แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了] – ตอนที่ 78 วีรบุรุษช่วยสาวงาม(1)

ตอนที่ 78 วีรบุรุษช่วยสาวงาม(1)

ตอนที่ 78 วีรบุรุษช่วยสาวงาม(1)

พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันพูดเยาะเย้ย “บ้านของหล่อนคงผลิตเงินเองกระมัง จ่ายเงินค่าเสียหายให้ป้ากู่ยังไม่พอ ต้องมาควักเงินค่าเสียหายให้ลูกค้าร้านเธออีก เป็นแม่แท้ ๆ ยังให้ท้ายลูกชายตัวเองถึงขนาดนี้ แล้วพวกเราจะกล้าเอาผิดจากการกระทำของลูกชายหล่อนหรือ?”

ไม่มีใครเห็นใจแม่ต้าเป่าต่อให้หล่อนเอาแต่นอนเกลือกกลิ้งไปมาบนพื้น แต่แล้วหล่อนกลับเพิกเฉยต่อเสียงเยาะเย้ยของทุกคน ผุดลุกขึ้นมาต่อสู้กับหลินม่ายอย่างไม่ยอมแพ้

หลินม่ายเสียเปรียบในแง่ของความแข็งแกร่งทางร่างกาย แม่ต้าเป่าอาศัยจังหวะช่วงที่เธอไม่ทันระวังตัว เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลัง

ถ้าทั้งสองเผชิญหน้ากันอย่างจริงจัง ถือเป็นเรื่องยากที่หลินม่ายจะเอาชนะอีกฝ่ายที่มีรูปร่างอ้วนและมีเรี่ยวแรงเยอะกว่า

ขณะที่เธอหยิบไม้ขึ้นมาแล้วหันหน้าไปทางแม่ต้าเป่าอีกครั้ง แม่ต้าเป่ากลับคว้ามันเอาไว้ได้ พอยื้อแย่งไม้ไปจากมืออีกฝ่ายได้แล้วก็หวดไม้ตีเธอทันที

แต่ยังไม่ทันที่ปลายไม้จะหวดโดนหลินม่าย หล่อนกลับกระเด็นห่างออกไปกลางอากาศเป็นระยะไม่กี่เมตร ราวกับถูกใครสักคนเหวี่ยงออกไป

หลินม่ายหันมองไปทางฟางจั๋วหรานที่มาปรากฏตัวทันเวลาเหมือนเทพเจ้า ส่งยิ้มให้ด้วยความเขินอายเล็กน้อย “เหมือนคุณมอบถ่านให้ฉันท่ามกลางหิมะ(2)เลยค่ะ ทุกครั้งที่ฉันกำลังประสบปัญหา คุณมักจะมาช่วยฉันตลอดเลย”

“ดีแล้วที่คุณไม่เป็นอะไร”

ขณะที่ฟางจั๋วหรานพูดแบบนั้น เขาก็ยกมือขึ้นจะจัดทรงผมของเธอที่ยุ่งเหยิงจากการทะเลาะเบาะแว้งกับแม่ต้าเป่าให้เรียบร้อย

แต่จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าการกระทำของตนไม่เหมาะสม จึงลดมือลงตามเดิม

หลินม่ายเป็นฝ่ายยกมือขึ้นสางเส้นผมของตัวเองต่างหวี พูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าช้ากว่านี้อีกแค่ไม่กี่วินาทีคงเป็นแน่ค่ะ”

ฟางจั๋วหรานกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะถาม “โต้วโต้วไม่อยู่เหรอ?”

“หล่อนเป็นหวัดค่ะ ฉันเลยปล่อยให้หล่อนนอนพักอยู่ที่บ้าน ไม่อย่างนั้นลมหนาวคงทำให้อาการของหล่อนแย่ลง”

หลินม่ายจัดการตักเกี๊ยวใส่กล่องอาหารกลางวันแล้วยื่นให้ฟางจั๋วหราน

แม่ต้าเป่ารู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ก็รีบแหกปากตะโกนลั่นว่ามีผู้ชายทำร้ายร่างกายผู้หญิง

ผู้ค้ารายย่อยที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันไม่วายเหน็บแนม “ไม่พอใจก็ไปแจ้งความสิ เธอเก่งเรื่องนี้นักไม่ใช่เหรอ?”

เนื่องจากตำรวจตัดสินข้อพิพาทระหว่างแม่ต้าเป่ากับครอบครัวของป้ากู่อย่างสมเหตุสมผล ชาวบ้านจึงไม่หวาดกลัวกระบวนการยุติธรรมอีกต่อไป

ถึงอย่างไรกระบวนการยุติธรรมก็มีไว้ปราบปรามเฉพาะผู้ที่กระทำความผิด ไม่ได้มีไว้สำหรับปราบปรามคนทั่วไป

ต่อให้แม่ต้าเป่าต้องการแจ้งความเท็จ แต่ทางตำรวจไม่ยอมให้หล่อนสมปรารถนาแน่

แม่ต้าเป่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจำใจลุกขึ้นด้วยความสิ้นหวัง

พอฟางจั๋วหรานกินเกี๊ยวหมดแล้วก็ขอตัวจากไป ไม่ลืมกำชับให้หลินม่ายระวังการเล่นตุกติกของแม่ต้าเป่า

หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อย่ากังวลเรื่องฉันเลยค่ะ ถ้าแม่ต้าเป่ายังกล้าทำร้ายร่างกายฉันอีก คราวนี้ฉันจะเป็นฝ่ายขึ้นโรงพักแจ้งความหล่อนเอง หล่อนมีเจตนาทำร้ายคนอื่น ยึดตามกระบวนการยุติธรรม หล่อนคงไม่ถูกตัดสินจำคุกสามถึงห้าปี แต่ถ้าหนึ่งปีครึ่งก็ไม่แน่”

พ่อค้าแม่ค้าหลายรายสนับสนุนให้หลินม่ายไปแจ้งความแม่ต้าเป่าเสีย “ถ้าเธอไปแจ้งความจริงละก็ พวกเรายินดีเป็นพยานให้เธอแน่นอน!”

ถึงแม่ต้าเป่าจะโกรธมากแค่ไหน หล่อนคงไม่กล้าสร้างปัญหาอีกเป็นครั้งที่สองแน่ เพราะกลัวว่าตัวเองจะถูกจับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

หลังจากขายเกี๊ยวจนหมดแล้ว หลินม่ายก็รีบเก็บข้าวของ ปิดแผงกลับบ้าน

โต้วโต้วเป็นหวัด หัวอกคนเป็นแม่อย่างเธอจะไม่เป็นห่วงลูกได้อย่างไร

เมื่อกลับถึงบ้าน เธอเห็นว่าโต้วโต้วยังไม่ตื่น หลินม่ายรีบเดินเข้าไปใกล้เตียงแล้วใช้ฝ่ามือวัดอุณหภูมิจากหน้าผากของเธอทันที

ถึงแม้จะยังมีไข้ต่ำเหมือนกับเมื่อวาน แต่เมื่อคืนเธอนอนกระสับกระส่ายตลอดเวลา คงต้องพาไปหาหมอ

หลินม่ายจัดแจงเตรียมอาหารเช้าสำหรับพวกเธอสองแม่ลูกก่อน หลังจากนั้นค่อยพาโต้วโต้วไปหาหมอ

เธอถามโต้วโต้วด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า จะได้จัดการทำให้

โต้วโต้วนิ่งคิดอย่างจริงจัง ก่อนจะตอบว่าอยากกินบะหมี่ไข่ต้ม

อาหารที่หล่อนอยากกินไม่ยุ่งยากนัก ดังนั้นหลินม่ายจึงจัดการทำให้ในทันที ไม่ลืมต้มไข่สามฟองให้หล่อนด้วย

ไข่ต้มของหลินม่ายสุกนิ่มอยู่ในระดับที่กำลังพอดี โต้วโต้วจัดการกินทีละฟองอย่างเอร็ดอร่อย

หลังจากสองแม่ลูกกินอาหารมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลุงฉีก็มาส่งผักให้พอดี

หลินม่ายรับผักมา แล้วจ่ายเงินล่วงหน้าเพื่อสั่งผักของวันพรุ่งนี้ ก่อนจะพาโต้วโต้วไปหาหมอที่โรงพยาบาลในตัวเมือง

กุมารแพทย์ที่พวกเธอเข้าพบเป็นแพทย์ฝึกหัดที่ทำงานมายังไม่ครบหนึ่งปี

แพทย์ฝึกหัดตรวจดูอาการของโต้วโต้วอย่างถี่ถ้วนด้วยเครื่องมือช่วยฟัง จากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่า “หล่อนเป็นไข้หวัดธรรมดาน่ะครับ ผมจะฉีดยาลดไข้ให้ก่อน แล้วจัดยาให้กินตามเวลา อีกไม่นานก็คงหายเป็นปกติ”

หลินม่ายลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “ลูกสาวของฉันมักจะมีอาการไอและเป็นหวัดอยู่บ่อย ๆ มีสาเหตุอื่นที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?”

แพทย์ฝึกหัดส่ายหน้า “ไม่น่ามีเหตุผลอื่นแทรกซ้อนครับ พอเด็กโตขึ้นจนมีอายุประมาณสามถึงสี่ขวบ ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากร่างกายของแม่ก็หมดลง ทำให้ภูมิคุ้มกันที่มีอยู่ในร่างกายของตัวเองเริ่มพัฒนาขึ้น ในระหว่างนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ร่างกายเด็กจะอ่อนแอกว่าปกติ แค่จัดหาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนให้ก็เพียงพอแล้วครับ”

หลินม่ายรู้สึกโล่งใจมากขึ้น

เธอตั้งใจว่าจะไม่ดื่มนมมอลต์ที่มีอยู่ในบ้านแม้แต่จิบเดียว เพื่อที่จะเก็บทั้งหมดไว้ให้โต้วโต้ว

และตั้งใจว่าหลังจากนี้จะทำเมนูไข่ให้เจ้าตัวเล็กกินทุกวัน

หลังจากเข้ารับการตรวจร่างกาย ได้รับการฉีดยา และได้รับยากินครบแล้ว หลินม่ายก็พาโต้วโต้วไปที่ตลาดมืดเพื่อซื้อเนื้อไก่

สมัยที่เธอยังมีชีวิตอยู่ในภพชาติก่อนหน้า เธอเคยได้ยินผู้คนร่ำลือกันว่าซุปไก่มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการไข้หวัดได้

เธอจึงวางแผนซื้อเนื้อไก่มาเคี่ยวเป็นซุปเพื่อให้เจ้าตัวเล็กดื่ม

แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม โต้วโต้วไม่อยากกินซุปไก่ แต่อยากกินปลาแทน

หลินม่ายจัดแจงซื้อปลาตะเพียนขนาดตัวละครึ่งชั่งมาสองตัว พร้อมกับเต้าหู้ขาวชิ้นใหญ่ หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็เดินเคียงข้างกันกลับบ้าน

ทันทีที่เดินเข้าสู่เขตหมู่บ้าน พวกเธอก็เผอิญเจอกับเฉียนกั๋วเหลียงที่กำลังเดินกะโผลกกะเผลก ถือถุงตาข่ายใบใหญ่ที่ใส่กะละมัง แปรงสีฟัน ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนไว้ในมือ

เฉียนกั๋วเหลียงเองก็เหลือบไปเห็นสองแม่ลูกเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นก็รีบเร่งฝีเท้าหนีด้วยกลัวความผิด

แต่ชาวบ้านคนหนึ่งที่มีผมหงอกเต็มศีรษะกลับหยุดเขาไว้ ถามว่า “กั๋วเหลียง นายออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือ?”

เฉียนกั๋วเหลียงตอบรับในลำคอด้วยความกระดากอาย พยายามเดินหนีชาวบ้านคนนั้น

แต่ชาวบ้านคนเดิมยังไม่วายพูดคุยกับเขาต่อไป “แล้วขานายไปโดนอะไรมา ทำไมถึงได้เดินกะเผลกแบบนั้น?”

เฉียนกั๋วเหลียงตอบกลับโดยกดเสียงต่ำ “โดนน้ำร้อนลวกน่ะ”

ชาวบ้านพูดทิ้งท้ายด้วยประโยคที่แฝงด้วยนัยบางอย่าง “คราวหน้าก็ระวังดี ๆ ล่ะ อย่าหาเรื่องใส่ตัวอีก”

เฉียนกั๋วเหลียงทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ ก่อนจะพาตัวเองเดินหนีจากไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากกลับมาถึงบ้านแล้ว หลินม่ายก็เริ่มตั้งหม้อเคี่ยวเต้าหู้ขาวหั่นชิ้นกับเนื้อปลาตะเพียนเพื่อทำซุปปลาตุ๋น

หลินม่ายยังเด็ดใบโหระพากับใบชาในปริมาณเล็กน้อยลงไปเคี่ยวในซุปปลาตุ๋นด้วย เพื่อให้น้ำซุปมีรสชาติกลมกล่อมมากขึ้น ทั้งยังปราศจากกลิ่นคาว

โต้วโต้วยอมซดซุปปลาไปสองชาม หลังจากนั้นก็เริ่มหนาว ๆ ร้อน ๆ เหงื่อออกโซม ไข้เริ่มลดลงบ้างแล้ว อุณหภูมิร่างกายกลับมาเป็นปกติ

ถึงอย่างนั้นหลินม่ายก็ไม่ได้พาหล่อนออกไปตั้งแผงขายของด้วยกันแต่เช้าตรู่อีก ปล่อยให้หล่อนนอนหลับอย่างเพียงพอจนกว่าจะตื่นขึ้นเอง อาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันด้วยตัวเอง จากนั้นค่อยออกจากบ้าน

พร้อมกันนั้นก็ไม่ลืมทิ้งเงินไว้ให้หล่อนไปซื้ออาหารมื้อเช้าที่ตัวเองอยากกินที่ท่าเรืออีกด้วย

หลินม่ายต้องการปลูกฝังโต้วโต้วทีละน้อยให้หล่อนสามารถดูแลตัวเองได้

ฟางจั๋วหรานแวะไปอุดหนุนเกี๊ยวที่แผงของหลินม่ายเป็นประจำก่อนจะเดินทางไปทำงาน

เขาไม่เห็นหน้าค่าตาโต้วโต้วมาสองสามวันแล้ว จึงอดกังวลเกี่ยวกับหล่อนไม่ได้

วันนี้เขามาที่แผงลอยของหลินม่ายเพื่อกินเกี๊ยวตามปกติ แต่ก็ยังไม่เห็นโต้วโต้ว ในที่สุดก็ถามไถ่ออกมา “โต้วโต้วยังไม่หายดีอีกหรือ?”

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ได้ยินเสียงโต้วโต้วตะโกนเรียกเขาว่า “คุณอา!” ดังมาจากที่ไกล ๆ ก่อนจะพาสองขาสั้น ๆ วิ่งมาหาเขา ด้านหลังมีอาหวงวิ่งตามมาด้วยพร้อมกับส่ายหาง

ฟางจั๋วหรานอุ้มโต้วโต้วขึ้นมา ทาบใบหน้าของตัวเองเข้ากับแก้มสีชมพูนุ่มนิ่มของเด็กหญิงตัวน้อย พลางพยักหน้า “ไม่เป็นไข้แล้วนี่”

โต้วโต้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หนูดื่มซุปปลาที่แม่ทำให้ค่ะ อาการถึงได้ดีขึ้น ซุปปลาตุ๋นฝีมือแม่หนูอร่อยมาก ๆ อีกหน่อยถ้าคุณอาป่วย หนูจะให้แม่ตุ๋นซุปปลาให้คุณอากินนะคะ รับรองว่าคุณอาจะต้องหายป่วยทันทีเลย”

ฟางจั๋วหรานเหลือบมองไปทางหลินม่าย ก่อนจะพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้สิ แต่อาว่าแม่หนูคงไม่ทำให้อาหรอก…”

“ทำสิ ทำสิ!” เด็กหญิงตัวน้อยใช้สองมือประคองใบหน้าของเขาไว้ “ถ้าแม่ไม่เต็มใจทำให้คุณอาละก็ คุณอาต้องหอมแก้มแม่หนูสักสองสามฟอด แม่ต้องใจอ่อนทำให้คุณอาแน่ ๆ ค่ะ หนูใช้วิธีนี้ตลอดเลย ถ้าแม่ไม่ยอมทำตามคำขอของหนู หนูจะกอดเธอแล้วหอมแก้มเธอหลาย ๆ ครั้ง หลังจากนั้นแม่ก็ยอมใจอ่อนทุกที”

ลูกค้าหลายรายที่มาอุดหนุนเกี๊ยวร้านหลินม่ายต่างก็หัวเราะด้วยความเอ็นดู เมื่อได้ยินคำพูดไร้เดียงสาของโต้วโต้ว

ฟางจั๋วหรานรู้สึกเขินอายขึ้นมาทันที

พอเขาเหลือบมองไปทางหลินม่ายอีกครั้ง ก็เห็นว่าใบหน้าของเธอแดงก่ำไม่ต่างกันเลย

………………………………………………………………………………………………………………

เป็นสำนวน มีความหมายเดียวกันกับวีรบุรุษขี่ม้าขาว ใช้ในสถานการณ์ที่หญิงสาวมีภัย หรือกำลังเดือดร้อน แล้วมีผู้ชายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ

มอบถ่านให้ท่ามกลางหิมะ เป็นสำนวนอุปมาถึงการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้ในยามยาก

สารจากผู้แปล

โต้วโต้วคือหัวหน้าชิปเปอร์ ชิปแรงขนาดนี้เรือหม่าม้ากับคุณหมอต้องแล่นแรงแล้วนะคะ

ไหหม่า(海馬)

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

แม่ปากร้ายยุค​ 80 [八零辣妈飒爆了]

Status: Ongoing

หลินม่ายได้กลับมาเกิดใหม่ในวันแต่งงานของตัวเอง​ และพบว่าทุกคนรอบตัวไม่ว่าจะเป็นครอบครัวตัวเองหรือครอบครัวสามีต่างก็ยังเป็นเศษสวะกันเหมือนเดิม​ แต่ขอโทษเถอะ…หลินม่ายคนนี้ไม่ใช่หลินม่ายคนเดิมแล้ว​ ใครหน้าไหนมารังแกฉัน​ คราวนี้แม่จะซัดให้หงาย​​ จะงัดมารยาสาไถทุกกระบวนมาใช้แก้เผ็ดมันให้หมด! จากนั้นก็จะหย่ากับสามีกะหลั่วแยกตัวออกมาสร้างฐานะแบบสวยๆ​ ไม่ต้องสนใจใครอีกแล้ว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท