ตอนที่ 97 ความหลังเคล้าน้ำตาของโจวฉายอวิ๋น
เสื้อผ้าที่แขวนขายอยู่ในร้านมีรูปแบบที่ทันสมัยมาก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อแขนปีกค้างคาว กางเกงขาบาน รวมถึงเดรสก็มีแต่แบบสวยงามทั้งนั้น ทำให้หญิงสาวหลายคนต่างเดินเข้าไปเลือกมาลองสวม
ขณะที่หลินม่ายกำลังจะเอื้อมมือออกไปจับดูเสื้อแขนปีกค้างคาว เจ้าของร้านก็รีบเดินมาห้ามเธอไว้อย่างรวดเร็ว “ราวนี้เป็นสินค้าชั้นเลิศ ถ้าคุณไม่คิดจะซื้อก็อย่าจับมันส่งๆ”
เสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากใยสังเคราะห์กลายเป็นสินค้าชั้นเลิศไปตั้งแต่เมื่อไร? ยุคสมัยนี้ช่างแปลกดีแท้
ในเมื่อห้ามจับ อย่างนั้นไม่จับก็ได้
หลินม่ายชี้ไปที่เสื้อแขนปีกค้างคาวแล้วถามว่า “ตัวนี้ราคาเท่าไหร่?”
เจ้าของร้านมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “สิบแปดหยวน คุณมีเงินจ่ายไหมล่ะ?”
หึๆ เธอมีเงินจ่ายแน่นอนอยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่อาจทำใจซื้อได้ทีเดียว ราคาของมันแพงอย่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
เสื้อผ้าที่แขวนขายอยู่ในห้างสรรพสินค้ามีราคาอยู่ที่ตัวละหกถึงแปดหยวนเท่านั้น คุณภาพของเนื้อผ้าก็ไม่เลว แต่มีสไตล์อนุรักษ์นิยมและล้าสมัย
หลินม่ายนึกลังเล แต่ช่วงจังหวะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งซื้อเสื้อแขนปีกค้างคาวที่ราคาสิบแปดหยวนตัดหน้าเธอไปอย่างไม่ลังเล
หลินม่ายอึ้งงันเล็กน้อย ในยุคสมัยที่สังคมยังยากจนเป็นส่วนใหญ่แบบนี้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าสาว ๆ จะกล้าจับจ่ายซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ อย่างไม่นึกเสียดายเงิน
ตลาดมืดแห่งนี้เป็นสถานที่ในความปกครองของแก๊งเฉินเฟิง เหลียนเฉียวกำลังพาเขาเดินเข้าไปตรวจเยี่ยมชมกิจการ
ทันทีที่ก้าวเข้ามาในตลาดมืด เฉินเฟิงก็ถูกพ่อค้าล็อคที่สองเรียกไว้ เพื่อที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องการทำธุรกิจ
เหลียนเฉียวยืนอยู่ไม่ไกลจากเขา คอยสอดส่องสายตามองไปรอบ ๆ ทำหน้าที่เฝ้าระวัง
ครั้งล่าสุดที่เฉินเฟิงอยู่ตามลำพังและถูกคู่อริแทงเข้า เหลียนเฉียวก็เอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
หล่อนไพล่คิดไปว่าการที่เฉินเฟิงต้องมาประสบเคราะห์ครั้งใหญ่ เป็นเพราะตอนนั้นเขาไม่ได้มีหล่อนคอยอยู่เคียงข้าง ดังนั้นตอนนี้หล่อนจึงทำตัวติดกับเขาอยู่เสมอราวไม่สามารถแยกจากกันได้
ทันใดนั้น สีหน้าของหล่อนก็ชะงักงัน เมื่อจ้องมองไปทางหลินม่ายที่กำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่หน้าร้านค้าใกล้ ๆ
เฉินเฟิงอำลาพ่อค้าล็อคสอง และกำลังจะเดินต่อเพื่อตรวจตราสถานที่ต่อไป ไม่คาดคิดว่าเหลียนเฉียวจะยกมือขึ้นกุมท้องของตัวเองพลางแสดงสีหน้าเจ็บปวด
เฉินเฟิงรีบก้าวเข้าไปประคองหล่อน “เป็นอะไรไป?”
เหลียนเฉียวทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ฉันปวดท้องมากเลยค่ะ เหมือนไส้ติ่งอักเสบจะกำเริบยังไงไม่รู้”
เฉินเฟิงเห็นว่าน้ำเสียงของหล่อนสั่นสะเทือน อาจจะเป็นผลมาจากอาการเจ็บปวดที่ว่า จึงตอบกลับ “อย่าเดาสุ่มเลยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบหรือเปล่า ไว้ไปโรงพยาบาลให้หมอตรวจดูก็รู้แล้ว” พูดจบเขาก็หันหลังกลับ หมายจะพาหล่อนไปโรงพยาบาล
มุมปากของเหลียนเฉียวปรากฏรอยยิ้มสมใจโดยที่ไม่มีใครทันสังเกตเห็น แค่ไม่นานรอยยิ้มนั้นก็จางไป
หลินม่ายเฝ้ามองเจ้าของร้านเสื้อผ้ารับเงินครั้งละเป็นกอบเป็นกำด้วยความฉงนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผละออกมาเพื่อไปหาซื้อวัตถุดิบ
เธอซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ ซื้อคูปองเสื้อผ้าจากคนขายคูปอง แล้วมุ่งตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเสื้อกับกางเกงตัวใหม่ให้ตัวเองและลูกสาวรวมถึงโจวฉายอวิ๋น จากนั้นก็เดินออกมาพร้อมกับข้าวของพะรุงพะรังเต็มมือ ถีบรถสามล้อกลับไปที่ร้านอาหาร
โจวฉายอวิ๋นไม่เพียงก่อกำแพงขั้นเขตลานหลังบ้านเท่านั้น แต่ยังจัดการติดตั้งประตูรั้วเหล็กให้เรียบร้อย ทั้งยังทำความสะอาดบ้านไว้รอเธออีกด้วย
เมื่อวานนี้เพิ่งจะมีการทาสีผนังบ้าน ทำให้ผงสีขาวแห้ง ๆ จากตัวผนังร่วงลงมาเต็มขอบหน้าต่างและพื้น แต่ตอนนี้ฝุ่นผงสีเหล่านั้นได้รับการทำความสะอาดอย่างหมดจด หน้าต่างทั้งชั้นล่างและชั้นบนสะอาดเอี่ยมอ่อง
โจวฉายอวิ๋นไปล้างมือ แล้วเข้ามาช่วยเธอจัดของ
หลินม่ายยื่นเสื้อกับกางเกงที่เพิ่งซื้อมาให้อีกฝ่าย “ฉันซื้อมาให้ พี่ลองดูซิว่าชอบหรือเปล่า”
โจวฉายอวิ๋นพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ฉันไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าสำหรับสวมใส่เสียหน่อย จะซื้อมาให้ฉันทำไม? ซื้อให้ตัวเองกับโต้วโต้วก็พอแล้ว”
ถึงปากจะพูดอีกอย่าง แต่การกระทำกลับสวนทางกัน
หล่อนคลี่เสื้อผ้าพวกนั้นออก ทาบไว้กับลำตัว ก่อนจะชื่นชมทั้งรอยยิ้มว่า “สวยมากเลย!”
หลินม่ายตอบยิ้ม ๆ “อีกหน่อยเราต้องเปิดร้านอาหารกันอย่างจริงจัง เราจำเป็นต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยสะอาดตา ขืนใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งต่อไป ลูกค้าเห็นแล้วจะพลอยไม่เจริญหูเจริญตา คราวนี้ฉันเลยซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ตัวเองกับโต้วโต้วด้วย”
โต้วโต้วซึ่งกำลังเล่นสนุกกับอาหวงอยู่บนห้องชั้นบน พอเธอได้ยินเสียงของหลินม่ายดังมาจากชั้นล่าง เด็กน้อยหนึ่งคนกับสุนัขอีกหนึ่งตัวก็วิ่งลงบันไดมาทันที
โต้วโต้วร้องถามด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “แม่คะ แม่ได้ซื้อของอร่อย ๆ มาให้หนูไหม?”
“ซื้อสิ” ว่าแล้วหลินม่ายก็เอื้อมมือไปหยิบลูกอมน้ำมันหมู(1)สองสามชิ้นออกมาจากตะกร้า แล้วยื่นให้เด็กหญิงตัวน้อย
พอเห็นว่าเนื้อตัวของเด็กหญิงตัวน้อยสกปรกไปหมด จึงถามด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเสื้อผ้าของลูกถึงได้เลอะเทอะอย่างนี้ล่ะ? ไปนอนกลิ้งกับพื้นถนนมาหรือ?”
โจวฉายอวิ๋นเป็นคนตอบ “โต้วโต้วไม่ได้เล่นซนหรอก เมื่อกี้นี้หล่อนอาสาช่วยฉันก่อกำแพงกับทำความสะอาดบ้าน เพราะแบบนี้เนื้อตัวถึงได้สกปรกนัก”
หลินม่ายลูบศีรษะน้อย ๆ ของโต้วโต้ว “โต้วโต้วของแม่ช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ”
โต้วโต้วที่ได้รับการชมเชยยิ้มกว้างอย่างร่าเริง ยื่นมือไปรับลูกอมน้ำมันหมู ก่อนจะวิ่งนำอาหวงเดินออกจากประตูไป
หลินม่ายไม่คิดห้ามปรามหล่อน
ยุคสมัยนี้น้อยคนนักที่จะมีรถยนต์ส่วนตัว ต่อให้ปล่อยโต้วโต้ววิ่งเล่นหน้าร้าน ก็คงไม่เกิดอันตรายใด ๆ
หลินม่ายขนย้ายวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารไปที่ห้องครัว ก่อนจะขนเสื้อผ้าชุดใหม่ของสองแม่ลูกขึ้นไปเก็บไว้ในห้องนอนชั้นบน จากนั้นก็ออกไปทำธุระนอกบ้านอีกครั้ง
การเปิดร้านขายซาลาเปา ถ่านถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้ เธอจึงแวะไปที่สถานีหัวรถจักรเพื่อซื้อถ่านหุงต้มเพิ่ม
รอบนี้เธอขอซื้อถ่านจำนวนหลายร้อยชั่งในคราวเดียว
ทันทีที่เธอกลับมาถึงร้าน โจวฉายอวิ๋นก็ตบเข่าฉาดด้วยความเสียดาย “ถ้าเธอกลับมาเร็วกว่านี้แค่แป๊บเดียว เธอคงไม่คลาดกันกับศาสตราจารย์ฟางแน่”
หลินม่ายนิ่งงันไป “ทำไมเขาถึงแวะมาที่นี่อีกแล้วล่ะ ไม่คิดจะกลับบ้านไปพักผ่อนเลยเหรอ?”
โจวฉายอวิ๋นเดินไปที่รถสามล้อ ขนย้ายถ่านหุงต้มไปกองอยู่ตรงมุมลานบ้านโดยใช้พลั่ว “เขาแวะมาที่นี่เพราะซื้อเสื้อผ้ามาฝากเธอกับโต้วโต้วน่ะ”
หลินม่ายตกใจยิ่งกว่าเดิม “อยู่ดี ๆ ทำไมถึงได้คิดจะซื้อเสื้อผ้าให้เราเฉยเลย…”
โจวฉายอวิ๋นเหลือบมองเธอ “เธอก็ไปถามศาสตราจารย์ฟางเขาสิ ถามฉัน ฉันจะรู้เหตุผลได้ยังไง!”
พูดจบก็หันไปขยิบตาให้หลินม่ายอย่างลึกลับ “ศาสตราจารย์ฟางคงชอบเธอเข้าแล้วกระมัง?”
หลินม่ายหวนคิดถึงประโยคที่เขาเคยพูดกับเธอว่าเขามองเธอเป็นเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้ารัว “ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก ที่เขาทำดีกับฉัน ก็เพราะเห็นแก่หน้าของคุณปู่และคุณย่าฟางเท่านั้นเอง”
“จริงหรือ?” โจวฉายอวิ๋นแอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ถึงอย่างนั้นก็ยังกระซิบกระซาบ “แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าเขาทำทุกอย่างเพราะชอบเธอนะ…”
หลินม่ายทำเสียงจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ อย่าพูดซี้ซั้วน่า!”
สองสาวก้มหน้าก้มตาทำงานกันเงียบ ๆ อยู่พักหนึ่ง จู่ ๆ โจวฉายอวิ๋นก็ถามขึ้นมา “ม่ายจื่อ เธอไม่คิดจะหาพ่อใหม่ให้โต้วโต้วแล้วหรือ?”
ใบหน้าหล่อเหลาของฟางจั๋วหรานแวบเข้ามาภายในห้วงความคิดของหลินม่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พี่กังวลเรื่องของตัวเองดีกว่า พี่เองก็ไม่คิดจะหาคู่ครองใหม่แล้วหรือ?”
สีหน้าของโจวฉายอวิ๋นเศร้าหมองลงไปเล็กน้อย “ใช่ว่าฉันไม่คิดจะหาใครใหม่ แต่… แต่ฉันสุขภาพไม่แข็งแรง คะ… ใครจะต้องการฉันกันล่ะ”
พูดมาถึงตรงนี้ หล่อนก็หันไปแนะนำหลินม่ายอย่างจริงใจ “ฉันจะเป็นอย่างนี้ก็ช่างเถอะ แต่เธอควรมีความสุขในชีวิตคู่ เจอผู้ชายดี ๆ ทั้งทีก็อย่าปล่อยให้เขาหลุดมือไปเด็ดขาด”
หลินม่ายรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังพูดถึงใคร จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง “พี่เป็นหมัน แต่นั่นก็เป็นแค่สิ่งที่สามีของพี่คิดไปเอง อย่าฟังคำพูดคำจาไร้สาระของคนพวกนั้นเลย โดยเฉลี่ยแล้วคู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรสืบสกุล เป็นเพราะฝ่ายชายมีแนวโน้มว่าจะมีลูกยากมากกว่าฝ่ายหญิง พี่ควรหาเวลาว่างไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลดูสักวันให้แน่ใจนะคะ”
ถึงแม้ภพชาตินี้เธอจะจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเท่านั้น แต่หลังจากขยันทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ในที่สุดสองชาติที่แล้วเธอก็สามารถผลักดันตัวเองจนกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในแวดวงอุตสาหกรรมการจัดเลี้ยงของมณฑลหูหนาน ถึงแม้ประสบความสำเร็จในด้านอาชีพการงาน แต่เธอก็ยังคงศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ ทำให้พอรู้อยู่บ้างว่าฝ่ายชายต่างหากที่มีภาวะเสี่ยงเป็นหมันมากกว่าฝ่ายหญิง
โจวฉายอวิ๋นหลุบตาลงต่ำ พยายามระงับความเศร้าภายในจิตใจ พูดด้วยเสียงแผ่วต่ำ “ฉันยังจำเป็นต้องไปตรวจอีกหรือ? ในเมื่อคนขี้ขลาดคนนั้นมีลูกกับผู้หญิงอีกคนไปแล้ว แทบไม่ต้องหาหลักฐานอะไรมายืนยันด้วยซ้ำ…”
หลินม่ายตกตะลึง “พี่รู้ได้ยังไง?”
โจวฉายอวิ๋นเงยหน้าขึ้นราวกับจะยิ้มเย้ยให้กับชะตากรรมของตัวเอง “เธอคิดว่าทำไมฉันถึงโดนขับไล่ให้กลับมาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของตัวเองกันล่ะ? เป็นเพราะผู้ชายคนนั้นต้องการเปิดทางให้หญิงชู้กับลูกนอกสมรสของเขาเข้ามาอาศัยอยู่ร่วมชายคาเดียวกันยังไงล่ะ แต่เพราะเขายังมีฉันอยู่ เขาถึงได้หาข้ออ้างมาเขี่ยฉันทิ้ง!”
หลินม่ายนิ่งอึ้ง
เธอคิดมาโดยตลอดว่าโจวฉายอวิ๋นถูกสามีขับไล่ออกจากบ้านเพราะเธอมีลูกให้กับเขาไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าความเป็นจริงจะหม่นเศร้าเคล้าน้ำตายิ่งกว่า
เธอปลอบโยนโจวฉายอวิ๋น “เป็นโสดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร พี่ยังมีฉันอยู่ด้วยทั้งคนไม่ใช่หรอกหรือ? เราไม่จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ชายก็ยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ บางทีชีวิตโสดอาจดีกว่าชีวิตแต่งงานด้วยซ้ำไป”
โจวฉายอวิ๋นพยักหน้า “ใช่แล้ว!”
หลังจากถ่านหุงต้มถูกย้ายมากองรวมกันแล้วเรียบร้อย สองสาวก็ล้างมือ โจวฉายอวิ๋นจัดการต้มน้ำสำหรับอาบ โดยบอกให้หลินม่ายขึ้นไปอาบน้ำบนห้องชั้นบนก่อน ส่วนเธอจะรับหน้าที่ทำอาหารมื้อเย็น
หลินม่ายซื้อซี่โครงหมูมากด้วย การทำซุปจากซี่โครงหมูต้องใช้เวลาเคี่ยวนานพอสมควร
ดังนั้นเธอจึงต้องจัดการเคี่ยวเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่อย่างนั้นอาจล่าช้าเกินไป พอถึงเวลาอาหารเย็นตัวซี่โครงอาจเปื่อยไม่พอ
หลินม่ายขึ้นไปชั้นบน มือข้างหนึ่งหิ้วถังน้ำขนาดใหญ่เดินเข้าไปในห้อง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งหอบอ่างล้างหน้าเอาไว้
เธอเหลือบไปเห็นว่าบนเตียงใหญ่ของตัวเองมีเสื้อผ้ากองอยู่หลายชุด มีทั้งตัวใหญ่และเล็กคละกันไป
มองแวบเดียวก็รู้ทันทีว่าเสื้อผ้าพวกนี้คือของที่ฟางจั๋วหรานซื้อมาให้
เธอวางถังน้ำและอ่างล้างหน้าลง เดินไปเลือกเสื้อผ้าตัวเล็กออกมาจากกอง
พอคลี่ดูก็เห็นว่าเป็นเสื้อเชิ้ตตัวเล็กสีขาวแขนตุ๊กตา ไว้สวมคู่กับชุดเอี๊ยมสีแดงเข้ม ถ้าโต้วโต้วสวมใส่คงน่ารักไม่หยอก
สภาพอากาศในเดือนนี้นับว่าไม่เอื้ออำนวยต่อการแต่งตัวเอาเสียเลย จะใส่ชุดของฤดูใบไม้ผลิก็ไม่ได้แล้ว เนื่องจากอากาศร้อนเกินไป
แต่ถ้าใส่กระโปรงแล้วไม่ใส่ถุงน่องก็จะหนาวเกินไปอีก ฤดูกาลนี้การแต่งตัวที่เหมาะสมที่สุดคือสวมเสื้อตัวกางเกงตัวอย่างง่าย ๆ
เธอหยิบเสื้อผ้าที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้ขึ้นมา เตรียมคัดแยกพวกมันออกจากกัน แต่พอคิดทบทวนดูอีกทีแล้ว เธอก็ล้มเลิกความตั้งใจดังกล่าวไปเสีย
เธอไม่ควรยอมรับเสื้อผ้าเหล่านี้จากเขา และตั้งใจว่าจะส่งคืนให้กับฟางจั๋วหรานในวันพรุ่งนี้ เพราะฉะนั้นไม่แยกชิ้นส่วนพวกมันออกจากกันคงเป็นการดีที่สุด
…………………………………………………………………………………………………………….
ลูกอมน้ำมันหมู ขนมชนิดหนึ่งที่ทำโดยการเคี่ยวน้ำมันหมูผสมกับแป้งและน้ำตาล มีรสหวาน หอมสดชื่น ให้พลังงานได้เป็นอย่างดี
สารจากผู้แปล
เห็นนะว่ามีคนคอยล่มเรือหัวหน้าแก๊งหนึ่งอัตรา จะเจอกันก็มีเหตุทำให้คลาดกันเฉยๆ
ส่วนเรือพี่หมอก็ติดน้องสาวพี่ชายโซนอีก
ไหหม่า(海馬)