รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 31 วิญญาณนักบุญในร่างวายร้าย

บทที่ 31 วิญญาณนักบุญในร่างวายร้าย

บทที่ 31 วิญญาณนักบุญในร่างวายร้าย

ภายในเหยียนโจวนั้น นิกายเจ็ดดาราเป็นขุมพลังระดับต้น ๆ ของภาคกลางและเป็นรองจากแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น

ภาคกลางมีคนที่โดดเด่นอยู่มากมาย ทั้งผู้ฝึกตนและผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน นับว่าเหนือกว่าสี่ภาคที่เหลือเป็นอย่างมาก

หากกองกำลังระดับหนึ่งในภาคกลางเช่น นิกายเจ็ดดาราถูกจัดให้อยู่ในอีกสี่ภาคที่เหลือ พวกเขาสามารถกวาดล้างกองกำลังอื่นในสี่ภาคนี้ได้อย่างแน่นอน และไม่มีกองกำลังใดในสี่ภาคนี้ที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของนิกายเจ็ดดาราได้

ชายหนุ่มผู้นี้เป็นถึงศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา สถานะนี้นับว่าสูงส่งยิ่ง ไม่ว่าใครก็ตามในสี่ภาคนี้ได้พบเจอชายหนุ่ม พวกเขาจะต้องไม่ยุ่งกับชายหนุ่มผู้นี้เป็นอันขาด แต่ต้องให้ความเคารพกับอีกฝ่ายแทน

ไม่น่าแปลกใจเลยที่ชายผู้นี้มีความมั่นใจในเรื่องการขอแต่งงานครั้งนี้มาก

ขุมอำนาจของอาณาจักรเซี่ยถือว่าไม่น้อยก็จริง แต่ขึ้นอยู่กับว่าเปรียบเทียบกับผู้ใด

หากเทียบกับนิกายเจ็ดดารา อาณาจักรเซี่ยก็มีขนาดเล็กมากจนสามารถเมินเฉยได้

ชายหนุ่มขออีกฝ่ายแต่งงานในฐานะศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา อาณาจักรเซี่ยย่อมมิกล้าปฏิเสธ และพวกเขาจะต้องตกลงอย่างแน่นอน เว้นแต่ว่าอาณาจักรเซี่ยจะรนหาที่ตาย…

“ข้ารอวันนี้มานานแล้ว! อยากพบเซี่ยเหยียนเสียตอนนี้ แล้วบอกข่าวดีกับนาง!”

ชายหนุ่มหัวเราะ

เขารอไม่ไหวแล้ว

เขาแทบรอไม่ไหวที่จะรีบเดินทางจากอาณาจักรหนิงไปยังดินแดนของสำนักไท่หัว ด้วยความต้องการตามหาเซี่ยเหยียนและบอกข่าวดีแก่นาง

เขารู้ว่าเซี่ยเหยียนประสบความสำเร็จในการเข้าสู่สำนักไท่หัว และกลายเป็นศิษย์โดยตรงของเจ้าสำนัก

หากเป็นอดีต สถานะของเซี่ยเหยียนจะยิ่งเกินเอื้อมสำหรับเขา และจักรพรรดิเซี่ยจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน

ทว่าตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว

เขากลายเป็นศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา และตัวตนของเขาก็นับว่าเหนือกว่าเซี่ยเหยียนหลายเท่า จะไม่มีอะไรมาขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ได้ และเขาก็จะได้แต่งงานกับเซี่ยเหยียนเสียที

“ฮึ่ม แค่หน้าตาอันหล่อเหลาของเจ้ากับสถานะศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดารา ทั้งยังมีความช่วยเหลือจากข้า เจ้ายังจะแต่งงานกับใครไม่ได้อีก? เจ้าจะแต่งงานกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ย่อมได้! เหตุใดจึงต้องมาแต่งงานกับเซี่ยเหยียนด้วยเล่า ข้าไม่เข้าใจเสียจริงว่าเจ้าคิดอันใดอยู่!”

พลันปรากฏสุ้มเสียงหนึ่งดังออกมาจากร่างของชายหนุ่ม ซึ่งดูประหลาดและน่ากลัวยิ่ง

“เจ้าไม่เข้าใจหรอก ในใจของข้านั้น เซี่ยเหยียนไม่มีใครเทียบได้ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน!”

“ข้าคร้านจะสนใจเจ้าแล้ว อย่าลืมสิ่งที่สัญญากับข้าเล่า หลังจากแต่งงานกับเซี่ยเหยียนแล้ว เจ้าต้องไปที่แดนต้องห้ามนวปรภพเพื่อช่วยข้าเลือกหญ้านวปรภพ และช่วยรวบรวมวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของข้า”

“วางใจได้เลย!”

เสือตัวนั้นกระโดดผ่านภูเขาและพงไพร ก่อนจะพาเด็กหนุ่มไปยังภูเขาไท่หัว

“หยุดก่อน ข้าขอเรียนถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ท่านมาทำอะไรที่สำนักไท่หัวของข้า ข้าต้องไปรายงานเบื้องบน”

ศิษย์ของสำนักไท่หัวที่เฝ้าประตูภูเขาเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้านั้นดูพิเศษและเย็นชามาก ก็ไม่กล้าละเลยเขาแม้แต่น้อย และถามชายหนุ่มอย่างสุภาพ 

ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม เมื่อมองไปยังศิษย์ของสำนักไท่หัว

สำนักไท่หัว เดิมทียังเป็นขุมพลังผู้ฝึกตนอันยอดเยี่ยมที่เขาไม่กล้าปีนขึ้นไป กระทั่งไม่สามารถเข้าถึงได้…

ทว่าตอนนี้…

ในสายตาของชายหนุ่ม สำนักไท่หัวไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เขากลายเป็นตัวตนที่สำนักไท่หัวไม่กล้าปีนขึ้นไป และไม่สามารถเข้าถึงได้แทน

“รายงาน? มิจำเป็น ข้าจะเข้าไปเอง”

เขาเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ พร้อมขี่เสือเข้าสู่สำนักไท่หัว

“ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้!”

สีหน้าของลูกศิษย์สำนักไท่หัวเปลี่ยนไปอย่างมาก และเขาก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดอีกฝ่าย

คนผู้นี้หยาบคายยิ่งนัก เขาไม่เห็นหัวสำนักไท่หัวเลยสักนิด ซ้ำยังทำท่าจะขี่เสือพุ่งเข้าไปทันทีอีก นี่ไม่ต่างอะไรกับการบุกรุกเลย

“เจ้ากล้าหยุดข้า?”

ชายหนุ่มสะบัดมือออกข้างเดียว โดยฉับพลันพลังอันหนักหน่วงก็แผ่ออกมา ศิษย์เฝ้าประตูสำนักไท่หัวถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปทันที

“ข้าชอบที่เจ้าดูเหมือนวายร้าย ฮ่า ๆๆ”

เสียงแปลก ๆ ดังก้องอยู่ในใจของชายหนุ่ม

“วายร้ายมักกระทำการไม่สำเร็จ ส่วนใหญ่มันจะเป็นเช่นนั้น”

ชายหนุ่มตอบกลับเบา ๆ

แล้วเขาก็ขี่เสือตรงขึ้นภูเขาไปยังสำนักไท่หัว

“ผู้ใดกล้า!”

บนภูเขายังมีศิษย์พิทักษ์อีกชั้นหนึ่ง เมื่อพวกเขาเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งขี่เสือขึ้นมา สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

คนผู้นี้ขี่สัตว์อสูรเข้าสำนักไท่หัวได้อย่างไร!?

ไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาก่อน!

ทุกคนที่เข้ามาในสำนักไท่หัวต่างเดินเท้าเข้ามา เพื่อแสดงความเคารพต่อสำนักไท่หัว

ทว่าชายหนุ่มแสดงตัวเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นสำนักไท่หัวอยู่ในสายตา!

ฟิ้ว ฟิ้ว!

ปรากฏหลายร่างกระโจนออกมาจากส่วนลึกของสำนักไท่หัว และปราณที่เปล่งประกายออกมาจากแต่ละร่างนั้นก็ทรงพลังยิ่งนัก

พวกเขาเป็นผู้อาวุโสของสำนักไท่หัว

ศิษย์พิทักษ์ที่เชิงเขาแจ้งว่ามีคนพยายามบุกเข้าไปในสำนักไท่หัว

“ขอบเขตนิพพาน…!”

“เป็นไปได้อย่างไร!”

สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปมหันต์ และอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

ดูเหมือนว่าชายหนุ่มผู้นี้จะอยู่ในขอบเขตนิพพาน ซึ่งทำให้พวกเขาคาดไม่ถึง!

ขอบเขตของชายหนุ่มสูงกว่าพวกเขาเสียอีก!

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แค่พวกเจ้ายังโง่เขลาและรู้น้อยเกินไป”

ชายหนุ่มส่ายหัว คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

ไหนสำนักไท่หัวที่รุ่งเรืองและมีอำนาจมากที่สุดในบูรพาทิศเล่า?

เมื่อเทียบกับภาคกลางแล้ว สำนักไท่หัวก็หามีอันใดไม่

ในภาคกลางนั้นเขาไม่ถือว่าเป็นอัจฉริยะระดับสูง เพราะผู้ที่อยู่ในแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นหมกมุ่นยิ่งกว่า อัจฉริยะหลายคนในวัยของเขาได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตผันอนันต์ไปแล้ว

แม้แต่เทียนเจียวที่อายุน้อยยังก้าวเข้าสู่ขอบเขตก่อกำเนิดเต๋าเลย!

อย่างไรก็ตาม ผู้อาวุโสของสำนักไท่หัวกลับตะโกนใส่เขาว่ามันเป็นไปไม่ได้ แสดงว่าสำนักไท่หัวคงอ่อนแอเกินไปจริง และแดนตะวันออกก็เทียบกับภาคกลางไม่ติดเลย 

ช่องว่างนี้นับว่าห่างกันมากเกินไปจริง ๆ

“ข้ามิเข้าใจว่าคุณชายมาที่สำนักไท่หัวของข้าด้วยเหตุอันใด”

เจ้าสำนักของสำนักไท่หัวเดินออกมา ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก มองดูชายหนุ่มผู้สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตนิพพานได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ตัวตนของคนตรงหน้านับว่าน่าทึ่งยิ่งนัก

“ไม่มีอะไร ข้าแค่มาหาคนเท่านั้น”

ชายหนุ่มเหลือบมองเจ้าสำนักของสำนักไท่หัวและเอ่ยเสียงเบา

โลกนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่ง

เมื่อคิดย้อนกลับไปในอดีต เขาจะกล้าพูดกับเจ้าสำนักของสำนักไท่หัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

คงไม่มีโอกาสได้พบกับเจ้าสำนักไท่หัวเสียด้วยซ้ำ

ทว่าตอนนี้เจ้าสำนักของสำนักไท่หัวกลับไม่ควรค่าจะเอ่ยถึงต่อหน้าเขาเลย

‘ใครจะคิดว่าอาณาจักรหนิงจะมีวันที่รุ่งโรจน์เช่นนี้’

เขาหัวเราะออกมาในใจ พึงพอใจและหยิ่งยโสยิ่งนัก

ในอดีตนั้นเขาเป็นคนที่ไร้ค่า พรสวรรค์ในการฝึกฝนก็ไม่เพียงพอ แม้จะเทียบกับเซี่ยเหยียน เขาก็ยังแย่กว่ามาก

แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขาออกจากแดนตะวันออก และมุ่งหน้าสู่ภาคกลาง

จากนั้นเขาได้เข้าไปในถ้ำโดยบังเอิญ และถูกวิญญาณนักบุญเข้าสิง

วิญญาณของนักบุญผู้นี้เป็นผู้ที่สร้างเสียงแปลก ๆ ในร่างกายของเขา

อีกฝ่ายเป็นนักบุญวิญญาณ เนื่องจากมีปัญหาด้านการฝึกฝน ร่างกายของเขาจึงถูกทำลายเหลือเพียงวิญญาณเท่านั้น หากไม่มีร่างกายให้คงอยู่ได้ วิญญาณจะสลายไปจนหมดสิ้น

ด้วยความช่วยเหลือของนักบุญวิญญาณ ในที่สุด พรสวรรค์ในการฝึกฝนของเขาซึ่งไม่แข็งแกร่งมากก็เปลี่ยนไปจนแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเป็นศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดาราได้

หากไม่มีวิญญาณนักบุญ และพึ่งพาแค่ความสามารถเดิมของเขา มันคงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายเจ็ดดารา ไม่ต้องพูดถึงศิษย์หลัก!

และมันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถเข้าสู่ขอบเขตนี้ได้ อันที่จริง แค่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตประสานวิญญาณได้ ก็นับว่าเป็นผู้ฝึกตนที่อยู่อันดับต้น ๆ ของภูมิภาคแล้ว

เจ้าสำนักไท่หัวขมวดคิ้ว ชายหนุ่มผู้นี้หยิ่งยโสยิ่งนัก ต่อให้เขาจะไม่ได้สนใจอีกฝ่ายมากก็ตาม

ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถหยวน ๆ ให้อีกฝ่ายได้ เขาจะไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ตราบใดที่สำนักไท่หัวไม่เป็นไร

“แล้วมาหาใครหรือ”

เขาถามด้วยรอยยิ้ม

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท