ตอนที่ 122 มาลองเทียบกันหน่อย
หลินม่ายเองก็ยิ้มตอบรับไมตรีนั้นจากโหมวตานด้วยเช่นกัน “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเกรงใจคุณ เดี๋ยวฉันรอเอาให้อาจารย์เองดีกว่า คุณจะได้ทำงานของตัวเองด้วย”
โหมวตานยังคงแสร้งยิ้มอย่างเป็นมิตร “ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเกรงใจอะไรหรอกค่ะคุณ กะกลางคืนแบบนี้งานก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้นด้วย”
“งั้นคุณก็ไปพักผ่อนเถอะค่ะ พยาบาลอย่างคุณคงทำงานหนักมาก ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ค่ะ รอได้”
โหมวตานไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องยอมจากไปในที่สุด
เวลาผ่านไปมากกว่าครึ่งชั่วโมงไฟหน้าห้องผ่าตัดก็เปลี่ยนสี การผ่าตัดเสร็จสิ้นลงในที่สุด คนไข้ถูกเข็นออกไป ในขณะที่คุณหมอฟางเดินตามออกมา
ครอบครัวของผู้ป่วยที่รออยู่รีบมารวมตัวกันที่หน้าคุณหมอทันทีด้วยความร้อนใจและเริ่มถามไถ่ถึงอาการของเขา
ฟางจั๋วหรานถอดหน้ากากออก ยิ้มอย่างอบอุ่นให้ญาติผู้ป่วยแล้วแจ้งกับพวกเขาว่า “การผ่าตัดสำเร็จด้วยดีนะครับ”
ทั้งรอยยิ้ม คำพูด และน้ำเสียงของเขาเป็นเหมือนยาที่ช่วยเสริมความมั่นใจให้บรรดาครอบครัวของคนไข้ได้เป็นอย่างดี พวกเขามีท่าทางโล่งใจแล้วเดินตามคนไข้ไปที่ห้องพักฟื้น
ทันทีที่แยกกับญาติคนไข้ ฟางจั๋วหรานก็หันมาเห็นหลินม่าย เขารีบตรงมาหาเธอด้วยรอยยิ้ม
หญิงสาวรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วส่งอาหารที่เตรียมมาให้เขา “คุณกินเกี๊ยวไปก่อน ซุปเย็นหมดแล้วฉันจะเอากลับไปอุ่นให้”
แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะเอ่ยตอบอะไร โหมวตานที่ยินอยู่แถวนั้นก็รีบพูดขึ้นมาก่อน “อาจารย์ฟางคะ ฉันมีนมมอลต์อยู่ เดี๋ยวฉันจัดการเอาไปชงให้คุณดื่ม จะได้ไม่ต้องรบกวนเสี่ยวหลินให้ต้องเทียวไปเทียวมาดีไหมคะ”
“ผมก็มีนมมอลต์อยู่เหมือนกัน” ฟางจั๋วหรานตอบกลับ แล้วหันมาคุยกับหลินม่ายต่อ “ผมอยากกินซุปไชเท้าของคุณ ที่ห้องทำงานมีเตาไฟฟ้าเล็ก ๆ อยู่เดี๋ยวผมเอาไปอุ่นเองแล้วก็กินเลยดีกว่า”
เมื่อเขายืนยันแบบนั้น หลินม่ายเลยส่งหม้อซุปให้เขาแล้วขอตัวกลับบ้านไป
โหมวตานมองดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ด้วยสีหน้ามืดมนและเจ็บปวด
ตัวหล่อนทั้งสวยและมีความสามารถ อาชีพการงานเองก็ดีกว่าผู้หญิงไม่รู้หัวนอนปลายเท้าที่เป็นแค่แม่ค้าขายอาหารคนนั้น แต่อาจารย์ฟางกลับลดตัวไปสนใจอีกฝ่ายมากกว่าหล่อน
ยิ่งคิดเรื่องนี้มากเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกขัดใจมากขึ้นไปอีก
ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่เวรของฟางจั๋วหรานและเขาถูกเรียกเข้ามาทำการผ่าตัดฉุกเฉินเท่านั้น แต่ผู้ป่วยที่เขาเพิ่งทำการรักษาไปเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสที่เกษียณอายุแล้ว ไม่ว่าการผ่าตัดจะออกมาเป็นที่น่าพอใจแค่ไหน ก็อาจมีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นอีกได้
เพื่อความปลอดภัย คุณหมอหนุ่มเลยยังอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ หลังจากกินอาหารทั้งหมดที่หลินม่ายเตรียมมาให้แล้ว
หากว่าอาการของคนไข้มีการเปลี่ยนแปลงเขาจะได้อยู่จัดการกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างทันที
คุณหมอฟางได้ล้มตัวลงนอนไปไม่ถึงสองชั่วโมงดีก็ถูกปลุกให้ไปช่วยผ่าตัดผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อีก คนหนึ่งต้องผ่าตัดเอาม้ามที่แตกออก และอีกคนต้องรับการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ
ฟางจั๋วหรานใช้เวลาทั้งคืนนั้นกับการทำงานในห้องผ่าตัด
เขาเสร็จจากงานและเดินออกจากโรงพยาบาลในเวลาราว ๆ แปดโมงเช้า ตั้งใจจะไปกินมื้อเช้าที่ร้านของหลินม่ายแล้วกลับไปนอนให้เต็มตื่น
ก่อนจะถึงร้านของหลินม่าย ชายหนุ่มเห็นเด็กหนุ่มยืนอยู่หน้าร้านชี้ไปที่ร้านของหลินม่ายแล้วหันไปบอกเพื่อนตัวเอง “ไปกินข้าวเช้าร้านนี้กัน อร่อยมากเลย!”
“ไม่เอา ฉันอยากกินที่นี่มากกว่า” แต่เพื่อนคนนั้นกลับชี้ไปที่ร้านเว่ยเหม่ยไจของป้าหู “ร้านนี้ก็อร่อย ถูก แล้วก็ให้เยอะด้วย”
ฟางจั๋วหรานที่ยืนฟังอยู่ก็ประหลาดใจเล็กน้อย อาหารร้านข้าง ๆ นี่สามารถเทียบรสชาติกับร้านของหลินม่ายได้เชียวเหรอ?
แถมซาลาเปา เกี๊ยว อาหารต่าง ๆ ของหลินม่ายก็ใช่ว่าจะให้น้อยเสียที่ไหน ถ้าร้านข้าง ๆ ยังให้เยอะกว่า ร้านป้าหูนี่ขายอาหารเพื่อการกุศล ไม่แสวงผลกำไรหรืออย่างไรกัน?
ฟางจั๋วหรานลองเข้าไปในร้านป้าหูเพื่อลองซื้ออาหารที่นั่นดู
เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าอาหารร้านข้าง ๆ จะอร่อยคุ้มค่าอย่างที่ได้ยินมาหรือเปล่า
ป้าหูเห็นฟางจั๋วหรานเข้ามาในร้านก็อดตื่นเต้นไม่ได้
หล่อนรู้ว่าเขาเป็นลูกค้าคนพิเศษของหลินม่าย
การที่เขาเลือกมาที่นี่แสดงว่าอาหารของหล่อนต้องดึงความสนใจจากเขาได้เช่นกัน
ไม่อย่างนั้นผู้ชายคนนี้จะยอมเปลี่ยนใจจากร้านประจำมาเข้าร้านคู่แข่งแบบนี้ได้อย่างไร
ป้าหูเป็นคนยกซาลาเปาและเกี๊ยวที่ลูกค้าคนพิเศษคนนี้สั่งมาเสิร์ฟให้เขาเองกับมือ และไม่ลืมที่จะค่อนแคะหลินม่ายด้วยเสียงกดต่ำ “คุณมากินมื้อเช้าที่ร้านเราได้ทุกวันเลยนะคะ ต่อไปฉันมีส่วนลดพิเศษให้เลยค่ะ อาหารร้านข้าง ๆ รสชาติงั้น ๆ แถมยังให้น้อย ที่ยังขายได้อยู่คงเพราะอ่อยเก่งมากกว่า ไม่งั้นไม่น่ามาเปิดร้านได้หรอกมั้ง”
ฟางจั๋วหรานรับซาลาเปาและเกี๊ยวจากป้าหูแล้วเอ่ยตอบอย่างเย็นชา “อายุคุณก็ไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว ไม่น่าเป็นคนไม่มีจิตสำนึกแบบนี้เลยนะครับ หรือว่าคุณไม่เคยมีมาตั้งนานแล้ว?”
ป้าหูหน้าซีดไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้อะไร เพราะกลัวว่าจะมีปัญหาตามมาอีก ทุกคนรู้กันหมดเรื่องกิตติศัพท์ของหลินม่าย ใคร ๆ ก็ไม่อยากมีปัญหากับเธอทั้งนั้น
แม้ว่าหลินม่ายจะดูนิ่งเงียบต่างจากสาวบ้านนอกทั่วไป และดูไม่ใช่คนชอบหาเรื่องคนอื่น แต่ชื่อเสียงที่ผ่านมาของเธอก็ทำให้ป้าหูจำต้องกลืนความโกรธลงท้องไป
แถมผู้ชายคนนี้ยังคอยช่วยเหลือเธออยู่ตลอด ถ้าจะมีเรื่องกันจริง ๆ ก็คงยากจะรับมือกับทั้งสองคนนี้พร้อม ๆ กันได้
ป้าหูทำได้เพียงบ่นเบา ๆ โดยไม่ให้เขาได้ยินเท่านั้น “เฮอะ ! เห็นกงจักรเป็นดอกบัวจริง ๆ เลยหมอนี่!”
สื่อเจินเซียง ลูกสาวของป้าหูกำลังสะพายกระเป๋าไว้บนหลังและกำลังจะไปทำงาน หล่อนพลันเหลือบมองฟางจั๋วหรานด้วยความสนอกสนใจ และรีบถามแม่อย่างตื่นเต้น “ผู้ชายคนนั้นใครน่ะแม่?”
ป้าหูตอบอย่างเคือง ๆ “ผู้ชายของยัยคนข้างบ้านน่ะสิ”
สื่อเจินเซียงเหลือบมองไปทางหลินม่ายที่กำลังยุ่งกับงานของตัวเองในร้านข้าง ๆ แล้วถามต่อว่า “แม่รู้ไหมว่าเขาทำงานอะไร”
“ฉันได้ยินว่าเขาเป็นอาจารย์หมออยู่ที่คณะแพทย์”
ได้ยินแบบนั้นคนเป็นลูกสาวก็มีดวงตาเป็นประกายขึ้นมาในทันที ระหว่างเดินผ่านร้านของหลินม่ายก็เหลือบมองคุณหมอหนุ่มอีกครั้ง ยิ่งมองก็ยิ่งหล่อน่ามองเหลือเกิน
หลินม่ายเองก็เห็นว่าฟางจั๋วหรานเดินเข้าร้านข้าง ๆ
แล้วก็พอเข้าใจด้วยว่าที่เขาทำแบบนั้นไม่ได้เป็นการหักหน้าเธอแต่อย่างใด
ทันทีที่คุณหมอหนุ่มเข้ามาในร้าน หลินม่ายก็ฝากให้วังเสี่ยวลี่ดูหน้าร้านต่อ ส่วนเธอก็พาฟางจั๋วหรานขึ้นไปที่ห้องนั่งเล่นบนชั้นสอง
ชายหนุ่มเอาอาหารจากร้านข้าง ๆ ใส่ลงไปในหม้อซุปของหลินม่ายที่เขาได้มาเมื่อคืนกลับมาด้วย
เขาเอ่ยกับหลินม่าย “คุณไปเอาชามมาสิ”
หญิงสาวรับคำ ไปหยิบชามขึ้นมาโดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม
ฟางจั๋วหรานบอกให้เธอนั่งลงตรงข้ามเขา เทเกี๊ยวที่ห่อมาลงไปในชาม แล้วยื่นให้เธอ “ลองชิมดูว่ามันต่างกันยังไง”
หลินม่ายตักเกี๊ยวชิมคำเล็ก ๆ อย่างระมัดระวัง
“รสชาติต่างกันนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าดีกว่าเกี๊ยวธรรมดาทั่วไป แถมเป็นร้านเก่าแก่มีชื่อเสียง ที่สำคัญก็คือราคาถูกกว่าของฉัน”
ฟางจั๋วหรานยื่นซาลาเปาอีกลูกให้เธอ “คุณลองชิมซาลาเปานี่ดู”
หลังจากชิมไปแล้วหลินม่ายก็เลิกคิ้วขึ้น “นอกจากราคาถูกกว่าแล้วก็ไม่ได้มีข้อดีอะไรนะ”
อาหารเช้าของหลินม่ายมีรสชาติโดดเด่นเพราะเครื่องปรุงพิเศษอย่างกะปิ ทำให้อาหารของร้านข้าง ๆ ไม่สามารถมาแข่งขันกับเธอเรื่องรสชาติได้
ในเรื่องปริมาณ หลินม่ายก็ไม่ได้ถือว่าให้น้อยเลย
เธอเชื่อเสมอว่าถ้าทำธุรกิจแล้วไม่ซื่อตรงกับลูกค้า ก็จะทำธุรกิจนั้นได้ไม่นาน
ฟางจั๋วหรานหยิบซาลาเปาขึ้นมาสังเกตดู ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วถามต่อว่า “ซาลาเปานี่ไม่ใช่แค่ราคาถูกอย่างเดียวแต่มันใหญ่กว่าของคุณแบบเห็นได้ชัดเลย”
หลินม่ายแค่นยิ้มออกมา “ซาลาเปานี่ขายแบบขาดทุนอยู่ ถ้าขายมากเกินไปคงล้มละลายได้ อีกอย่าง มันดูใหญ่กว่าของฉันก็จริง แต่น้ำหนักก็พอ ๆ กับของฉันนี่แหละ หรืออาจจะน้อยกว่าอีกด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มได้ฟังก็ยิ่งสงสัย “แล้วทำไมมันถึงได้ดูใหญ่กว่าล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ช็อตฟีลเลยไหมป้าหู เจอฝีปากมีดผ่าตัดของพี่หมอเข้าไปเป็นไง
อย่าเชียวค่ะนังลูกสาว พี่หมอเป็นของม่ายจื่อ
พี่หมอยิ่งมองก็ยิ่งเหมาะสมกับม่ายจื่อ สองคนนี้ดูรู้ทันกันดีนะคะ
ไหหม่า(海馬)