บทที่ 51 มนุษย์คือราชา ส่วนผู้ฝึกตนตัวน้อยคือผู้ฝึกตนตัวน้อย
“ไม่เป็นไรเลย”
หลี่จิ่วเต้ายิ้มถ่อมตน
เขาไม่ได้มาโรงน้ำชาหย่าเสียนบ่อยนัก เพียงแค่เคยมาครั้งหนึ่ง ตอนที่ทักษะทั้งหลายของเขายังเลเวลไม่เต็ม
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะจนเลเวลเต็ม แต่ระดับของทักษะทั้งหลายก็ยังถือว่าสูงมากอยู่ดี
ยามนั้น เขากลายเป็นคนดังในการประลองฝีมือของโรงน้ำชาหย่าเสียน และถูกนับถือให้เป็นเทพเจ้าโดยผู้รอบรู้ของเมืองชิงซาน
แต่หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มาอีกเลย
สาเหตุหลักคือผู้รอบรู้เหล่านี้มีความกระตือรือร้นมากเกินไป และหลี่จิ่วเต้าก็ไม่ใช่ประเภทพวกชอบมีหน้ามีตาเสียด้วย หากป้าหวังไม่ชวนมาดูตัวที่โรงน้ำชาหย่าเสียน โดยบอกว่าโรงน้ำชาหย่าเสียนนั้นสะอาดและหรูหรา เขาจะไม่เลือกโรงน้ำชาหย่าเสียนเด็ดขาด
ดูเอาเถิด พอเขาปรากฏตัว กลุ่มผู้รอบรู้ก็วิ่งเข้ามารุมล้อมแล้ว
ผู้รอบรู้บางคนกล่าวว่าเขาเพิ่งเขียนบทกวีเมื่อเร็ว ๆ นี้และอยากขอให้ชายหนุ่มช่วยดูมันหน่อย ขณะที่ผู้รอบรู้บางคนกล่าวว่า เขาวาดภาพต้นสนและลายเส้นใบก็ดูชัดสวยงามมาก อยากจะขอให้เขาชื่นชมมันหน่อย
นอกจากนี้ ยังมีผู้รอบรู้ที่บอกว่าพวกเขาได้ร่ำเรียนบทเพลงใหม่และอยากให้เขาฟังมัน
มีผู้รอบรู้อีกคนหนึ่งกล่าวว่า เขาคิดกลอุบายหมากล้อมอย่างรอบคอบ และต้องการประลองฝีมือกับเขา
หลี่จิ่วเต้าเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาพูดไม่ออก ผู้รอบรู้เหล่านี้ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดเลย..
‘อืม อยู่บ้านดีกว่าจริง ๆ’
หากไม่ใช่เพราะหลิงอินบอกว่าไม่สะดวกไปบ้านเขา ซ้ำที่นี่ยังมีกู่ฉินอยู่ เขาคงไม่ลงไปที่โถงด้านในชั้นหนึ่ง
คนส่วนใหญ่ชอบได้รับการชมเชยและชื่นชม แต่หลี่จิ่วเต้าไม่ใช่ เขาผ่านจุดนั้นมาแล้ว ตอนนี้เขาชอบใช้ชีวิตอย่างราบเรียบและสงบสุขเสียมากกว่า
“ราชาในหมู่มนุษย์ ผู้ฝึกตนตัวน้อยก็คือผู้ฝึกตนตัวน้อยอยู่วันยังค่ำ”
หลิงอินกล่าวอย่างเหยียดหยาม
ผู้ฝึกฝนที่แท้จริง ขุมพลังที่แท้จริงควรเป็นเหมือนนาง เหยียดมองใต้หล้าและกวาดล้างศัตรูจนราบเป็นหน้ากลอง
“ทุก…ท่าน คุณชายหลี่บอกว่าต้องการชี้แนะกู่ฉินให้ข้า เช่นนั้นแล้ว โปรดอย่าทำให้เขาลำบากใจเลยเจ้าค่ะ”
นางเอ่ย รู้สึกทนไม่ได้จริง ๆ ที่มนุษย์เหล่านั้นชมเชยหลี่จิ่วเต้า
ผู้ฝึกตนตัวน้อยที่ไม่มีพละกำลังและถูกให้ออกจากเส้นทางการฝึกฝน สมควรได้รับการชมเชยเช่นนี้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม เสียงของนางถูกกลบด้วยเสียงของผู้รอบรู้เหล่านี้โดยตรง ไม่มีใครได้ยินสิ่งที่นางเอ่ย ผู้รอบรู้เหล่านี้กระตือรือร้นจะคุยกับหลี่จิ่วเต้ามากเกินไป จนไม่หยุดพูดแม้แต่ครู่เดียว
“อ๊า น่าชังยิ่งนัก!”
หลิงอินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ นางเป็นผู้มีเกียรติมากแล้วจะยินยอมถูกละเลยเช่นนี้ได้อย่างไร
ในสมัยโบราณนั้น คำพูดของนางคือกฎ และสิ่งมีชีวิตหลายร้อยล้านชีวิตต้องฟังเสียงของนาง แม้แต่จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังไม่กล้าเพิกเฉยต่อนางเช่นนี้ และฟังในสิ่งที่นางพูด
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครสนใจนางเลย หัวใจและปอดของนางกำลังจะระเบิดด้วยโทสะ เพราะนางรำคาญยิ่งนัก
กลุ่มผู้รอบรู้ไม่หยุดพูด และหลี่จิ่วเต้ากำลังจะหูแตก
เขาตะโกนอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ทุกท่าน ให้ข้าได้พูดสักสองสามคำหน่อยเถิด!”
“ท่าน โปรดพูดมา!”
“เงียบ!”
สถานที่นั้นเงียบลงทันที และสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าพูดก็ยังมีประโยชน์มาก
ผู้รอบรู้หลายคนหยิ่งยโสโอหัง และมักปฏิเสธที่จะยอมรับใครก็ตาม ทว่าพวกเขาชื่นชมหลี่จิ่วเต้าอย่างมาก และเคารพหลี่จิ่วเต้ายิ่งนัก
“ข้าเข้าใจในสิ่งที่พวกท่านพูดแล้ว คราหน้าเมื่อข้ามายังโรงน้ำชาหย่าเสียน ข้าจะคุยเรื่องเหล่านี้กับพวกท่านอีกที!”
หลี่จิ่วเต้ากล่าวว่า “ครั้งนี้ข้ามาที่นี่กับแม่นางหลิงอิน และข้าเพียงต้องการยืมกู่ฉิน ใครก็ตามที่มีกู่ฉิน ข้าขอยืมได้หรือไม่?”
“ท่าน ใช้ของข้า!”
“นี่คือกู่ฉินบรรพบุรุษที่สืบทอดกันมาในครอบครัวข้า ท่าน ได้โปรดใช้ของข้าด้วย!”
ผู้รอบรู้ที่นำกู่ฉินมา ต่างแนะนำกู่ฉินของตนโดยไม่มีข้อยกเว้น ต่างหวังว่าหลี่จิ่วเต้าจะสามารถใช้กู่ฉินของพวกเขาได้
“ให้แม่นางหลิงอินเลือกเถิด”
หลี่จิ่วเต้าครุ่นคิดแล้วเอ่ยออกมา
ผู้ที่ฝึกกู่ฉินต้องการกู่ฉินระดับสูง เขากลัวว่าหลิงอินจะไม่พอใจกับกู่ฉินที่เขาเลือก
สำหรับตัวเขาเอง เขาไม่สนใจ อย่างไรแล้ว ทักษะการเล่นกู่ฉินของเขาถึง [ขั้นเทวะ] จะกู่ฉินเครื่องไหนก็เหมือนกันหมด
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“แม่นาง มาเลือกกู่ฉินสิ!”
ผู้รอบรู้กลุ่มหนึ่งเข้าใจและยิ้มให้กัน เห็นได้ชัดว่าคุณชายหลี่มีความสัมพันธ์ลับ ๆ กับหลิงอิน
‘ไร้สาระ! เขาเป็นพระเจ้าในสายตาพวกเจ้า แต่กับข้านั้นไร้ค่ายิ่ง…’
หลิงอินเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม นางเห็นสิ่งที่ผู้รอบรู้เหล่านี้กำลังคิดอยู่อย่างรวดเร็ว
ผู้รอบรู้เหล่านี้คิดว่านางมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลี่จิ่วเต้า
แล้วมันเกี่ยวอันใดด้วย!
“ทุกท่านยอมให้ข้าเลือกกู่ฉินเพราะเห็นแก่หน้าของคุณชาย แต่ข้าเกรงว่าตนเองจะเลือกไม่ถูก เช่นนั้น คุณชายหลี่เลือกเถิดเจ้าค่ะ”
หลิงอินกล่าวกับหลี่จิ่วเต้าด้วยรอยยิ้ม
นางมีความมั่นใจอย่างมากในทักษะการเล่นกู่ฉินของนาง ไม่ว่าจะกู่ฉินเครื่องใด นางก็สามารถเล่นได้
ครั้งนี้นางต้องการตบหน้าหลี่จิ่วเต้า และให้ทุกคนเข้าใจว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ทรงพลังขนาดนั้น นางไม่ต้องการให้หลี่จิ่วเต้าบอกว่า กู่ฉินใช้ไม่ถนัดมือหลังหลี่จิ่วเต้าพ่ายแพ้
นางต้องการให้หลี่จิ่วเต้าพ่ายแพ้โดยไม่มีข้อแก้ตัวแม้แต่น้อย!
‘ไม่เลือกกู่ฉิน?’
‘ดูท่าทางข้าจะได้พบกับผู้เชี่ยวชาญเสียแล้ว’
หลี่จิ่วเต้าคิดกับตัวเองว่า หลิงอินต้องมั่นใจในทักษะการเล่นกู่ฉินของนางมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้เขาเลือกกู่ฉิน
“ย่อมได้”
เขายิ้ม ดวงตาของเขากวาดมองไปยังกู่ฉินหลายเครื่อง จากนั้นก็สัมผัสกู่ฉินด้วยมือ พยายามเล่นสายของกู่ฉินแต่ละเครื่อง
“กู่ฉินนี้ก็เพียงพอแล้ว”
เขาเลือกกู่ฉินซึ่งบอกว่าเป็นของบรรพบุรุษ
กู่ฉินที่เลือกมาคือที่สุดของที่นี่…
ดวงตาของหลิงอินพลันทอประกายอย่างประหลาด นี่เป็นสิ่งที่นางไม่คาดคิด
เมื่อหลี่จิ่วเต้าเลือกกู่ฉิน เขาลองดีดสายกู่ฉินแต่ละเครื่อง และนางก็ตั้งใจฟังเช่นกัน
จากเสียงของสายแต่ละสาย นางมั่นใจว่ากู่ฉินเครื่องนั้นดีที่สุด เสียงต่ำถูกต้อง และการปรับสายนั้นแม่นยำยิ่ง
“ข้าให้เกียรติแม่นางหลิงอินเริ่มก่อน”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยด้วยยิ้ม
ทักษะการเล่นกู่ฉินของเขานั้นอยู่ใน [ขั้นเทวะ] หากเขาเล่นมันก่อน เกรงว่าหลิงอินจะไม่กล้าเล่นอีกหลังจากได้ยินมัน
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เขาอยากจะรู้ว่าหลิงอินสามารถเล่นกู่ฉินเพื่อสื่อสารออกมาได้ดีเพียงใด ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะสื่อสารกันได้อย่างไรหากเขาไม่รู้อะไรเลย
‘ให้ข้าเล่นก่อนหรือ เกรงว่าเจ้าจะอับอายเกินกว่าจะเล่นหลังได้ยินเสียงกู่ฉินของข้าน่ะสิ…’
หลิงอินเอ่ยในใจ
จะเริ่มก่อนก็ไม่เห็นเป็นไร
ผลที่ได้อย่างไรก็เหมือนกัน
“ท่านเป็นคนที่มีพรสวรรค์มาก ผู้คนในเมืองนั้นรู้ดี ข้าหวังว่าท่านจะสอนข้าอย่างใจดีโดยไม่ปิดบัง”
นางหัวเราะเบา ๆ และเอ่ยว่า “ฝีมือของข้า…ขายหน้าท่านแล้ว”
จากนั้นนางก็นั่งลง และเหยียดฝ่ามือที่เรียวยาวราวหยกสีนวล
นิ้วแต่ละนิ้วของนางงดงามและเรียวสวย ทันทีที่เห็นฝ่ามือเหล่านี้ หลายคนก็ประหลาดใจทันที ต่างเรียกกันว่าเป็นมือที่เกิดมาเพื่อเล่นกู่ฉินจริง ๆ
ติ๊ง ติ๊ง แต๊ง แต๊ง~
นางไม่ได้เล่นกู่ฉินโดยตรง แต่ลองดีดเครื่องสายก่อนเพื่อดูว่ามีปัญหาใด ๆ กับกู่ฉินหรือไม่
“ข้าไม่ได้เล่นกู่ฉินมานานมากแล้วจริง ๆ…”
นางดีดสายกู่ฉินด้วยมือทั้งสองข้าง อารมณ์มากมายพลันท่วมท้นในใจ ราวกับได้ย้อนเวลากลับไปตอนที่นางสัมผัสกู่ฉินครั้งแรก สีหน้าของนางเปลี่ยนไป กลายเป็นจริงจังและเคร่งขรึม