ตอนที่ 160 หนูอธิษฐานอะไร
ราว ๆ หกโมงเช้า ฟางจั๋วหรานมาตรวจอาการของโต้วโต้ว
หลินม่ายรีบออกปาก “ศาสตราจารย์ฟาง หนังสือโป๊เล่มเล็กที่คุณอ่านเมื่อคืนไม่ใช่ของฉันนะคะ ฉันไม่ได้ชอบอ่านหนังสือโป๊!
“จริงหรอ?” ฟางจั๋วหรานยิ้มโดยไม่ออกความเห็น
หลินม่ายเห็นท่าทางของเขา ก็ให้รู้สึกว่าถึงเธอจะกระโดดลงแม่น้ำแยงซีเกียง เธอก็ไม่อาจชุบล้างตัวเองให้สะอาดได้
ฟางจั๋วหรานตรวจสภาพร่างกายของโต้วโต้ว เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดี เขาจึงออกไปซื้ออาหารเช้า
เมื่อเขากลับมาก็ถืออาหารเช้าหลายกล่องเข้ามา
มีทั้งก๋วยเตี๋ยวและปาท่องโก๋ที่โต้วโต้วชอบ อีกทั้งยังมีขนมจีบ ไข่ใบชา* บะหมี่แห้งร้อนและข้าวหมากหวาน
ทันทีที่เขาเข้าประตูมา เขาเห็นหลินม่ายถือหนังสือโป๊เล่มนั้นและกำลังอ่านมัน
หลินม่ายแค่เบื่อและเปิดผ่าน ๆ ไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย แต่ยังโดนฟางจั๋วหรานเห็นเข้าอีก
คำว่า “ดูสิว่าคุณจะแก้ตัวว่ายัง” เขียนไว้ทั่วทั้งหน้าเขา
หลินม่ายรู้สึกไม่รักชีวิตอีกต่อไป เธอพูดอย่างระโหยโรยแรง “ฉันแค่เปิดผ่าน ๆ ไปเรื่อย ๆ เท่านั้นเอง ฉันไม่ได้อยากจะอ่านมันจริง ๆ คุณ…เชื่อไหม?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “ผมเชื่อ!”
หลินม่ายถอนหายใจด้วยความโล่งอก
พลางคิดว่าเธอไม่ได้กินบะหมี่แห้งร้อนตั้งนานแล้ว จึงเลือกบะหมี่แห้งร้อนแล้วเริ่มลงมือกิน
หนึ่งวันในเจียงเฉิง เริ่มด้วยบะหมี่แห้งร้อนอันเลิศรส
อย่างไรก็ตามฟางจั๋วหรานกลับพูดต่อ “แต่ก็น่าแปลกนะ!”
บะหมี่แห้งร้อนในมือหลินม่ายกลายเป็นรสแย่โดยฉับพลัน
ฟางจั๋วหรานปล่อยให้เธอกินต่อไป เขากินขนมจีบที่พวกเขาแม่ลูกสองคนไม่มีใครแตะต้องด้วยอารมณ์เบิกบาน
ขนมจีบในเจียงเฉิงล้วนเป็นขนมจีบที่มีน้ำมันเยอะ ฟางจั๋วหรานกินขนมจีบไปได้จำนวนหนึ่งเขาก็อิ่ม
เขาจึงกินไข่ใบชาที่มีสองใบไปแค่หนึ่งใบ แล้วถือไข่อีกใบหนึ่งไว้ในมือ หมายว่าให้หลินม่ายกินบะหมี่แห้งร้อนเสร็จแล้วจะปอกเปลือกให้เธอกิน
แม่สาวน้อยผอมเกินไปแล้ว ต้องกินให้มากหน่อย
หลินม่ายที่กำลังกินบะหมี่แห้งร้อนมองไปที่ไข่ใบชาในมือเขา แล้วอบรมเขาอย่างเคร่งเครียด “ผู้เฒ่าบอกไว้ว่า กินไข่ต้องกินเป็นเลขคู่ คุณจะทำแบบนี้ไม่ได้”
ฟางจั๋วหรานเลิกคิ้วขึ้นมองไปที่เธอแล้วถามด้วยความสุภาพเรียบร้อย “ทำไมเหรอ?”
หลินม่ายกำลังจดจ่ออยู่กับการนำถั่วฝักยาวในบะหมี่แห้งร้อนไปกองรวมกัน แล้วนำเข้าปากในครั้งเดียว ความกรุบกรอบของมันทำให้เธอรู้สึกพออกพอใจ
“คุณไม่เคยได้ยินหรือคะว่าสิ่งที่คุณกินชดเชยให้คุณได้? คุณกินไข่ใบเดียว มันจะชดเชยได้ยังไงกัน?”
ทันทีที่คำนั้นออกจากปาก หลินม่ายถึงนึกได้ เมื่อกี้ราวกับว่าตนกำลังหยอกเอินเขา จึงก้มหัวลงอย่างรวดเร็วเพื่อปกปิดความอับอายของตัวเอง
ฟางจั๋วหรานมองเธออย่างมีนัยสำคัญ “ยังจะพูดว่าหนังสือเล่มนั้นไม่น่าสนใจอีก~”
หลินม่ายมองไปที่เขาอย่างว่างเปล่า รู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองเธอไปยังหน้าอกที่ยังไม่พัฒนาของของเธอ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องผู้ป่วยไป ผ่านไปสักพักจึงกลับมา
จากนั้นยัดสิ่งของใส่มือเธอแล้วพูดว่า “คุณต้องกินสิ่งนี้ให้มาก ๆ มันจะชดเชยให้คุณได้”
ของอะไร?
หลินม่ายมองที่มือตัวเอง ซาลาเปาสองลูก? !
นี่เธอโดนเอาคืนเหรอ? !
ฟางจั๋วหรานมองเธอเขินอายแล้วยิ่งรู้สึกมีความสุขมากขึ้น
ผ่านไปพริบตาก็เป็นวันสุดท้ายของเดือนพฤษภาแล้ว เป็นวันเดียวกันกับวันจ่ายค่าจ้างพนักงานของหลินม่าย
หลินม่ายไม่เพียงแต่รักษาคำพูดเท่านั้น เธอยังจ่ายค่าล่วงเวลาวันหยุดให้วังเสี่ยวลี่และพนักงานอีกหลายคนที่ทำงานล่วงเวลาในวันแรงงานและยังให้โบนัสกับทุกคนด้วย
มีเงินเดือนแถมยังมีโบนัส ทุกคนล้วนดีใจกันถ้วนหน้า
หลินม่ายใช้โอกาสนี้กระตุ้นพนักงาน ตราบที่พวกเขาขยันขันแข็ง ยิ่งกิจการดีเท่าไหร่พวกเขาก็จะได้รับโบนัสมากขึ้นเท่านั้น
เงินเดือนและโบนัสของหลี่หมิงเฉิงและโจวฉายอวิ๋นหลินม่ายจ่ายแยกต่างหาก
ไม่เพียงทั้งสองคนได้รับโบนัสที่มากกว่าพนักงานทุกคน ค่าจ้างพวกเขายังมากกว่าพนักงานคนอื่นเกือบเท่าตัว
เพื่อที่จะไม่เป็นการจุดชนวนความอิจฉาของพนักงานคนอื่น จึงต้องจ่ายอย่างลับ ๆ
โจวฉายอวิ๋นถามหลินม่ายอย่างตรงจุด “เธอจงใจดูแลเราเป็นพิเศษเพราะความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเธอหรือเปล่า? พวกเราไม่ยอมรับมันหรอก! เธอจ่ายแค่ไหนก็ได้เท่าที่เธอต้องการเลย”
หลี่หมิงเฉิงพยักหน้าทันที
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ไม่ชอบเงินเยอะ ๆ สุภาพบุรุษย่อมรักเงินที่ถูกที่ควร หากมันไม่ใช่ของเขา เขาก็ไม่ต้องการ
เขากับโจวฉายอวิ๋นคืนเงินพิเศษให้หลินม่ายพร้อมกัน
แต่หลินม่ายปฏิเสธ
“ฉันไม่ได้ให้เงินพวกเธอมากเกิน เราตกลงกันว่าพวกเธอจะทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันและรับเงินเดือนเดือนละ 30 หยวน แต่พวกเธอสองคนทำงานตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนกระทั่งร้านช่วงกลางคืนปิดลง ทำงานมากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน เท่ากับว่าทำงานสองกะ แน่นอนว่าเงินเดือนและโบนัสย่อมมากตามเป็นเท่าตัว ฉันคงไม่สามารถให้พวกเธอทำงานเปล่าหรอกใช่ไหมล่ะ?”
หลักจากได้ยินคำอธิบายของเธอ โจวฉายอวิ๋นและหลี่หมิงเฉิงจึงไม่คืนเงิน
พริบตาเดียวก็ถึงวันเด็ก
นี่เป็นวันเด็กวันแรกนับตั้งแต่หลินม่ายรับโต้วโต้วมาเลี้ยงดู หลินม่ายให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ วันก่อนเธอซื้อชุดเจ้าหญิงสีชมพูและขนมมากมายให้หนูน้อย
ในวันเด็ก เมื่อเธอตื่นขึ้นในตอนเช้า หลินม่ายไปที่โรงพยาบาลและสวมชุดเจ้าหญิงให้กับโต้วโต้ว ถักผมเปียให้เธอแล้วผูกโบว์ให้ แต่งตัวให้เธออย่างสวยงาม ทำให้เด็กในห้องผู้ป่วยเดียวกันมองไปที่เธออย่างชื่นชม
หนูน้อยพูดเสียงเจื้อยแจ้ว เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานเดินมา เธอตะโกนขึ้นอย่างดีใจ “คุณอาสัตว์ประหลาด!”
ฟางจั๋วหรานแก้ไขให้ถูกอย่างหมดหนทาง “เรียกว่าคุณอาศาสตราจารย์สิ”
หนูน้อยเรียกอย่างเขินอายอีกครั้ง “คุณอาศาสตราจารย์”
หลินม่ายเห็นว่าฟางจั๋วหรานไม่มีความตั้งใจจะจากไปหลังอาหารเช้าจึงถาม “คุณไม่ไปตรวจประจำวันหรือคะ?”
“วันนี้ผมจะพักผ่อนใช้วันเด็กไปกับโต้วโต้ว”
โต้วโต้วปรบมืออย่างมีความสุข
เด็กในวอร์ดเดียวกันกับโต้วโต้วได้ฉลองวันเกิดในวันนี้ พ่อแม่ของหล่อนซื้อเค้กมาให้หนึ่งก้อน
เพื่อนตัวน้อยคนนั้นก่อนที่จะกินเค้กก็ได้อธิษฐาน โต้วโต้วจึงทำตามอย่างบ้าง กุมมืออย่างพอเหมาะพอดี แล้วหลับตาอธิษฐาน
เมื่อหล่อนลืมตาขึ้น ฟางจั๋วหรานยิ้มและลูบหัวเล็ก ๆ ของหล่อน “หนูอธิษฐานอะไรหรอ?”
หนูน้อยยิ้มแย้มแล้วดึงมือเขากับหลินม่ายมากุมกัน “คำอธิษฐานของหนูคือ หวังว่าพวกคุณจะเป็นพ่อแม่ของหนู”
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายมีความรู้สึกแปลกประหลาดเกิดขึ้นในหัวใจพวกเขาเช่นเดียวกัน
โดยเฉพาะมือที่กอบกุมกัน ราวกับมีไฟฟ้าแล่นผ่านไปทั่วทั้งตัวพวกเขาทำให้เกิดความรู้สึกชาไปจนถึงมึนเมา
หลินม่ายแอบชำเลืองมองคนอื่น ๆ ในห้องผู้ป่วย
โชคดีที่ทุกคนทุ่มความสนใจไปที่ลูกหลานของตนและไม่ได้ยินคำพูดแบบเด็กๆ ของโต้วโต้ว ไม่เช่นนั้นเธอคงละอายจนไม่กล้าเผชิญหน้าใคร
เด็กน้อยแสนรักมองพวกเขาทั้งสองอย่างกระตือรือร้น “คำอธิษฐานของหนูจะเป็นจริงไหมคะ?”
คำถามนี้ยากเกินไปที่จะตอบ หลินม่ายรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว “ตอนบ่ายอยากกินอะไรจ๊ะ แม่จะทำให้หนูตอนกลับไป”
หนูน้อยเอียงศีรษะแล้วคิดอย่างเป็นจริงเป็นจัง จากนั้นจึงบอกชื่ออาหารที่ชอบออกมาสองสามอย่าง
หลินม่ายตอบตกลง บอกเธอให้เชื่อฟังคุณอาศาสตราจารย์แล้วกลับบ้านไปเตรียมอาหารกลางวัน
ฟางจั๋วหรานมองไปยังหลังของเธอที่กำลังลับสายตาไป ใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ
เขาอยากได้ยินคำตอบของหลินม่ายต่อคำอธิษฐานของหนูน้อย โชคไม่ดีที่เขาไม่สามารถรอได้
หนูน้อยอยากกินกุ้งต้ม ไก่สับน้ำแดง กระเพาะหมูผัดเครื่องเทศ ที่หนูน้อยอยากกิน… หลินม่ายจัดเตรียมทั้งหมดแล้วนำไปที่โรงพยาบาล พวกเขาสามคนรับประทานอาหารกลางวันด้วยกันที่ห้องผู้ป่วยของโต้วโต้ว
ฟางจั๋วหรานให้น่องไก่สองชิ้นกับสองแม่ลูกหลินม่าย
สาวน้อยทั้งสองคนทั้งคนโตคนเล็กเงยหน้าขึ้นพูดขอบคุณพร้อมกัน
ฟางจั๋วหรานยิ้มแล้วหยิกแก้มแม่สาวน้อย เขาอยากจะหยิกแก้มแม่สาวคนโตเช่นกัน แต่กลับไม่กล้า
เขายิ้มแล้วถามหลินม่าย “เทศกาลไหว้บ๊ะจ่างจะกลับเมืองซื่อเหม่ยไหม?”
หลินม่ายส่ายหน้า “ฉันกลับไม่ได้ค่ะ ยิ่งเป็นวันหยุดกิจการก็ยิ่งยุ่ง อย่างมากฉันก็กลับไปเมืองซื่อเหม่ยให้เร็วหน่อย ไปหาเป็ดไก่มาขาย”
ผู้คนในเมืองเจียงเฉิงชอบกินเป็ดไก่ระหว่างช่วงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่าง ดังนั้นการขายเป็ดไก่ในช่วงเทศกาลวันไหว้บ๊ะจ่างไม่อาจหยุดได้
ฟางจั๋วหรานเห็นหลินม่ายรักในการกินกุ้ง เขาจึงหยิบกุ้งขึ้นมาแล้วแกะเปลือกมันออก วางลงในชามเล็กของเธอ “จะกลับตอนไหน? ผมจะกลับไปเมืองซื่อเหม่ยเยี่ยมคุณปู่คุณย่าพร้อมคุณด้วย”
หลินม่ายไม่คิดมาก หยิบกุ้งตัวนั้นใส่ปาก “ไปวันก่อนวันไหว้บ๊ะจ่าง คุณว่างหรอคะ?”
“ว่าง ผมแค่ไม่พักวันเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างแล้วย้ายวันหยุดมาหนึ่งวัน”
ฟางจั๋วหรานตอบอย่างรวดเร็วแน่วแน่
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เออ ศีลเสมอกันอยู่ด้วยกันได้ ทะลึ่งพอกันเลย
คำอธิษฐานของโต้วโต้วจะเป็นจริงไหมน้าาาา
ไหหม่า(海馬)
——————————————————–
(1) 茶叶蛋 ไข่ใบชา = ไข่ต้มที่ใส่ใบชาแดงระหว่างต้ม เวลากินมีกลิ่นหอมของใบชา