป
คุณอารับเงินไปและมองดูจำนวนเงินภายใต้แสงไฟจากตะเกียงน้ำมัน ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “คุณคำนวณเงินผิดหรือเปล่าครับ? ไก่ของผมน่าจะแค่หกหยวนสามสิบเหมา แต่คุณจ่ายเกินมายี่สิบเหมา”
หลินม่ายตอบกลับอย่างใจกว้าง “แค่ยี่สิบเหมาเองค่ะ อีกอย่างตอนนี้ทั้งมืดทั้งหนาวแบบนี้ ฉันไม่อยากมาหาแลกธนบัตรให้ได้สามเหมาพอดีเพื่อประหยัดเงินแค่ยี่สิบเหมาหรอกค่ะ”
คุณอาจึงรับเงินกลับไปด้วยความยินดี
หลินม่ายมองดูค่ำคืนมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุด พูดถามพลางขมวดคิ้ว “ฉันจะไปซื้อไก่เพิ่มอีกสักร้อยสองร้อยตัว แต่พวกชาวบ้านหลับกันหมดแล้ว ฉันควรจะทำยังไงดีคะ?”
คุณอาผู้กระตือรือร้นและว่องไวพูดตอบ “ผมจะไปปลุกทุกคนให้”
หลังจากพูดจบ เขาก็ตะโกนลั่นหมู่บ้าน ทันใดนั้นชาวบ้านจำนวนมากก็จับไก่ออกมาขายให้หลินม่าย
หลินม่ายได้รับไก่มากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบตัวภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
เธอต้องการรวบรวมไก่ให้ได้สองร้อยตัว แต่ก็ดึกเกินไปแล้ว เธอไม่มีแรงพอที่จะวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านแล้ว
หลินม่ายควักเงินสองหยวนเพื่อจ้างคุณอาให้ช่วยเธอแบกไก่กลับไปที่บ้านของคุณปู่ฟาง
ไก่มากกว่าหนึ่งร้อยห้าสิบตัวมีน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยแปดสิบชั่ง เธอไม่สามารถแบกมันกลับไปได้
ผู้เฒ่าสองคนยังคงนอนไม่หลับ เฝ้ารอเธออยู่ภายใต้แสงตะเคียง
หลินม่ายมองดูโต้วโต้วที่ผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของคุณย่าฟาง และพูดถามว่า “ทำไมไปพาหล่อนไปนอนล่ะคะ? อุ้มหล่อนไว้แบบนี้ไม่เมื่อยแย่เหรอ?”
แม้ว่าโต้วโต้วจะผอมแห้งแรงน้อย แต่หล่อนก็เป็นเด็กสามถึงสี่ขวบ ในขณะที่คุณย่าฟางแก่มากแล้ว การอุ้มหลานสาวเป็นครั้งคราวคงไม่เป็นอะไร หากแต่อุ้มเป็นเวลานานคงจะเมื่อยน่าดู
คุณย่าฟางยิ้มและพูดว่า “เธอคิดว่าฉันไม่ได้ส่งหลานเข้านอนหรือไง? หลานไม่อยากเข้านอนต่างหาก หลานบอกว่าหลานจะรอเธอกลับมาและมีอะไรจะพูดด้วย”
หลินม่ายดึงโต้วโต้วออกมาจากอ้อมแขนของอีกฝ่าย “ลูกอยากจะพูดอะไรกับฉันเหรอคะ?”
โต้วโต้วตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงียเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย และพูดด้วยท่าทางสะลึมสะลือ “แม่คะ หนูเหลือซาลาเปาย่างให้แม่ด้วย ซาลาเปาย่างอร่อยมากเลยค่ะ”
หลินม่ายได้กลิ่นหอมของซาลาเปาย่างทันทีที่เธอเปิดประตู ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าคุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางเหลือไว้ให้เธอ แต่นึกไม่ถึงว่าโต้วโต้วจะเหลือไว้ให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
เธอพูดเบา ๆ “จ๊ะ แม่จะส่งหนูเข้านอนแล้วค่อยไปกินซาลาเปาย่าง”
ดวงตาของโต้วโต้วเบิกกว้างเล็กน้อย “แม่คะ หนูมีเรื่องจะบอกแม่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนในหมู่บ้านก็ดีนะเนี่ย มาปลุกรับไก่กลางดึกก็รีบไปหามาให้
โต้วโต้วมีอะไรจะบอกหม่าม้าคะ
ไหหม่า(海馬)