ตอนที่ 116 ชายหนุ่มเจ้าปัญหา
หลินม่ายยืนอยู่ข้างๆ ด้วยอาการสงบ
เด็กชายสองคนในอ้อมแขนของเขาดูเหมือนเพิ่งจะถูกขโมยมา เป็นไปไม่ได้ที่พวกที่พวกเขาจะตอบคำถามเหมือนกัน แบบนี้ก็ไม่มีข้อแก้ต่างแล้ว
ชายหญิงคู่นั้นบังคับตัวเองให้สงบ
ฝ่ายหญิงสุ่มชื่อและวันเกิดให้กับเด็กทั้งสองที่ขโมยมา แต่ฝ่ายชายไม่ตอบ อ้างว่าเขามักเลอะเลือน ลืมไปแล้วว่าเด็กชื่ออะไร นับประสาอะไรกับวันเกิด
คนที่มามุงดูบอกว่า “การลืมวันเกิดเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ผู้ชายบางคนก็มักจะประมาทเลินเล่อแบบนี้แหละ แต่ถ้าลืมแม้กระทั่งชื่อเด็กใครจะเชื่อ ชื่อนี่มันต้องเรียกทุกวัน วันละหลายครั้งอยู่แล้ว”
“ใช่แล้ว!”ผู้คนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ชายคนนั้นมีเหงื่อออกเต็มหน้าผาก แต่สีหน้าเขายังคงเรียบเฉย “ปกติผมไม่ค่อยเรียกเด็กด้วยชื่อของพวกเขา ผมมักจะเรียกว่าต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า ถ้าไม่เชื่อก็ไปถามคนรักของผมสิว่าผมเรียกเด็กทั้งสองแบบนี้จริงไหม”
มีคนวิ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วถาม “ผู้ชายของเธอเรียกเด็กๆ ว่าอะไร?”
“เรียกว่าต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า มีปัญหาไหม?”
คนที่ถามหมดอารมณ์ทันที
หลินม่ายจงใจถามฝ่ายหญิง “เรียกว่าต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าแน่เหรอ? เธอลองคิดดีๆ นะ!”
หญิงสาวตื่นตระหนกทันที
พวกเขาสองคนขโมยเด็กมา ปกติก็จะเรียกเด็กว่าต้าเป่าเสี่ยวเป่านี่แหละ
จบแล้ว โดนจับได้แล้ว ทำยังไงดี?
“ชื่ออะไรกันแน่บอกฉันมา!” หลินม่ายเร่งเร้า “คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ชายของคุณเรียกเด็กว่าอะไรใช่ไหมล่ะ?”
ผู้หญิงคนนั้นพูดตะกุกตะกัก เห็นได้ว่าหล่อนตอบไม่ได้
ทุกคนเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ต้องพาหล่อนและเขาไปที่สถานีตำรวจ
ชายหญิงคู่นี้ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อ อุ้มเด็กไว้แล้วจะวิ่งออกจากวงล้อม
แม้จะฝ่าวงล้อมสำเร็จ แต่ฝูงชนก็วิ่งตามพวกเขาได้ และล้อมพวกเขาไว้อีกครั้ง
ทั้งคู่เริ่มตะโกนกล่าวหาว่าพวกคนที่มามุงดูไม่มีสิทธิ์ที่จะกักขังพวกเขา ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาเข้ามาดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้ที่สัญจรผ่านมาคนหนึ่งชี้ไปที่เด็กในอ้อมแขนของผู้หญิงคนนั้น แล้วอุทานว่า “ทำไมหลานชายของพ่อเฒ่าเหยาถึงอยู่ในมือคุณล่ะ?”
เมื่อทั้งคู่ได้ยินดังนั้นก็รีบโยนเด็กลงพื้น แล้วต้องการที่จะหนี
คราวนี้พวกเขาวิ่งไปทางซ้ายหรือขวาก็หนีไม่รอด
ขณะนี้ตำรวจก็มาทันท่วงทีและจับกุมตัวไว้ในที่สุด
ในฐานะบุคคลแรกที่เจอพวกค้ามนุษย์ หลินม่ายก็ถูกเชิญไปที่สถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ
หลังจากลงบันทึกเสร็จ หลินม่ายออกมาก็เห็นโจวฉายอวิ๋นพาโต้วโต้วมานั่งรออยู่ที่ห้องโถง
เด็กน้อยน่ารักวิ่งเข้ามาหา กอดต้นขาของเธอข้างหนึ่ง เงยหน้าขึ้นมองตาเป็นประกาย และมองเธอด้วยความชื่นชม “แม่เก่งมากเลย จับคนร้ายได้ด้วย!”
หลินม่ายหยิกแก้มเจ้าตัวยุ่งตัวน้อย “โชคดีที่หนูเตือนแม่ ไม่งั้นแม่คงมองไม่ออกว่านี่คือคนร้าย”
เด็กน้อยภูมิใจที่ได้รับการยกยย่อง
ทั้งสามกลับไปที่ร้านอาหาร ป้าหูเห็นหลินม่ายและคนอื่นๆกลับมาพร้อมของเต็มกระเป๋าก็รู้สึกหมั่นไส้ “มีความสุขไปเถอะ กำลังจะตายอยู่แล้วยังมีความสุขอยู่ได้!”
ขณะที่พูด หล่อนก็ยืนอยู่หน้าประตู สายตามองไกลออกไป คนที่หล่อนจ้างวานมาให้จัดการหลินม่ายใกล้จะมาถึงแล้ว
โจวฉายอวิ๋นกำลังจะกลับบ้านเกิดในวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงบ้าน หลินม่ายก็จ่ายเงินเดือนและเงินพิเศษให้กับเธอสิบหยวน
โจวฉายอวิ๋นรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยที่ได้รับเงินพิเศษสิบหยวน “ฉันใช้แค่แรงกาย ไม่รู้จักการขาย เธอน่ะเป็นคนหาเงินทั้งหมดแล้วยังจะให้เงินพิเศษกับฉันทำไม?”
“หลังจากทำงานมาทั้งเดือน เธอเองก็พักผ่อนน้อย แล้วยังต้องช่วยฉันดูแลบ้านและลูกอีก เงินนี้เธอสมควรได้มันนะ”
โจวฉายอวิ๋นจึงยอมรับเงินสิบหยวนไว้
ในขณะนั้นก็มีเสียงดังลำพองของชายคนหนึ่งดังมาจากชั้นล่าง “หายไปไหนกันหมด ตายหมดแล้วหรือไง ทำไม เอาของเสียให้ลูกค้ากินแล้วคิดจะหนีหรอ?”
โจวฉายอวิ๋นขมวดคิ้ว “ใครน่ะ?”
หลินม่ายเดินลงมาชั้นล่าง แล้วเห็นชายหนุ่มหน้าตาไม่ดีสองคนนั่งอยู่ในร้าน ท่าทางเหมือนมาทวงหนี้
เธอจำพวกเขาได้
พวกเขามาที่ร้านของเธอเพื่อกินข้าวกลางวัน แต่เธอไม่ได้เห็นว่าตอนนั้นพวกเขาเป็นอย่างไร ทว่าตอนนี้พวกเขากำลังมาสร้างปัญหา
หลินม่ายขมวดคิ้วและถามว่า “เอาของเสียให้ใครกิน พูดให้มันดีๆ นะ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งตบโต๊ะ “ตอนกลางวันพวกเราสั่งหลูจู่กับข้าวผัดน้ำมันหมูใส่ไข่ เธอจำได้ไหม?”
หลินม่ายยอมรับ “จำได้!”
“ยอมรับก็ดี ฉันกลัวว่าเธอจะไม่ยอมรับ!”
ชายหนุ่มกล่าวว่า “พวกเรากินหลูจู่กับข้าวผัดน้ำมันหมูใส่ไข่ กลับไปแล้วท้องเสีย นี่ก็เพิ่งจะดีขึ้นนะ คุณจะรับผิดชอบยังไงกับค่ารักษาพยาบาลและค่าแรงที่เสียไป?”
โจวฉายอวิ๋นรวบรวมเงินเดือนและเงินพิเศษของเธอ แล้วรีบลงไปชั้นล่างเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หล่อนโต้กลับด้วยความโกรธ “พวกคุณสองคนท้องเสียหลังจากกินอาหารในร้านของเรางั้นเหรอ? บังเอิญจังเลยที่มีแค่พวกคุณสองคน ไม่มีคนอื่น ฉันคิดว่าพวกคุณมาที่นี่เพื่อข่มขู่สินะ! ”
ชายหนุ่มทั้งสองมีท่าทางฮึดฮัดเมื่อโจวฉายอวิ๋นเปิดเผยความจริง
หนึ่งในนั้นยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว และเดินเข้าหาโจวฉายอวิ๋นทีละก้าว “ทำไม?จะหาเรื่องใช่ไหม?”
หลินม่ายกลัวว่าโจวฉายอวิ๋นจะเสียเปรียบ ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่ระหว่างฉายอวิ๋นกับชายหนุ่มทั้งสอง
เธอพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ถ้าไม่อยากให้พวกเราสงสัย นั่นง่ายมาก ก็แค่ไปโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจและยืนยันว่าอาหารในร้านของเราทำให้คุณท้องเสียสิ”
ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดอย่างชั่วร้าย “ฉันท้องเสียไปแล้ว เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว ไปโรงพยาบาลจะตรวจเจออะไร เธอคิดจะกลั่นแกล้งกันใช่ไหม?”
หลินม่ายยิ้มอย่างเหยียดหยาม “ตำรวจยังต้องการหลักฐานเพื่อจัดการคดีนี้ ถ้าคุณไม่มีหลักฐานแล้วกล่าวหาลอยๆ ว่าเป็นเพราะกินอาหารที่ร้านของพวกเราแล้วท้องเสีย ใครเขาจะเชื่อ”
เพื่อนบ้านละแวกนั้นมารวมตัวกันที่ประตูเพื่อรอดูความตื่นเต้น
จากนั้นเสียงซุบซิบก็ดังขึ้นเซ็งแซ่
“ดูเหมือนว่าชายหนุ่มสองคนนี้มาที่นี่เพื่อข่มขู่ เสี่ยวหลินให้เงินพวกมันไปก็จบแล้วไม่ใช่เหรอ จะไปงัดข้อกับพวกมันคงสู้ไม่ได้หรอก! ”
ชายหนุ่มอีกคนคว่ำโต๊ะ “บอกมาเลยดีกว่าว่าคุณจะชดใช้ค่ารักษาพยาบาลกับค่าแรงที่เสียไปไหม?”
“ชดใช้สิ!” หลิยม่ายตอบอย่างเด็ดขาด “ตราบใดที่พวกคุณแสดงหลักฐานว่าคุณท้องเสียหลังจากที่กินอาหารของฉัน”
“แม่งเอ้ย ถ้าพวกเราไม่มีหลักฐาน ก็ต้องก้มหน้ายอมรับเรื่องบ้าๆ นี้น่ะหรอ?”
ชายหนุ่มโกรธจัดจนอยากจะเหวี่ยงหมัดไปที่ใครสักคน
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฟางจั๋วหรานเดินผ่านหลังเลิกงานและเห็นว่าทางเข้าร้านของหลินม่ายเต็มไปด้วยผู้คน เขาก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น จึงเบียดเข้าไปและมองไปที่ชายหนุ่มทั้งสองแล้วถามหลินม่าย
หลินม่ายจึงแจงสี่เบี้ยให้เขาฟัง
ฟางจั๋วหรานกล่าวอย่างสุภาพกับชายหนุ่มทั้งสอง “สวัสดีครับ ผมเป็นหมอจากโรงพยาบาลผู่จี้ พวกคุณไม่ต้องกังวลนะครับว่าจะหาสาเหตุการท้องเสียไม่ได้ การรักษาทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลผู่จี้ค่อนข้างก้าวหน้า ผมจะพาคุณไปตรวจ ตราบใดที่คุณสามารถพิสูจน์ได้ว่าคุณท้องเสียหลังจากทานอาหารไม่สะอาด ผมจะให้ทางร้านชดใช้ทุกอย่าง!”
ชายหนุ่มทั้งสองสับสนเล็กน้อย “คุณเป็นใคร? ทำไมถึงช่วยเรา?”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเฉยเมย “ผมเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้าน และผมไม่ได้ช่วยพวกคุณ ผมกำลังผดุงความยุติธรรม ถ้าร้านอาหารของเพื่อนผมมีปัญหาจริง มันก็ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ แม้กระทั่งการปิดร้าน เพราะมันเป็นความผิดของพวกเขาเอง แต่ถ้าพวกคุณมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาและต้องการข่มขู่ ผมจะไม่ปล่อยคุณไปและจะส่งเรื่องให้ตำรวจแน่นอน คงได้กินนอนอยู่ในคุกหลายปีเชียวหล่ะ ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงปราบปรามอยู่ด้วย!”
ชายหนุ่มทั้งสองตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าสิ่งต่างๆ จะเกินการควบคุมเพียงนี้
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ชอบเรื่องนี้ตรงที่ชาวบ้านมีสมอง ไม่ไหลตามๆ กันไปนี่แหละ
คุณหมอทำคะแนนอีกแล้วนะคะ แต่ว่า ม่ายจื่อนี่เพื่อนแน่เหรอ
ไหหม่า(海馬)