บทที่ 29 ผู้อาวุโสผู้ทรงพลังจะไม่ปล่อยให้ผู้เยาว์ต้องทนทุกข์ทรมาน
หลังจากชงชาแล้ว หลี่จิ่วเต้าก็รินถ้วยสามใบก่อนจะเอ่ย ‘เชิญ’ ทุกคน จากนั้นจึงเริ่มชิมชาพร้อมลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้า
ลวี่เหลียงยังคงไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด
เพราะเขาไม่มีความรู้ใด ๆ ที่บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ามี แม้จะรู้ว่าชุดชงชาและใบชานั้นไม่เรียบง่ายปานนั้น แต่เขาก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันไม่เรียบง่ายเพียงใด
ทว่าบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้านั้นแตกต่างออกไป…
มือที่ถือถ้วยชากำลังสั่น และเขาพยายามอย่างมากที่จะยับยั้งมัน แต่เขาก็ไม่สามารถยับยั้งความสั่นไหวนี้ได้
จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่สามารถดื่มชาที่มีขนาดเท่าลูกเดือยเท่านั้น แต่เขาสามารถดื่มชาสามใบจากชาเซียนแห่งการรู้แจ้ง เขาจะหยุดความตื่นเต้นในใจได้อย่างไร!
เขาหยุดมิได้เลย!
หลี่จิ่วเต้าไม่ได้สนใจลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าในเวลานี้
ถ้าเขาเห็นบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเป็นเช่นนี้ เขาคงจะสงสัยอย่างมากว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ผู้ฝึกตนจะมีปัญหาเรื่องมือสั่น
ในยามนี้ชายหนุ่มกำลังจดจ่อกับการชิมชา
เขาไม่เต็มใจที่จะดื่มชาในวันธรรมดา แล้วถ้าเขาชงออกมาไม่ดีเล่า?
หลี่จิ่วเต้าจิบ กลิ่นหอมของชาจาง ๆ ลอยอบอวลอยู่ในปากก่อนจะเข้าไปในท้อง มันช่างวิเศษและอร่อยอย่างสุดจะพรรณนา
‘เมื่อไหร่ระบบจะให้รางวัลเป็นชาแบบนี้สักที ใบชาน้อยเกินไปจนไม่อยากดื่มเลย…’
เขาคิดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้ที่ระบบจะให้รางวัลด้วยชาอีกหม้อหนึ่ง
ทักษะการชงชาของเขาไปถึงระดับสูงสุดแล้ว ซ้ำยังไปต่อไม่ได้แล้ว ระบบจะไม่ให้รางวัลเขาอีกต่อไป
‘ระบบควรเป็นมากกว่านั้นสิ! อัปเกรดได้แล้ว!’
จากนั้นเขาก็คิด รู้สึกอยู่เสมอว่าระบบของเขาจะได้รับการอัปเกรดด้วยฟังก์ชันใหม่ ๆ
‘นี่ไม่แปลกใช่หรือไม่ ข้าฝึกทักษะทั้งหมดจนถึงระดับสูงสุดแล้ว แต่ระบบไม่เคยเปลี่ยนเลย…’
ในอีกด้านหนึ่ง บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าจิบเหมือนกับลวี่เหลียง และไม่กล้าที่จะดื่มมันมากเกินไป
จะให้ดื่มชาที่ยอดเยี่ยมและเหนือธรรมชาติเสียคำโตได้อย่างไร การลิ้มรสเล็กน้อยสิจึงจะเป็นวิธีที่ถูกต้อง!
หลังจากที่ดื่มชาเข้าไป ตัวของพวกเขาก็แข็งทื่อทันที ในความคิดของทั้งคู่รู้สึกราวกับว่าในตัวมีปราณมากขึ้น อีกทั้งปัญหาการฝึกฝนในอดีตที่เคยรบกวนใจก็ได้หายไป ซ้ำทั้งหมดยังได้รับการแก้ไขอีกด้วย
ทั้งลวี่เหลียงและบรรพชนต่างมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับมรรคาที่พวกเขาฝึกฝน ซ้ำยังมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับการฝึกฝน!
พวกเขาต้องการการซ่อมแซมเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น ขอบเขตและความแข็งแกร่งของพวกเขาเองจะพุ่งสูงขึ้นอย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม คนทั้งคู่ไม่ได้เลือกจะฝึกฝนในเวลานี้
มันไม่สุภาพอย่างยิ่งที่จะฝึกฝนต่อหน้าผู้อาวุโส
ปัญหาที่ก่อกวนจิตใจพวกเขาได้รับการแก้ไขแล้ว พวกเขาไม่จำเป็นต้องรีบในตอนนี้
“ท่านผู้เฒ่ามีอะไรเกี่ยวข้องกับข้าในครั้งนี้หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้าถามลวี่เหลียง
“ข้ามาที่นี่เพื่อขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้า!”
ลวี่เหลียงเอ่ย จากนั้นหยิบกล่องออกมาอย่างกระวนกระวายพลางเอ่ย “ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้า ได้โปรดท่านรับไว้ด้วยเถิด”
สมบัติในเรือนผู้อาวุโสนั้นเป็นของอันสูงสุด เขาจะยื่นของบางอย่างให้ มีหรือที่จะไม่ประหม่า?
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเวิงอู๋โยวมอบของให้ผู้อาวุโส เขาไม่แน่ใจว่าควรให้หรือไม่ แต่ก็ไม่อาจเพิกเฉยความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสได้
ลวี่เหลียงหยิบกล่องออกมาแล้วเปิดออก ซึ่งมีเหรียญที่มีคำว่า ‘สำนักเมฆาลับฟ้า’ สลักอยู่
“เหรียญนี้สามารถใช้สำหรับการส่งสัญญาณติดต่อ หากท่านมีปัญหา ท่านสามารถใช้เหรียญนี้เรียกหาข้าได้โดยตรง และข้าจะรีบมาช่วยท่านทำทันที!”
หลังจากที่เขากลับมาที่สำนักเมฆาลับฟ้า เขารีบพบกับบรรพชนสำนักเมฆาลับฟ้าทันทีและเล่าทุกอย่างให้ฟัง
เหรียญนี้ได้รับเลือกให้เป็นของขวัญขอบคุณ หลังพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
มีสมบัติมากมายในบ้านของผู้อาวุโส แต่ไม่มีสิ่งใดที่พวกเขามอบให้เทียบเคียงได้ ด้วยเหตุนี้ ของที่พวกเขานำมาจึงไม่อาจดึงความสนใจจากผู้อาวุโส
ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือน้ำอมฤตไท่อีที่เวิงอู๋โยวให้ และหลี่จิ่วเต้าใช้มันเพื่อรดน้ำดอกไม้
พวกเขาไตร่ตรองเรื่องนี้ จนในที่สุดก็รู้สึกว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะส่งเหรียญที่สามารถติดต่อผู้อาวุโสเมื่อใดก็ได้ และช่วยผู้อาวุโสทำงานบ้าน!
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่แสร้งทำเป็นมนุษย์เพื่อเดินทางไปทั่วโลก ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบางสิ่งยากกระทำ และมันก็เหมาะสมสำหรับพวกเขาที่จะทำแทน
“นั่นไม่ดีเลย”
หลี่จิ่วเต้าปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม เขากังวลเรื่องนี้จริง ๆ
ด้วยเหรียญนี้ เขาสามารถติดต่อลวี่เหลียงได้ตลอดเวลา ซึ่งเพิ่มอัตราการอยู่รอดปลอดภัยของเขาได้อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่จะรับประกันได้จริงหรือ
เขาอดคิดไม่ได้
ความแข็งแกร่งของลวี่เหลียงเหมือนจะแย่มาก ไม่สามารถแม้แต่จะจัดการกับเสือตัวที่ใหญ่กว่าเขาได้ ถ้าเขาประสบปัญหาจริง ๆ ลวี่เหลียงจะช่วยได้จริงหรือไม่?
‘สำนักเมฆาลับฟ้า’
‘ให้ตายสิ ข้าไม่คิดเลยว่าคนที่มีพละกำลังต่ำอย่างลวี่เหลียงจะเป็นผู้ฝึกตนจากสำนักเมฆาลับฟ้า!’
เขารู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นคำว่า ‘สำนักเมฆาลับฟ้า’ บนเหรียญ
หลี่จิ่วเต้ารู้ว่าสำนักเมฆาลับฟ้าเป็นสำนักที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบูรพาทิศเช่นเดียวกับสำนักไท่หัว แต่เขานึกไม่ถึงว่าสำนักเมฆาลับฟ้าที่ทรงพลังเช่นนี้จะมีคนอ่อนแออย่างลวี่เหลียงอยู่
‘ลวี่เหลียงก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นแล้ว…’
เขามองไปที่บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้า
บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ามีผมหงอกและดูแก่กว่าลวี่เหลียง แต่จิตวิญญาณของเขาเปี่ยมไปด้วยพลัง และไม่มีเค้าความชราเลย!
นอกจากนี้ บรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้ายังมีความสง่างามที่เหนือกว่า เขาคิดว่าอีกฝ่ายต้องเป็นคนมีอำนาจและสิทธิ์บางอย่างในสำนักเป็นแน่
‘ลวี่เหลียงพาเขามาที่นี่ แสดงว่าต้องมีความสัมพันธ์ที่ลับลมคมในด้วยแน่ ๆ เช่นว่าลวี่เหลียงให้เขาเข้าทางประตูหลังได้อะไรแบบนี้’
หลี่จิ่วเต้าคิดกับตัวเอง
“พระคุณที่ผู้อาวุโสช่วยชีวิตไว้นั้นช่างสูงนัก ได้โปรดท่านรับไว้เถิดขอรับ!”
ลวี่เหลียงกล่าวอย่างเร่งรีบ
หลังจากที่หลี่จิ่วเต้าได้ยินสิ่งที่ลวี่เหลียงพูด เขาก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ
ใช่แล้ว ดีมาก!
เขาไม่ต้องการในตอนแรกเนื่องจากลวี่เหลียงอ่อนแอเกินไป หากปล่อยให้ลวี่เหลียงช่วยเขาคนเดียว ก็เป็นไปได้ว่าเขาจะช่วยลวี่เหลียงแทนเสียนี่!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาเห็นสัญลักษณ์ของสำนักเมฆาลับฟ้า เขาก็เปลี่ยนใจทันที
สำนักเมฆาลับฟ้าเป็นสำนักที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในบูรพาทิศ เมื่อเทียบกับสำนักไท่หัวแล้วจะบอกได้แค่ว่าแกร่งกว่าหรืออ่อนแอกว่าเท่านั้น ด้วยเหรียญตรานี้ ความปลอดภัยของเขาจึงเป็นที่รับประกันได้มากขึ้น!
“เจ้ายืนกรานเช่นนี้ย่อมได้ ข้ายอมแล้ว”
หลี่จิ่วเต้าหยิบเหรียญขึ้นมา
เมื่อลวี่เหลียงและบรรพชนของสำนักเมฆาลับฟ้าเห็นหลี่จิ่วเต้าหยิบเหรียญไป หัวใจของพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยความสุข
ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่รับเหรียญไป นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กับผู้อาวุโส และอนาคตของสำนักเมฆาลับฟ้าของพวกเขาจะต้องสดใส!
“ข้ารับเปล่า ๆ ไปไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะมอบภาพวาดให้เป็นอย่างไร? ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบภาพวาดทิวทัศน์ที่ข้าวาดก่อนหน้านี้”
หลี่จิ่วเต้ากล่าว
อันใดนะ!
จะมอบให้จริง ๆ หรือ!
ลวี่เหลียงตื่นเต้นมากทะลึ่งตัวขึ้นมา!
เขาต้องการภาพวาดทิวทัศน์นั้นมาตลอด และเกือบจะขอหลี่จิ่วเต้าในท้ายที่สุดอยู่แล้ว!
‘ฮ่า ๆ! ผู้อาวุโสผู้ทรงพลังไม่ปล่อยให้ผู้เยาว์อย่างเราต้องทนทุกข์ทรมานจริง ๆ!’
เขาหัวเราะร่าอยู่ในใจ