บทที่ 41 ฟ้าดินคือกระดาน เทพมารคือตัวหมาก
สมบัติล้ำค่าของผู้ฝึกตน แต่ผู้อาวุโสกลับเอามารดน้ำดอกไม้ และพวกมันยังเป็นแค่ต้นไม้ดอกไม้ธรรมดา…
จักรพรรดิเซี่ยไม่รู้จะกล่าวคำใด!
“ได้เลย เช่นนั้นเอามันไปรดน้ำดอกไม้นะเจ้าคะ”
เซี่ยเหยียนไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด
นางอยู่กับหลี่จิ่วเต้ามาสักพักแล้ว อีกทั้งยังรู้ดีว่าหลี่จิ่วเต้าโดดเดี่ยวและยิ่งใหญ่เพียงใด ในสายตาของชายหนุ่ม น้ำอมฤตไท่อีก็เหมือนกับน้ำธรรมดาทุกประการ…
เดิมทีหลี่จิ่วเต้าต้องการปฏิเสธ
เขาคุ้นเคยกับเซี่ยเหยียน แต่อายเกินที่จะขอให้ผู้ฝึกตนช่วยรดน้ำดอกไม้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเซี่ยเหยียนเป็นศิษย์สายตรงของเจ้าสำนักไท่หัวและมีสถานะที่สูงส่ง
ที่สำคัญเขาจะไม่เอาน้ำที่เวิงอู๋โยวมอบให้ไปรดต้นไม้เองแน่ ๆ
หนึ่งหยดเปรียบดั่งทะเลสาบ หากมือของเขาสั่นแล้วน้ำมันกระฉอกไปหมดจะทำอย่างไรเล่า
เกรงว่าเมืองชิงซานจะน้ำท่วมเอาน่ะสิ!
หลังจากไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็ปล่อยให้เซี่ยเหยียนรดน้ำดอกไม้ดีกว่า ท้ายที่สุดนางก็เป็นผู้ฝึกตนและมือน่าจะนิ่งกว่าเขาเยอะ
“เช่นนั้นข้ารบกวนด้วย”
“ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ”
เซี่ยเหยียนยิ้ม
หลี่จิ่วเต้าไม่สนใจน้ำอมฤตไท่อีมากในเวลานั้น เขาจึงวางไว้บนขั้นบันไดตั้งแต่ที่ได้รับมา
เด็กสาวหยิบขวดที่มีน้ำอมฤตไท่อีบรรจุไว้ จากนั้นก็เดินไปรดน้ำให้เหล่าดอกไม้
เวลาเซี่ยเหยียนหยิบจับอะไรมาใช้ก็ดูตื่นตาตื่นใจไปเสียหมด
มันดูเป็นน้ำขวดเล็ก ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ แต่ดูเหมือนจะมีน้ำไหลมาไม่ขาดสาย และเซี่ยเหยียนก็ค่อย ๆ เทมันลงไปในดิน
ครั้นน้ำไหลลงสู่ดิน ดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาก็เริ่มแผ่กิ่งก้านสาขาและผลิใบสีเขียวมรกตอีกครั้ง พวกมันเต็มไปด้วยชีวิตชีวายิ่ง
‘น้ำที่ไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ฝึกตน ทว่าแตกต่างกับมนุษย์โดยสิ้นเชิงเลย!’
ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง
น้ำนี้ทรงพลังเกินไป มันเป็นเพียงของเหลวทางจิตวิญญาณและแค่เทลงไป ดอกไม้ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาก็ค่อย ๆ มีชีวิตขึ้นอีกครั้ง ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก!
“อืม ไปดูบอนไซในบ้านสักหน่อยดีกว่า”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวแล้วเดินเข้าไปในบ้าน
ทุกวันนี้เขาออกล่าสัตว์กับเซี่ยเหยียนบนเนินเขาเขียว จึงไม่ค่อยได้ดูแลเจ้าบอนไซเลย
“หากมันขาดน้ำ ข้าจะช่วยท่านย้ายออกไปเอง”
จักรพรรดิเซี่ยยิ้มแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเข้าไปในบ้านและเห็นบอนไซวางอยู่ ใจของเขาก็เหมือนถูกคลื่นนับพันซัดกระหน่ำและเต็มไปด้วยความตกใจ!
ต้นบอนไซที่ไหลไปตามจังหวะแห่งเต๋า ใบไม้พันกันเป็นลวดลายเต๋าตามธรรมชาติ ซึ่งมีกฎเต๋าที่เป็นไปไม่ได้อยู่!
“หญ้าดารา เถาเฉียนจิน ดอกจื่อเซี่ย…”
จักรพรรดิเซี่ยตะลึงลาน บอนไซที่ว่ากลับเป็นโอสถของจักรพรรดิ!
เขาเคยเห็นบันทึกเกี่ยวกับโอสถของจักรพรรดิในคัมภีร์โบราณ และต้นบอนไซที่อยู่ตรงหน้าก็เหมือนในคัมภีร์โบราณบันทึกไว้ทุกประการ!
นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงจิตวิญญาณของจักรพรรดิอันไร้ขอบเขต และความมีชีวิตชีวาที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากบอนไซเหล่านี้ พวกมันคือโอสถของจักรพรรดิอย่างไม่ต้องสงสัย!
‘โอสถของจักรพรรดิสามารถช่วยให้จักรพรรดิมีอีกชีวิตหนึ่งได้ นี่ทำให้จักรพรรดิทุกพระองค์ต้องการเป็นเจ้าของมัน ทว่าน่าเสียดายยิ่งที่มันเป็นสิ่งหายากในสมัยโบราณ และมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ครอบครอง…’
จักรพรรดิเซี่ยไม่รู้จริง ๆ ว่าตนเองกำลังได้พบกับอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่แบบไหน จักรพรรดิหลายองค์ไม่อาจหาโอสถของจักรพรรดิได้ ไฉนผู้คนตรงหน้านี้ถึงมีเก้าต้นอยู่ในการครอบครอง!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
แม้แต่จักรพรรดิที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ ก็ยังมิอาจถือครองโอสถของจักรพรรดิได้มากมายถึงเพียงนี้…
หลี่จิ่วเต้าตรวจสอบบอนไซในบ้านอย่างระมัดระวัง ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้รดน้ำแต่อย่างใด
เพราะบอนไซเหล่านี้ไม่ขาดน้ำเหมือนดอกไม้ข้างนอกนั่น และแต่ละต้นก็เติบโตอย่างแข็งแรง
‘ต้นไม้ที่ระบบให้มานี่ดีจริง ๆ!’
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยกับตัวเองในใจ เขาชอบบอนไซพวกนี้มาก
บอนไซเหล่านี้เป็นรางวัลจากระบบ หลังทักษะศิลปะด้านดอกไม้และพืชพรรณของเขาไปถึง [ขั้นเทวะ] แล้ว
อย่างไรก็ตาม บอนไซที่ระบบให้รางวัลในตอนนั้นไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นในตอนนี้ ระบบให้รางวัลแก่เขาเป็นต้นกล้าเก้าต้นพร้อมกระถางกับดิน และกระถางอีกสิบแปดอันพร้อมดินเท่านั้น
ชายหนุ่มเลี้ยงดูมันทีละเล็กละน้อยจนถึงตอนนี้ คอยเฝ้าดูแลจนที่เห็นดั่งปัจจุบัน
หลังจากนั้นเขาก็ไปห้องอื่น ๆ เพื่อตรวจสอบ และพบว่าบอนไซในห้องอื่น ๆ ยังคงแข็งแรงดี
“ข้า…”
จักรพรรดิเซี่ยติดตามหลี่จิ่วเต้าไปยังที่อื่นเพื่อดู แล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม
เขาลองนับดู…กลับพบว่ามีบอนไซถึงสิบแปดต้น! ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นโอสถของจักรพรรดิ!
มันแตกต่างจากโอสถของจักรพรรดิเก้าต้นแรก เพราะอีกสิบแปดชนิดนี้ยังไม่เติบโตดีนัก ซ้ำแล้วบางต้นยังค่อนข้างอ่อนแอในแง่ธรรมชาติของจักรพรรดิ
แต่ไม่ว่าจะอ่อนแอเพียงใด มันก็ยังเป็นโอสถของจักรพรรดิ!
สิบแปด… กับเก้า รวมเป็นโอสถของจักรพรรดิทั้งหมดยี่สิบเจ็ดชนิด!
‘จะมีโอสถของจักรพรรดิมากมายในโลกนี้ได้อย่างไร ข้าเกรงว่าอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่นี้จะปลูกเองคนเดียวหมดแล้ว!’
จักรพรรดิเซี่ยคิดในใจ
โอสถของจักรพรรดิยี่สิบเจ็ดชนิด น่ากลัวเกินไปแล้ว เขารู้สึกว่ามันไม่น่าจะมีมากขนาดนี้…
‘เหยียนเอ๋อร์ช่างโชคดีจริง ๆ!’
เขาเผยรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้า และรู้สึกมีความสุขกับบุตรสาวยิ่งนัก
เมื่อเซี่ยเหยียนอยู่ข้างอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ มันยากที่จะจินตนาการว่านางจะไม่แข็งแกร่งขึ้นในอนาคต!
“ผู้อาวุโส ดอกไม้ในบ้านจำเป็นต้องรดน้ำหรือไม่”
เสียงของเซี่ยเหยียนตะโกนดังมาจากข้างนอกว่านางรดน้ำดอกไม้และต้นไม้ในสวนเสร็จแล้ว
“ไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มเดินออกมาพร้อมจักรพรรดิเซี่ย
“เจ้าค่ะ” เด็กสาววางสระน้ำขนาดเล็กที่มีน้ำอมฤตไท่อีบนขั้นบันไดอีกครั้ง
“ท่านลุงเล่นหมากได้หรือไม่”
หลี่จิ่วเต้ามองไปยังจักรพรรดิเซี่ย
“ข้าพอเล่นได้นิดหน่อยน่ะ” คนถูกถามตอบกลับ
“เช่นนั้น เราไปเล่นกันเถิด”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เชิญจักรพรรดิเซี่ยให้นั่งลง
หลังจากเห็นโอสถของจักรพรรดิยี่สิบเจ็ดชนิดในบ้าน จักรพรรดิเซี่ยก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง และภาพลักษณ์ของชายหนุ่มในใจก็ดีขึ้นมาก
เขาจะกล้าเล่นหมากกับอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร กระนั้นก็ไม่กล้าปฏิเสธคำเชิญของหลี่จิ่วเต้า สุดท้ายแล้วจึงต้องกัดฟันนั่งลง
“ท่านพ่อถ่อมตัวนัก แต่ข้าจำได้ว่าทักษะการเล่นหมากของท่านนั้นยอดเยี่ยมยิ่ง ทั้งยังไม่มีผู้ใดในอาณาจักรเซี่ยสามารถเล่นเป็นเพื่อนท่านได้ มาตอนนี้ท่านกลับบอกว่ารู้เพียงเล็กน้อยเนี่ยน่ะหรือ”
เซี่ยหยานพูดด้วยรอยยิ้ม
“ปรากฏว่าท่านลุงก็ไม่ธรรมดาสินะ เช่นนั้นเราเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นดีกว่า”
ไม่ใช่แล้ว!
จักรพรรดิเซี่ยอยากจะร้องไห้แต่ก็ไม่มีน้ำตาสักหยด ทักษะการเล่นหมากของเขาค่อนข้างดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเล่นกับใคร
หากเทียบกับผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ที่ยากหยั่งถึงนี้ ทักษะหมากของเขาก็… ลืมมันซะเถอะ!
กระนั้นเขาก็นั่งลงแล้ว …และเกรงว่าต้องเล่นไปจนจบ
หลี่จิ่วเต้ายิ้มกริ่ม ฝั่งเขาเป็นหมากสีดำ
ชายหนุ่มหยิบหมากขึ้นมาและวางลงอย่างเบามือ
ทันใดนั้นเอง จักรพรรดิเซี่ยพลันรู้สึกว่าโลกกำลังสั่นไหว และทัศนวิสัยเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สั่นสะเทือนโลกา!
ดูเหมือนว่าเขามาถึงสนามรบโบราณแห่งหนึ่งที่หนาวเหน็บ และรอบข้างเต็มไปด้วยผู้ชม เมื่อเงยหน้าขึ้นมองหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง ร่างของชายหนุ่มก็กลายเป็นเงาที่บดบังทุกสิ่งแล้ว!
‘ใช้สวรรค์และโลกเป็นกระดาน แล้วก็ใช้เทพมารเป็นตัวหมาก!’
จักรพรรดิเซี่ยเห็นว่าตัวหมากในมือของหลี่จิ่วเต้ากลายเป็นเทพเจ้าและมารปีศาจ อีกทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมายังน่าเกรงขาม มันทำให้ใจของเขาเต้นแรงจนแทบทะลุอก
‘สวรรค์ ข้าไม่อยากเล่นหมากเช่นนี้!’
เขากำลังจะร้องไห้ …เกมหมากเช่นนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว!