รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 44 แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ไม่ตกลง

บทที่ 44 แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ไม่ตกลง

บทที่ 44 แม้แต่แดนศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ไม่ตกลง

เซี่ยเหยียนกลืนน้ำลาย พลังของคันศรราชันทำให้นางหวาดกลัวจริง ๆ

โชคดีที่บิดาของนางเตือนไว้ ไม่เช่นนั้นนางคงโง่งมดึงคันธนูดุจคนทั่วไปอยู่

ด้วยการยิงธนูลูกเดียว ภูเขาหลายพันลี้พังทลายลงทันที แม้แต่จักรพรรดิเซี่ยก็สัมผัสได้ว่าความว่างเปล่าตรงนั้นกำลังพังทลาย และกฎแห่งระเบียบก็ยุ่งเหยิง พลังของลูกศรนี้นั้นยากจะจินตนาการนัก!

แม้ขอบเขตของเซี่ยเหยียนจะสูงกว่าเขา แต่หลังจากที่เต๋าหัวใจของเขาถึงขั้น ‘เอกภาพแห่งสวรรค์และโลก’ สัมผัสวิญญาณของเขาก็เฉียบคมมากขึ้น ซ้ำยังแข็งแกร่งกว่าเซี่ยเหยียนด้วย

“ความว่างเปล่าพังทลาย และกฎแห่งระเบียบก็กลายเป็นไร้ระเบียบ ฮ่า ๆ เหยียนเอ๋อร์ ด้วยคันศรราชันนี้ นิกายเจ็ดดาราก็ทำอะไรเจ้าไม่ได้!”

จักรพรรดิเซี่ยหัวเราะแล้วหัวเราะอีก

ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถแทรกแซงกฎแห่งระเบียบระหว่างสวรรค์และโลกได้ ส่วนผู้ที่สามารถแทรกแซงกฎแห่งระเบียบของสวรรค์และโลกได้นั้นมีเพียงผู้ที่อยู่ขอบเขตเอกาเท่านั้น

และระดับสูงสุดของนิกายเจ็ดดาราก็อยู่ที่ขอบเขตเอกาเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดที่แข็งแกร่งเกินกว่าขอบเขตเอกาด้วย

นี่ทำให้จักรพรรดิเซี่ยรู้สึกโล่งใจและไม่กังวลอีกต่อไป

กังวลหรือ?

หนิงเจี๋ยสิที่ต้องกังวล!

“จริงหรือเพคะ”

เซี่ยเหยียนรู้สึกสงสัย เหตุใดนางจึงไม่รู้สึกถึงการล่มสลายของความว่างเปล่าและความไร้ระเบียบของกฎแห่งระเบียบกัน?

“ฮ่า ๆ เช่นนั้นก็ลองเล่นหมากกับผู้อาวุโสดูแล้วเจ้าจะเข้าใจเอง!”

จักรพรรดิเซี่ยหัวเราะ

“เอาล่ะ กลับไปที่อาณาจักรเซี่ยกันเถิด ครานี้ข้าไม่กลัวว่าหนิงเจี๋ยจะทำเรื่องบัดซบอันใดแล้ว”

เขาและเซี่ยเหยียนกลับไปยังสำนักไท่หัว จากนั้นก็ยืมวงเวทเคลื่อนย้ายของสำนักไท่หัวเพื่อกลับไปยังอาณาจักรเซี่ย

“มีวงเวทเคลื่อนย้ายเช่นนี้ช่างสะดวกยิ่งนัก!”

จักรพรรดิเซี่ยถอนหายใจ

ตอนนั้นเขาเดินทางอยู่หลายวันโดยไม่กล้าหยุดแม้สักครู่เดียว ก่อนจะมาถึงสำนักไท่หัว

ทว่าตอนนี้เขาสามารถยืมวงเวทเคลื่อนย้ายเพื่อกลับอาณาจักรเซี่ยโดยใช้เวลาเพียงครู่เดียว ช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นยิ่งใหญ่เกินไปจริง ๆ!

“ท่านพ่อ เราก็มีได้นะเพคะ!”

เซี่ยเหยียนว่า

“มีได้จริงก็ดีน่ะสิ”

จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยยิ้ม ๆ เช่นกัน

เมื่อพวกเขากลับมาที่วังหลวง ขุนนางของอาณาจักรเซี่ยก็รีบแจ้งให้จักรพรรดิเซี่ยทราบทันที ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้

จักรพรรดิหนิงได้เรียกร้องให้เซี่ยเหยียนกลับไปหาจักรพรรดิเซี่ยก่อนหน้านี้

“ดูท่าแล้วหนิงเจี๋ยคงไม่รู้จริง ๆ ว่าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่จะน่ากลัวถึงเพียงนี้ เขาเพียงแค่คิดว่าผู้อาวุโสเป็นคนธรรมดาที่แข็งแกร่งเท่านั้น”

เวลาผ่านไปได้พักใหญ่แล้ว หากหนิงเจี๋ยทราบจริงว่าผู้อาวุโสนั้นน่ากลัวและน่าหวาดผวาเพียงใด เขาคงแจ้นมาพบจักรพรรดิหนิงแต่เนิ่น ๆ แล้วบอกให้จักรพรรดิหนิงกลับไปยังอาณาจักรหนิง

ทว่ายามนี้จักรพรรดิหนิงยังคงอยู่ในอาณาจักรเซี่ยและคอยกระตุ้นพวกเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหนิงเจี๋ยไม่รู้ว่าผู้อาวุโสนั้นทรงพลังเพียงใด

“ต้องขอโทษด้วย เจิ้นไม่อาจตกลงและยอมรับการแต่งงานครั้งนี้ได้”

จักรพรรดิเซี่ยไปหาจักรพรรดิหนิง และเมื่อเจอหน้า เขาก็เอ่ยคำดังกล่าวกับอีกฝ่าย

จักรพรรดิหนิงหรี่ตา เหตุใดจักรพรรดิเซี่ยถึงต้องแทนตัวเองสูงส่งปานนั้นต่อหน้าเขาด้วย?

“จักรพรรดิเซี่ยจะกลับคำหรือไร”

จักรพรรดิหนิงเย้ยหยันแล้วเอ่ยว่า “กล่าวตามตรง องค์ชายหนิงเจี๋ย บุตรของข้ากำลังเดินทางมายังอาณาจักรเซี่ยพร้อมกับมหาอำนาจจากนิกายเจ็ดดารา”

ไม่กี่วันก่อนหน้า หนิงเจี๋ยมาพบเขาที่นี่ แล้วบอกให้เขากดดันจักรพรรดิเซี่ยต่อไป ส่วนตนนั้นจะกลับไปพาคนจากนิกายเจ็ดดารามาช่วยด้วย

“แม้ว่าองค์ชายจะนำคนจากแดนศักดิ์สิทธิ์มา แต่ข้าก็ไม่สามารถตกลงกับการแต่งงานครั้งนี้ได้อยู่ดี”

ใบหน้าของจักรพรรดิเซี่ยยังคงสงบ “องค์หญิงของข้าจะไม่ทำอะไรที่เป็นการบังคับ”

“ช่างเป็นน้ำเสียงที่โอ้อวดอะไรอย่างนี้! ถึงขั้นอ้างถึงแดนศักดิ์สิทธิ์เลยหรือนี่ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร?”

จักรพรรดิหนิงหัวเราะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม และกล่าวว่า “เจ้าคงไม่คิดว่าขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังบุตรสาวของเจ้า จะสามารถต่อกรกับนิกายเจ็ดดาราได้หรอกนะ?”

หนิงเจี๋ยบอกเขาว่าเซี่ยเหยียนดูจะเกี่ยวข้องกับบุคคลทรงอำนาจผู้หนึ่ง

แต่หนิงเจี๋ยก็บอกเขาเช่นกันว่าไม่ต้องกังวลไป ไม่ว่าชายผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็ไม่สามารถแข็งแกร่งไปกว่านิกายเจ็ดดาราได้

“นั่นคือสิ่งที่ข้าคิด”

จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้ากำลังรอให้องค์ชายของเจ้านำขุมพลังนิกายเจ็ดดารามา”

“เจ้าบ้าไปแล้ว!”

จักรพรรดิหนิงตะคอกอย่างเย็นชาและเอ่ยว่า “ความยโสของเจ้าจะทำลายอาณาจักรเซี่ยของเจ้าเอง!”

เป็นไปได้อย่างไรที่จะมีผู้แข็งแกร่งในบูรพาทิศ ซึ่งสามารถสยบนิกายเจ็ดดาราได้?

เขาไม่เชื่อว่าจะมีคนแข็งแกร่งเช่นนี้ในบูรพาทิศ

“แล้วแต่เจ้าจะคิด”

จักรพรรดิเซี่ยจากไปอย่างไม่แยแส เมินสิ้นซึ่งจักรพรรดิหนิง

เมื่อเห็นพลังของลูกธนูที่เซี่ยเหยียนยิงด้วยตาของเขาเอง เขาก็สงบมาก และแม้ว่าจะมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ไม่กลัว

“เจ้าต้องชดใช้ความโง่เขลาของเจ้า!”

เมื่อมองไปยังร่างของจักรพรรดิเซี่ยที่จากไป จักรพรรดิหนิงก็กล่าวอย่างโกรธเคือง

ไม่กี่วันต่อมา ปราณอันน่าสะพรึงกลัวก็ปกคลุมไปทั่วอาณาจักรเซี่ย และพลเมืองของอาณาจักรเซี่ยต่างก็หวาดกลัว

“มาแล้วสินะ”

จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยเบา ๆ เขารู้แล้วว่าหนิงเจี๋ยมาพร้อมกับมหาอำนาจนิกายเจ็ดดารา

“ฮ่า ๆ เซี่ยเหยียนกลับมาแล้วหรือ”

หนิงเจี๋ยระเบิดเสียงหัวเราะและทะยานลงมาจากเมฆ

เขาพร้อมกับชายวัยกลางคน

“ตงจู่”

จักรพรรดิเซี่ยเดินออกมา ก่อนจะเห็นหนิงเจี๋ยกับชายวัยกลางคน

เขาจำชายวัยกลางคนที่ชื่อตงจู่ได้ คนผู้นี้มีอำนาจมากและเป็นที่รู้จักในภาคกลาง ซ้ำยังเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงในภาคกลาง

“มาแล้วสินะ!”

จักรพรรดิหนิงเดินเข้ามาและเอ่ยว่า “เซี่ยเหยียนอยู่ในวังแล้ว แต่จักรพรรดิเซี่ยกลับคำพูดของเขา เขายินไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ และยังกล่าวว่าต่อให้ขุมพลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์มาก็ไม่ได้ผล!”

“อ้อ ต่อให้ขุมพลังจากแดนศักดิ์สิทธิ์มาก็ไม่พอเช่นนั้นหรือ?”

หนิงเจี๋ยยิ้ม มองไปทางจักรพรรดิเซี่ยและเอ่ยด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ใครให้ความกล้าหาญเช่นนี้แก่เจ้า เจ้าเด็กมนุษย์ในบูรพาทิศนั่นน่ะหรือ!”

“เด็กมนุษย์?”

แววตาของจักรพรรดิเซี่ยเผยประกายคมเฉียบดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งออกมา “กล้าดีอย่างไร! คนไร้คุณสมบัติเช่นเจ้า ถึงกับกล้าดูหมิ่นผู้อาวุโสเลยหรือ!?”

“ปากดียิ่งนัก กล้าดีอย่างไรถึงกล่าวหาศิษย์หลักของนิกายเจ็ดดาราว่า ไร้คุณสมบัติ!”

ชายวัยกลางคนที่แข็งแกร่งข้าง ๆ หนิงเจี๋ยตะคอกอย่างเย็นชา โดยฉับพลัน แรงกดดันอันไร้ขอบเขตและน่าสะพรึงกลัวถาโถมใส่จักรพรรดิเซี่ยทันที

นี่คือตัวตนอันทรงพลังยิ่ง พลังของเขานั้นน่ากลัวเกินไป ขนาดว่าขุนนางของอาณาจักรเซี่ยที่ยืนอยู่รอบ ๆ จักรพรรดิเซี่ยยังได้รับผลกระทบ และพวกเขาก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของแรงกดดันนี้กลับมีใบหน้าสงบอย่างมาก กระทั่งว่าไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เลย!

เมื่อตงจู่เห็นฉากนี้ ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที

ขอบเขตกงล้อชะตาต้านทานการกดดันจากเขาได้จริงหรือ สิ่งนี้ทำให้เขาประหลาดใจเล็กน้อย

“น่าสนใจนี่”

เขาเย้ยหยัน แล้วแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา ทันใดนั้นเอง ขุนนางที่อยู่รอบ ๆ จักรพรรดิเซี่ยก็ทนไม่ได้ในที่สุด พวกเขาแต่ละคนถูกกดทับลงกับพื้นจนไม่สามารถยืนขึ้นได้

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายหลักของแรงกดดันอย่างจักรพรรดิเซี่ยยังคงแสดงใบหน้าสงบนิ่ง เขาไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย

“เลิกบังคับขู่เข็ญเสียที อย่าพูดถึงเจ้าเลย ต่อให้บรรพชนของนิกายเจ็ดดารามาด้วยตัวเอง ข้าก็หาได้แยแสไม่”

จักรพรรดิเซี่ยเอ่ยเบา ๆ

หัวใจแห่งเต๋าของเอกภาพแห่งสวรรค์และโลกนั้นน่ากลัวเกินไป บรรพชนของนิกายเจ็ดดาราไม่มีหัวใจแห่งเต๋าสูงระดับนี้ และในขณะเดียวกัน บรรพชนนิกายเจ็ดดาราก็ไม่สามารถเขย่าหัวใจแห่งเต๋าของเขาได้

ทั่วทั้งเหยียนโจวนี้ มีคนที่แข็งแกร่งมากเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ที่สามารถเขย่าหัวใจแห่งเต๋าเช่นนี้ได้

แม้ว่านิกายเจ็ดดาราจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้ถือว่าแข็งแกร่งมากเพียงนั้น

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท