ตอนที่ 147 โต้วโต้วป่วยอีกแล้ว
เพื่อให้ทันนัดเซ็นสัญญากับคุณลุงเจ้าของบ้านภายในบ่ายสามหรือบ่ายสี่โมงเย็น เวลาประมาณตีห้า หลินม่ายก็ขับรถแทรกเตอร์กลับไปที่หมู่บ้านชนบทแล้ว
ทันทีที่เธมาถึงบ้านของคุณย่าฟาง เธอได้ส่งมอบอาหารทะเลตากแห้งทั้งหมดที่ฟางจั๋วหรานฝากมาให้กับนางอย่างครบถ้วน
ไม่เพียงแค่คุณย่าฟางที่ยิ้มจนแก้มปริ แม้แต่คุณปู่ฟางเองก็ยิ้มไม่หุบเช่นเดียวกัน
สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่เงินทองหรืออาหารและเครื่องดื่มดี ๆ แต่เป็นการได้รับความใส่ใจจากบรรดาลูกหลาน
หลินม่ายรับซื้อผลไม้เสร็จสรรพ ก็ขับรถแทรกเตอร์กลับเข้าเมือง
เธอกลับไปถึงที่ร้านตอนบ่ายสองโมง
ทันทีที่โจวฉายอวิ๋นเห็นเธอ ก็ดึงแขนเข้าไปคุยในห้องอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ
เธอหยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาจากตู้ ก่อนจะยื่นให้อีกฝ่าย “คุณหมอฟางแวะมากินข้าวที่นี่ตอนเที่ยง ก็เลยฝากเงินจำนวนนี้ไว้ให้ฉันส่งต่อให้เธออีกทีหนึ่ง”
ว่าแล้วเธอก็ถอนหายใจ “คุณหมอฟางดีกับเธอมากเลยนะ ยอมให้ยืมเงินสามพันหยวนโดยไม่ร้องขอให้เธอร่างสัญญากู้ยืมด้วยซ้ำ!”
แต่ประโยคนั้นของเธอกลับเป็นการย้ำเตือนหลินม่ายเสียอย่างนั้น “ไว้ฉันค่อยร่างสัญญากู้ยืมให้เขาทีหลังก็แล้วกัน”
โจวฉายอวิ๋นรู้สึกเสียใจเล็กน้อย นี่หล่อนพูดมากเกินความจำเป็นไปหรือเปล่านะ? ถึงได้แพ้ภัยตัวเองเสียได้?
หลินม่ายกินข้าวมื้อกลางวันอย่างรีบร้อน จากนั้นก็นำเงินสามพันหยวนนั้นออกไปมอบให้กับคุณลุงเจ้าของบ้าน
การซื้อบ้านถือเป็นเรื่องใหญ่ ต่างฝ่ายต่างก็กลัวถูกหลอกกันทั้งนั้น
คุณลุงเจ้าของบ้านกับหลินม่ายพบกันแล้ว ก็เดินทางไปที่สำนักงานแขวงเพื่อเซ็นสัญญาซื้อขายบ้าน
พอมีเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ก็เกิดความสบายใจต่อทั้งสองฝ่าย
เมื่อหลินม่ายกลับมาถึงร้านพร้อมกับเอกสารสัญญาซื้อขายบ้าน เธอเห็นว่าโจวฉายอวิ๋นหน้านิ่วคิ้วขมวด อุ้มโต้วโต้วที่มีท่าทางกระสับกระส่ายไว้ในอ้อมแขน เตรียมตัวออกไปข้างนอก จึงรีบเข้าไปถาม “โต้วโต้วเป็นอะไรไป?”
“เมื่อกี้หล่อนอาเจียนใหญ่เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาหารเป็นพิษสะสมหรือเพราะสาเหตุอื่นกันแน่ ฉันเอามือไปแตะหน้าผากเธอปรากฏว่าร้อนจี๋ทีเดียว เลยว่าจะพาหล่อนไปโรงพยาบาล”
หลินม่ายออกตัว “เดี๋ยวฉันพาหล่อนไปโรงพยาบาลเอง”
เธอวิ่งขึ้นไปในห้องชั้นบน เก็บเอกสารสัญญาซื้อขายบ้านล็อกไว้ในตู้ให้เรียบร้อย ก่อนจะคว้าหมวกบังแดดมาสวมให้ตัวเองและลูกสาว จากนั้นก็ถีบรถสามล้อไปที่โรงพยาบาลด้วยกันกับโต้วโต้ว
ถึงแม้โรงพยาบาลผู้จี้จะอยู่ไม่ไกลจากร้านของเธอมากนัก แต่หลินม่ายกลับยอมเดินทางไกลขึ้นอีกหน่อย เพื่อพาเด็กหญิงตัวน้อยไปที่โรงพยาบาลแห่งที่สองซึ่งตั้งอยู่บนถนนหวู่จ้าน
สาเหตุสำคัญคือโรงพยาบาลผู่จี้นั้นเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ของเมือง แถมยังมีชื่อเสียงมากที่สุดอีกด้วย แพทย์และพยาบาลต่างก็มีฝีมือเก่งเป็นอันดับต้น ๆ ในภาคกลางของจีน แต่ละวันมีผู้ป่วยฉุกเฉินเข้ารับการรักษาเป็นจำนวนมาก
อาการของโต้วโต้วย่ำแย่แบบนี้ จะยอมให้ถึงมือหมอล่าช้าไม่ได้ ดังนั้นการไปโรงพยาบาลที่มีขนาดเล็กลงมาอาจได้รับการรักษาที่ไวกว่า
หมอตรวจดูอาการของโต้วโต้ว วินิจจัยว่าหล่อนอาเจียนเนื่องมาจากอาการหวัดกำเริบ
หลินม่ายเริ่มรู้สึกเครียดขึ้นมาบ้าง แม้แต่วันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้หล่อนยังเป็นหวัดเข้าจนได้ สมรรถภาพทางกายของเด็กคนนี้น่าเป็นห่วงจริง ๆ
รอให้เจ้าตัวแสบหายจากอาการหวัดเสียก่อน เธอจะพาโต้วโต้วออกไปวิ่งออกกำลังกายทุกวันตอนเช้า เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงขึ้น!
คุณหมอไม่เพียงจ่ายยากินให้ แต่ยังฉีดยาเพนิซิลลิน(1)ให้โต้วโต้วอีกหนึ่งเข็ม
หลังจากกลับมาถึงร้าน โต้วโต้วก็ผล็อยหลับไป
หลินม่ายยังต้องออกไปตระเวนขายผลไม้ จึงฝากให้โจวฉายอวิ๋นช่วยดูแลโต้วโต้วแทน ก่อนที่จะขับรถแทรกเตอร์ออกไป
บ่ายสามโมง แดดกำลังร้อนจัด
แม้ว่าวันนี้หลินม่ายจะขับรถไปขายแถวเขตชุมชนใกล้กับสำนักงานการไฟฟ้าที่ผู้อาศัยมีฐานะร่ำรวยในระดับหนึ่ง แต่ภายในชุมชนกลับมีผู้คนสัญจรผ่านไปมาไม่มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่สนใจซื้อผลไม้จากเธอ
ครอบครัวของหวังหรงได้รับอานิสงส์จากฟางเว่ยกั๋วที่ทำงานอยู่ในสำนักงานการไฟฟ้า พวกเขาจึงอาศัยอยู่ภายในเขตชุมชนแห่งนี้ด้วย
ภายในสำนักงานการไฟฟ้าแบ่งช่วงทำงานออกเป็นสามกะ แม้แต่หวังหรงก็ยังต้องยึดถือระเบียบปฏิบัติขององค์กร
วันนี้หล่อนทำงานแค่กะเช้า จึงกลับบ้านมาพักเมื่อถึงเวลากะบ่าย
หลังตื่นจากการงีบหลับ หวังหรงก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อไอศกรีมดับร้อน แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นหลินม่ายที่จอดรถแทรกเตอร์อยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในเขตชุมชน
นังคางคกขึ้นวอคนนั้นสวมหมวกบังแดดรูปทรงสวยงามไว้เหนือศีรษะ ยิ่งมองนานเท่าไหร่หล่อนก็ยิ่งไม่ชอบใจมากเท่านั้น
พอหันไปเจอเพื่อนบ้านสองสามคนที่กำลังเดินตรงมา หวังหรงก็แสร้งทำสีหน้าเป็นกังวลพลางพูดกับพวกเขาว่า “คนขายผลไม้คนนั้นมาจากไหนน่ะ? ชุมชนของเราไม่เคยมีคนแปลกหน้าเข้ามาเร่ขายของมาก่อนเลยนะ ไม่รู้ว่าหล่อนเป็นคนใสซื่อมือสะอาดหรือเปล่า เกิดเข้ามาขโมยทรัพย์สินของคนในชุมชนเราจะทำยังไง?”
เพื่อนบ้านเหล่านั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม “ผลไม้ที่อยู่บนรถแทรกเตอร์ของเธอมีมูลค่ารวมกันตั้งเท่าไหร่ แม่ค้าคนนี้คงไม่คิดขโมยของของใครหรอกกระมัง?”
หวังหรงที่หาทางใส่ร้ายหลินม่ายไม่สำเร็จ ยิ่งรู้สึกเกลียดชังอีกฝ่ายเข้าไส้
หลังจากซื้อไอศกรีมเสร็จแล้วหล่อนก็เดินกลับขึ้นห้อง ก่อนจะตรงไปยังห้องพักส่วนตัวของหวังเฉียงผู้เป็นพี่ชาย แล้วปลุกเขาให้ตื่น
ชายหนุ่มกำลังนอนหลับสนิท พอถูกปลุกให้ตื่น หวังเฉียงก็ผุดลุกขึ้นนั่งด้วยความไม่พอใจ
เขามองน้องสาวด้วยหางตา “มีอะไร?”
หวังหรงหยิบตั๋วเงินขึ้นมาแล้วโบกไปมาต่อหน้าเขา “พี่ออกไปช่วยฉันขับไล่ใครบางคนออกไปจากที่นี่ให้หน่อยสิ แล้วฉันจะยกตั๋วเงินพวกนี้ให้เลย”
“ใคร?”
หวังหรงฉุดดึงเขาให้ลุกออกไปยืนตรงหน้าต่าง ชี้นิ้วไปทางหลินม่ายที่อยู่ด้านล่างแล้วพูดว่า “ผู้หญิงคนนั้น พี่ช่วยไล่หล่อนออกไปให้หน่อย ฉันไม่อยากเห็นหล่อนมาขายผลไม้ในชุมชนของเรา”
หวังเฉียงเหลือบมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “อะไรกัน เดี๋ยวนี้เธอหาเรื่องทะเลาะกับแม่ค้าเร่แล้วเหรอ?!”
หวังหรงเป็นน้องสาวของเขา เขารู้ดีว่าหล่อนมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ไม่ว่าใครก็ตามทำให้ขุ่นเคืองใจ หล่อนมักจะหาทางเอาคืนอยู่เสมอ
หวังหรงกลอกตาขึ้นเพดาน “ผู้หญิงคนนั้นพยายายามจะแย่งพี่จั๋วหรานไปจากฉัน จะให้ฉันทนอยู่เฉยรึ?”
พอหวังเฉียงได้ยินแบบนั้น เขาแทบไม่สนใจตั๋วเงินตรงหน้าด้วยซ้ำ รีบลงไปขับไล่หลินม่ายทันที
ผู้หญิงที่เขาเกลียดที่สุดคือผู้หญิงที่คิดจะแย่งฟางจั๋วหรานไปจากน้องสาวของเขา
เขานับวันคอยทุกวันว่าเมื่อไหร่น้องสาวของตัวเองถึงจะได้แต่งงานกับฟางจั๋วหรานเสียที
ไม่ใช่แค่เพราะฟางจั๋วหรานเป็นถึงศัลยแพทย์มือหนึ่งที่มีรายได้สูงลิ่ว หรือมีเส้นสายที่กว้างขวางเท่านั้น
แต่เพราะแม่ของฟางจั๋วหรานได้ทิ้งมรดกไว้ให้เขาเป็นจำนวนมหาศาล
ถึงแม้ว่าทรัพย์สินเหล่านี้จะถูกส่งขึ้นตรงต่อรัฐในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดการคืนทรัพย์สินทั้งหมดให้กับฟางจั๋วหรานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นบ้านสไตล์ยุโรปพร้อมสวนมูลค่าหลายแสนหยวนที่ตั้งอยู่บนถนนต่งถิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหีบทองคำแท่งที่ผู้เป็นแม่ทิ้งไว้ให้เขาก่อนสิ้นใจ
ถ้าผู้หญิงคนนั้นแต่งงานกับฟางจั๋วหรานตัดหน้าไปก่อน แล้วทองคำแท่งเหล่านั้นจะตกเป็นของน้องสาวของเขาได้อย่างไร
ตราบใดที่ฟางจั๋วหรานตกลงแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น ตระกูลหวังก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของเขาอีกต่อไป
ยายป้าแม่ของฟางจั๋วหรานร้ายกาจไม่ใช่เล่น ก่อนที่หล่อนจะเสียชีวิต หล่อนได้จัดการร่างพินัยกรรมยกทรัพย์สินของตัวเองให้กับฟางจั๋วหรานทั้งหมด
เมื่อเป็นแบบนี้ ฟางเว่ยกั๋วกับหวังเหวินฟางจึงไม่สามารถหอบเอาทองคำแท่งพวกนั้นออกมาจากบ้านของแม่เขาได้ตามใจชอบ
เขาถึงได้กังวลหนักหนาว่าทองคำแท่งพวกนั้นจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่นที่ไม่ใช่คนของตระกูลหวัง
พอขายของไม่ออก หลินม่ายจึงนั่งอยู่บนรถแทรกเตอร์เงียบ ๆ ด้วยความเบื่อหน่าย ตั้งใจว่าจะรอลูกค้าจนกว่าตะวันจะตกดิน
รอให้ดวงอาทิตย์เริ่มลาลับขอบฟ้าเมื่อไร จะมีผู้คนจำนวนมากสัญจรขวักไขว่ไปมาอยู่ภายในชุมชน หลังจากนั้นบรรดาผู้อาศัยอาจจะสนใจซื้อผลไม้ของเธอบ้าง
ช่วงนี้แสงแดดแผดเผา พื้นดินร้อนระอุเป็นไอออกมา ใครบ้างจะอยากออกมาข้างนอก!
ในระหว่างนั้นเอง หวังเฉียงก็เดินอาด ๆ เข้ามาพร้อมกับไม้หน้าสาม ก่อนจะระดมทุบหน้ารถแทรกเตอร์ของหลินม่าย “ห้ามขายผลไม้ที่นี่ ออกไปจากตรงนี้ซะ ไม่อย่างนั้นอย่าได้หาว่าฉันไม่เตือน!”
หลินม่ายสวนกลับอย่างโกรธจัด “ถ้าไม่อยากให้ฉันขายผลไม้ที่นี่ แค่ไล่ฉันออกไปดี ๆ ก็ได้แล้ว ทำไมถึงต้องทุบรถแทรกเตอร์ของฉันด้วย? เห็นไหมว่าหน้ารถมันยุบลงไปหมดแล้ว ก่อนที่ฉันจะออกไป คุณต้องจ่ายค่าเสียหายให้ฉันด้วย!”
“ฉันไม่สน ไม่ต้องทำเป็นมาขู่ฉัน!”
หวังเฉียงใช้ไม้หน้าสามทุบรถแทรกเตอร์ของหลินม่ายให้แรงขึ้น “ถ้าเธอยังไม่ยอมออกไป ฉันก็จะทุบรถของเธอต่อไปแบบนี้ คนอย่างเธอจะทำอะไรฉันได้?”
ไม่ไกลจากตรงนั้น ผู้พักอาศัยในชุมชนหลายคนต่างชะโงกหน้าออกมาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่กลับไม่มีใครช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเธอเลย นับประสาอะไรกับวิ่งเข้าไปห้ามปรามหวังเฉียง
พวกเขาไม่มีวันทำให้คนตระกูลนี้ขุ่นเคืองใจเพราะคนแปลกหน้าแน่ เนื่องจากทุกคนในที่นี้ต่างรู้กันดีว่าลุงของหวังเฉียงนั้นมีอิทธิพลใหญ่โตขนาดไหน
หลินม่ายเห็นว่าไม่มีสักคนเลยที่กล้าออกมาช่วยเธอ ก็รู้ว่าหวังเฉียงจะต้องมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเป็นฝ่ายล่าถอย ขณะที่ขับรถแทรกเตอร์ออกไป ก็จงใจเหยียบพ่นควันดำใส่หน้าหวังเฉียง
หลินม่ายขับรถแทรกเตอร์ตรงไปที่สถานีตำรวจ
เธอตัดสินใจแจ้งความ โดยเล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าขณะที่ตัวเองกำลังขายผลไม้อยู่ในชุมชนใกล้กับสำนักงานการไฟฟ้า ก็มีอันธพาลเดินเข้ามาขู่กรรโชกทรัพย์
ผู้ชายคนนั้นถึงขั้นคว้าไม้หน้าสามมาทุบรถแทรกเตอร์ของเธอจนเกิดรอยบุบจำนวนมาก เพื่อที่จะขับไล่เธอให้ออกไป
เธอไม่ใช่คนยอมคน พอทำมาหากินอย่างสุจริตแต่กลับถูกคนขู่กรรโชก นี่คือสิ่งที่เธอยอมรับไม่ได้
ขณะนี้ฝ่ายบริหารบ้านเมืองกำลังพุ่งเป้าจัดการกับพวกนักเลงและอันธพาล โดยเฉพาะผู้ที่หาเรื่องทะเลาะวิวาท
หลินม่ายต้องการให้หวังเฉียงตกเป็นเป้าหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อไรก็ตามที่เขาถูกจับกุม ถึงเวลานั้นเขาจะต้องประสบความสูญเสียครั้งใหญ่
สงสัยคงต้องถูกดำเนินคดีก่อน ถึงจะรู้สำนึกผิดชอบชั่วดีเสียบ้าง!
……………………………………………………………………………………………………………….
(1)เพนิซิลลิน (Penicillin) คือยาปฏิชีวนะหรือยาที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
สารจากผู้แปล
มรสุมเข้าหลินม่ายอีกแล้ว ลูกป่วย แถมยัยคนที่ทึกทักว่าตัวเองเป็นแฟนพี่หมอยังให้พี่ชายมาหาเรื่องอีก
ไหหม่า(海馬)