ตอนที่ 156 ไปสถานีตำรวจท้องที่ด้วยกันเถอะ
ในตอนเช้า หลังฟางจั๋วหรานตรวจคนไข้ในช่วงเช้าเสร็จและกำลังจะไปเยี่ยมโต้วโต้ว พยาบาลคนหนึ่งก็วิ่งมาหาเขาแล้วแจ้งว่ายายของเขาอยู่ที่นี่
ฟางจั๋วหรานคาดการณ์ไว้แล้วว่าคุณยายของเขาจะมาหา
หากครอบครัวหวังหรงต้องการช่วยหวังเฉียงออกมา พวกเขาคงต้องไปขอร้องให้คุณยายของเขาออกหน้าและบังคับให้เขาช่วย
แม้จะรู้ว่าทำไมคุณยายถึงมาหาเขา ฟางจั๋วหรานก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ และเดินไปหาคุณยายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“คุณยาย ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะครับ? กินข้าวเช้าแล้วหรือยัง? ถ้ายังผมจะพาท่านไปเปาห่าวชือ เสี่ยวชือเตี้ยน กินเกี๊ยวต้มสักหน่อย”
คุณยายยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี “เธอกำลังพูดถึงเปาห่าวชือ เสี่ยวชือเตี้ยนที่หลินม่ายเปิดใช่ไหม?”
ฟางจั๋วหรานแสดงสีหน้าประหลาดใจ “คุณยายรู้ได้ยังไงครับ?”
“หรงหรงบอกฉันมา”
คุณยายไม่อยากพูดถึงเรื่องอื่นจึงเอ่ยเข้าประเด็น “จั๋วหราน ยายมีเรื่องให้เธอทำนิดหน่อย”
ฟางจั๋วหรานพยุงนางนั่งลงบนเก้าอี้ในสถานที่ค่อนข้างเงียบสงบบริเวณทางเดินในตึก “เรื่องอะไรหรือครับ?”
“เธอรับปากยายก่อนได้ไหม?” คุณยายมองมาที่เขาอย่างรอคอยด้วยความกังวล
ฟางจั๋วหรานยิ้มบางเบา “ผมยังไม่รู้เลยว่าเรื่องอะไร จะรับปากคุณยายก่อนได้ยังไงครับ? ถ้ารับปากไปก่อนแต่ทำไม่ได้ จะกลายเป็นว่าผมไม่รักษาสัญญานะครับ”
ถึงแม้ใบหน้าเขากำลังยิ้มแย้ม ในใจเขากลับเยือกเย็น
ถึงแม้ว่าเขารู้มาเนิ่นนานแล้วว่าคุณยายของเขาปฏิบัติต่อเขาต่างจากสกุลหวัง แต่เขายังบังคับตัวเองให้รู้สึกชินชาในหัวใจและคิดว่าคุณยายใจดีต่อเขาอย่างแท้จริงและปฏิบัติต่อหวังหรงและผู้อื่นอย่างเท่าเทียม
แต่ตอนนี้คุณยายกำลังบังคับเขาเพื่อครอบครัวของนาง ทำให้เขาไม่ต้องหลอกตัวเองอีกต่อไป
คุณยายพูดอย่างตัดสินใจแล้ว “เธอต้องทำได้อย่างแน่นอน”
ฟางจั๋วหรานยกมือขึ้นแล้วมองไปที่นาฬิกาข้อมือ “ถ้ามีอะไรคุณยายก็รีบ ๆ บอกผมเถอะครับ ผมยังมีคนป่วยวิกฤตที่ต้องไปตรวจ”
คุณยายถอนหายใจอย่างเงียบงันภายในใจ
เด็กคนนี้มีความสามารถแบบนี้ตั้งแต่เขายังเป็นเด็กและไม่มีประโยชน์ที่ผู้อื่นจะบังคับให้เขาทำสิ่งที่เขาไม่ต้องการรับปาก “ญาติผู้พี่เธอถูกจับเรื่องนี้เธอรู้ใช่ไหม”
“นั่นเป็นความผิดของเขาเอง”
คุณยายสะอึกไปสักพักแล้วกอบกู้ตัวเองกลับมา ร้องขอ “พูดอย่างนั้นก็ไม่ผิด แต่เขาเป็นหลานชายของฉันไม่ว่ายังไง และเขาเป็นหลานชายคนเดียวของฉัน เธอช่วยเขาได้ไหม”
ฟาวจั๋วหรานยิ้ม “ช่วยยังไงครับ? คุณยายต้องการให้ผมไปก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมของศาลหรือ? อันดับแรก ผมไม่มีความสามารถขนาดนั้น อย่างที่สอง ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินมาตรการอย่างเข้มงวด ถ้าผมเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ คุณยายไม่กลัวจะกระทบผมหรือครับ?”
คุณยายเอามือเขามาตบเบา ๆ “ยายไม่เคยคิดให้เธอไปแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมของศาล ยิ่งไม่อยากให้เธอเป็นอันตราย สำหรับเธอและญาติผู้พี่ของเธอต่อยายแล้ว ฝ่ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ(1) เธอเพียงแค่ไปบอกหลินม่ายเรื่องนี้ ให้เธอบอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเรื่องทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด”
ฟางจั๋วหรานถาม “แล้วมันยุติธรรมต่อหลินม่ายหรือครับ?”
“พวกเราจะชดใช้ให้เธอ”
ฟางจั๋วหรานยังคงเงียบ
ไม่ใช่เพราะคำพูดคุณยายชักจูงเขา แต่เป็นคำว่า “ชดใช้” ที่สั่นไหวเขา
การส่งหวังเฉียงไปสถานีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เพียงเพื่อให้เขาได้รับบทเรียน
หลินม่ายจะได้รับค่าชดใช้ถ้าเพียงแต่รถแทรกเตอร์ถูกทุบ
….อย่างไรก็ตาม ถ้าครอบครัวหวังเต็มใจที่จะชดใช้หลินม่าย หวังเฉียงก็จะได้รับบทเรียนเช่นกันและยังแก้ปัญหาที่แก้ไม่ตกของหลินม่ายอีกด้วย
“ชดใช้เท่าไหร่ครับ?”
คุณยายยิ้ม “ห้าร้อนหยวนเป็นอย่างไร?”
เมื่อฟางจั๋วหรานได้ยิน เขาปฏิเสธทันที
ห้าร้อยหยวน แม่สาวน้อยหามันได้ภายในเดือนเดียวทใครต้องการกัน!
ยิ่งไปกว่านั้นห้าร้อยหยวนไม่อาจสั่งสอนบทเรียนให้หวังเฉียงได้แม้แต่น้อย
“ผมว่าจะดีที่สุดถ้าปล่อยให้หวังเฉียงได้รับบทเรียนในคุกสักหน่อย”
คุณยายอ้อนวอน “ถือซะว่าเห็นแก่หน้าฉัน เธอช่วยญาติผู้พี่ของเธอไม่ได้หรือ?”
“ปัญหาคือ เขาไม่ใช่ญาติผู้พี่ของผม เขาเป็นแค่หลานของแม่เลี้ยงผม”
“แต่เขาเป็นหลานชายของฉัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเขา เธอจะให้ยายทำยังไง?”
คุณยายร้องไห้ออกมาขณะเธอพูด
ฟางจั๋วหรานกอดเธอ “คุณย่ายังมีผมไม่ใช่หรือครับ?”
ถึงตอนนี้ พยาบาลเข้ามาเตือนฟางจั๋วหรานว่าเขากำลังจะมีผ่าตัดเร็วๆนี้ ให้เขาเตรียมตัว
เขาจึงรีบจากไปอย่างทันท่วงที
คุณยายดีต่อเขา เขาย่อมต้องแสดงความกตัญญูกับเธอให้ดี
หากแต่ถ้าต้องการให้เขาละทิ้งหลักการของตัวเองเพื่อช่วยเหลือหวังเฉียง ก็จงลืมมันไปเสีย เขาไม่อาจเสียสละแม่สาวน้อยเพื่อทำให้คุณยายพอใจ
ไม่แม้แต่คุณปู่คุณย่าของเขา
คุณยายนั่งตกตะลึงอยู่บนเก้าอี้สักพัก จากนั้นจึงไปที่เสี่ยวชือเตี้ยนของหลินม่าย
หลินม่ายอดหลับอดนอนอยู่โรงพยาบาลทั้งคืน พึ่งกลับมาและกำลังจะขึ้นไปชั้นบนเพื่อนอนหลับพักผ่อนหลังทานอาหารเช้า
เมื่อเห็นคุณยายหวังมาหาเธอถึงหน้าประตู เธอเดาได้ว่าเป็นเพราะเรื่องของหวังเฉียง
แม้เธอจะรู้จักฟางจั๋วหรานเป็นอย่างดี แต่ไม่ได้รู้ว่าคุณยายหวังไม่ใช่ยายแท้ ๆ ของฟางจั๋วหราน
ด้วยเห็นแก่หน้าฟางจั๋วหราน หลินม่ายกระตือรือร้นกับคุนยายหวังอย่างมาก ทั้งยังต้องการจะเตรียมอาหารเช้าให้เธอ
คุณยายหวังโบกมือ “ฉันมาหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เธอไม่ต้องยุ่งยากไป”
หลินม่ายพานางขึ้นไปห้องรับแขกเล็กๆ ชั้นบน คุณยายหวังอธิบายจุดประสงค์ของเธอและมองอย่างคาดหวัง
“เดิมทีแล้ว–ฉันควรขอฟางจั๋วหรานเรื่องนี้และให้จั๋วหรานมาขอร้องเธออีกที แต่ฉันกลัวว่าจั๋วหรานจะติดอยู่ตรงกลาง เขาเป็นเด็กที่ฉันเลี้ยงดูมาด้วยตัวคนเดียวตั้งแต่เด็ก เขาให้ค่ากับความรักและความถูกต้อง ถ้าฉันขอร้องเขา เขาไม่อาจทนปฏิเสธได้ แต่เขาก็ไม่ต้องการให้เธิถูกเสี่ยวเฉียวรังแก ฉันไม่ต้องการให้เขามีปัญหาจึงมาหาเธอโดยตรง ขออภัยที่ฉันมาโดยกระทันหัน”
หลินม่ายเข้าใจคำพูดของนางโดยทันที
คำพูดของคุณยายหวังอาจดูนุ่มนวลหากแต่ฟาดฟัน ฟางจั๋วหรานคิดถึงเธอเสมอในสิ่งที่เขาจะทำ เธอก็ควรเห็นแก่เขา ยอมตกลงที่จะช่วยหวังเฉียงทันที?
คนอื่นอาจไม่รู้ แต่หลินม่ายย่อมรู้ดี
หวังเฉียงและสหายน้อยทั้งสองคนไม่ได้ถูกจับเพราะคำให้การของเธอ แต่เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นพวกเขาเอง
การที่เธอไม่ไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเปลี่ยนคำให้การของเธอ กลับเป็นประโยชน์ต่อหวังเฉียงและเพื่อนน้อยทั้งสองของเขา
พวกเขายืนกรานว่าพวกเขาขับไล่เธอออกไปเพราะลุกขึ้นสู้เพื่อหวังหรง
การขู่กรรโชกเธอเป็นเพราะกทำตามอำเภอใจ เมื่อคิดแล้วคำตัดสินอาจไม่ร้ายแรงนัก อยากมากก็ติดคุกแค่หนึ่งปีครึ่ง
อย่างไรก็ตามหากเธอยืนกรานที่จะไกล่เกลี่ย เจ้าหน้าที่ตำรวจจะประวิงให้เป็นการก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมของศาล น่ากลัวว่าความผิดจะหนักหนากว่าเดิม และหวังเฉียงกับเพื่อทั้งสองอาจจะถูกตัดสินด้วยโทษที่หนักขึ้น
ในเมื่อคนครอบครัวหวังยืนยันที่จะสร้างฟ้าสร้างผืนดิน(2) อย่างนั้นเธอจะช่วยพวกเขาเติมเต็มมัน
หลินม่ายผงกศีรษะรับอย่างรวดเร็ว “คุณยายหวังต้องการให้ฉันทำอะไร ฉันก็จะทำอย่างนั้น
คุณยายหวังกุมมืออย่างปลื้มปิติ “รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องเป็นเด็กดี!”
หลินม่ายดึงมือนางออกอย่างใจเย็น “ถ้าอย่างนั้นเมื่อคุณยายหวังเตรียมการดีแล้ว ฉันก็จะไปสถานีตำรวจท้องที่”
คุณยายหวังกลับไปที่บ้านของลูกชายอย่างมีความสุข และบอกคนทั้งสามเกี่ยวกับข่าวดีนี้
หวังหรงพูดขึ้นด้วยหน้าตาดำคล้ำ “นังแพศยาน้อยนั่นรีบตกลงอย่างรวดเร็วเป็นเพราะเธออยากจะทำให้ญาติผู้พี่พอใจน่ะสิคะ”
คุณยายหวังเย้ยหยัน “ปล่อยหล่อนไปเถอะ ให้เธอช่วยพี่ชายหลานก่อน หลังจากนั้นหากหล่อนต้องการอยู่กับพี่ชายหลาน ย่าจะให้หล่อนตักน้ำด้วยถังไม้ไผ่(3)”
คุณยายหวังนำครอบครัวไปที่เสี่ยวชือเตี้ยนของหลินม่าย
หลินม่ายตามพวกเขาไปที่สถานีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่
ระหว่างทาง แม่หรงก็บอกสิ่งที่หลินม่ายต้องพูดเมื่อไปถึงสถานีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่
พ่อหรงวาดวิมานกลางอากาศให้หลินม่ายไม่หยุดหย่อน ตราบใดที่เธอช่วยหวังเฉียงและเพื่อนน้อยทั้งสองของเขาออกจากสถานีเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ พวกเขาจะไม่เสียประโยชน์ให้เธอ
หลินม่ายยิ้ม “ฉันไม่ต้องการผลประโยชน์ค่ะ”
เมื่อพวกเขามาถึงสถานีตำรวจท้องที่ ต่อหน้าครอบครัวหวังหรงทั้งสามคน หลินม่ายก็บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับผิดชอบคดีของหวังเฉียงและสหายน้อยทั้งสองของเขาว่าแม่หรงต้องการให้เธอพูด
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง สีหน้าเขาจริงจังขึ้นเรื่อย ๆ “พวกเราไม่ได้จับหวังเฉียงสามคนนั้นเพราะเธอรายงาน เป็นเพราะพวกเราเห็นตอนเขากระทำผิดด้วยสายตาของพวกเรา เราถึงจับพวกเขา
เธอก็รู้เรื่องนี้ดี ทำไมถึงต้องการถอนคำสารภาพของพวกเขา? มีคนข่มขู่ใช่ไหม?”
ในตอนที่เขาพูดขึ้น สายตาอันแหลมคมของเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นกวาดมองคุณยายหวังและคนอื่นๆ
——————————————————————————————————–
(1) 手心手背都是肉 ฝ่ามือหรือหลังมือล้วนเป็นเนื้อ หมายถึง มีความสำคัญเท่ากันทั้งสอง
(2) 作天作地 หมายถึง คนที่ต้องการทำสิ่งที่มันผิดกฎ
(3) 竹篮打水一场空 ตักน้ำด้วยถังไม้ไผ่ หมายถึง ทำทุกสิ่งไปโดยเปล่าประโยชน์
สารจากผู้แปล
เอาผู้ใหญ่มาช่วยขนาดนี้ จะต้านไหวเหรอ
ไหหม่า(海馬)