บทที่ 53 คราวหน้ามาแลกเปลี่ยนกัน…ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กำลังบอกใบ้ข้า!
หลังจากที่เพลงจบลง ทุกคนต่างเห็นแววตาตื่นตกใจของกันและกัน ราวกับได้ย้อนกลับไปสู่ยุคโบราณ กู่ฉินของหลี่จิ่วเต้านั้นช่างตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก!
“คุณชายสุดยอดจริง ๆ!”
“บทเพลงนี้ควรอยู่แค่บนสรวงสวรรค์ และสดับฟังได้ไม่กี่ครั้งบนโลกเท่านั้น!”
พวกเขาต่างเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ หลี่จิ่วเต้าเป็นดั่งเทพเจ้า และทักษะกู่ฉินยังยากจะจินตนาการ!
“ข้าน้อยละอายนัก เมื่อเทียบกับท่านอาวุโสแล้ว ข้าน้อยไม่มีสิ่งใดให้ควรค่าแก่กล่าวถึงเลย”
หลิงอินเอ่ยจากใจจริง ความทระนงในใจหายเป็นปลิดทิ้ง และตอนนี้เปี่ยมไปด้วยความเคารพอันล้นปรี่แก่หลี่จิ่วเต้าแทน
“แม่นางหลิงอินก็เอ่ยเกินไป ข้าไม่ได้เก่งเพียงนั้น แค่ฝึกฝนเกินจะนับครั้งได้ แม่นางหลิงอินจะต้องทำเช่นนี้ได้ในอนาคตแน่นอน และอาจจะเก่งกว่าข้าด้วย”
ชายหนุ่มตอบอย่างนอบน้อมถ่อมตน
…แข็งแกร่งกว่าอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่น่ะหรือ?
เฮ้อ เกรงว่านางคงทำได้แค่คิด…
แค่ขอบเขตจักรพรรดิก็ดิ้นรนจะแย่แล้ว…
นางเอ่ยในใจ
อีกทั้งผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่นี้ยังแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิเสียอีก แล้วนางจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร
ส่วนตัวตนเหนือผู้ยิ่งใหญ่นั้น นางไม่กล้าแม้แต่จะฝันถึง…
‘ระ…หรือว่าผู้อาวุโสเป็นเซียนกัน!?’
ใจของนางเต้นอย่างบ้าคลั่งและอดไม่ได้ที่จะคิดไปต่าง ๆ นานา
ว่ากันว่ามหาจักรพรรดิเป็นตัวตนที่สูงที่สุดในโลกแห่งการฝึกตน แต่ความจริงไม่ใช่ว่าตัวตนเหนือมหาจักรพรรดิคือเซียนหรอกหรือ!?
ถึงกระนั้น นางก็ยังไม่แน่ใจ
อย่างไรเสีย เซียนนั้นสูงส่งเกินไป และตั้งแต่ยุคโบราณ เซียนไม่เคยปรากฏให้เห็นเลย ต่อให้นางคิดว่าผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้เป็นเซียน นางก็ยังไม่แน่ใจเช่นกัน
‘เอาเป็นว่าคนผู้นี้คือ ผู้อาวุโสเหนือจินตนาการ!’
นางปลื้มปีติมากด้วยไม่ได้คาดคิดว่าจะเจอคนแข็งแกร่งเพียงนี้!
หากได้รับคำชี้แนะ การจะไต่เต้าเข้าสู่ขอบเขตมหาจักรพรรดินั้นไม่ง่ายสำหรับนางหรือ?
‘เย็นไว้ เย็นไว้! อย่าวู่วาม ช้า ๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม!’ นางย้ำเตือนตัวอยู่ในใจ
อย่างไรแล้ว นางก็เป็นถึงผู้ทรงอำนาจในยุคโบราณ ย่อมรู้ว่าความวู่วามจะทำให้เกิดเรื่องใหญ่ได้
“อย่ากล่าวเช่นนั้นเลย ต่อให้ข้าเล่นอีกสิบปี เกรงว่าคงไม่อาจเทียบเคียงกับฝีมือของท่านได้”
หลิงอินใจเย็นลงและพยักหน้าตามคำกล่าวของหลี่จิ่วเต้าไป
“ฮ่า ๆ หยุดชื่นชมกันตรงนี้เถิดแม่นางหลิงอิน ตอนนี้เรารู้จักกันแล้ว คราวหน้าก็มาแลกเปลี่ยนกันได้…”
กล่าวจบ ชายหนุ่มก็เห็นว่าเหล่าบัณฑิตผู้รอบรู้กำลังมาอีกครั้ง และเขารู้ว่าถึงเวลาต้องไปแล้ว
เกรงว่าหากไม่ไป หูของเขาคงแตก…
ส่วนเรื่องการคุยกับแม่นางหลิงอินในห้อง… เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าควรคุยเรื่องอะไร
เป็นการคุยกันทั่วไปก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อย่างไรเสียนี่คือการนัดดูตัว เกรงว่าเผลอพลั้งปากกล่าวอะไรไม่เข้าท่าบรรยากาศคงพิลึกน่าดู…
รูปร่างแม่นางหลิงอินนั้นสะสวยเปี่ยมเสน่ห์ และเขาก็ชื่นชอบยิ่งนัก แต่หากจะพูดถึงงานแต่งงานมันก็เร็วไป เขาไม่ใช่ประเภทที่ให้ความสนใจกับรูปร่างหน้าตาเพียงอย่างเดียว…
…ที่ถ้าเห็นคนสวยแล้วจะอยากแต่งกับเขาไปทั่ว เซี่ยเหยียนเองก็งดงามมาก นั่นแปลว่าเขาต้องแต่งงานกับเซี่ยเหยียนก็ได้หรือ?
ชายหนุ่มบอกลาหลิงอินและเอ่ยวานนางแจ้งป้าหวังว่า เขาขอลาก่อน
ด้วยท่าทางของป้าหวัง หากเขาเป็นคนเอ่ยปากว่าจะไป ป้าหวังคงจะรั้งไม่ให้ไปแน่ ๆ เช่นนี้จึงขอให้นางไปจัดการแทนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องยุ่งยาก
หลังจากนั้น เขาก็บอกลากลุ่มผู้รอบรู้โดยบอกว่าครั้งหน้าหากมีเวลาจะกลับมายังโรงน้ำชาหย่าเสียนอีก แล้วถกเถียงเรื่องกู่ฉิน หมากล้อม งานเขียนพู่กัน และงานภาพด้วยอย่างแน่นอน
“เฮ้อ บางทีเก่งมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี…”
หลังออกจากโรงน้ำชาหย่าเสียน หลี่จิ่วเต้าก็เอ่ยด้วยแรงอารมณ์
ในโถงใกล้ทางออกนั้น หลิงอินมองร่างหลี่จิ่วเต้าที่กำลังจากไปอย่างเหม่อลอย
เมื่อครู่ที่เขาเอ่ยว่า ‘คราวหน้ามาแลกเปลี่ยนกัน…’ เป็นการบอกใบ้หรือเปล่านะ?’
นางคิดในใจและสัมผัสได้มาตลอดว่า คำพูดของอาวุโสผู้ยิ่งใหญ่นั้นไม่ธรรมดาเลย
ด้วยการที่เขาเป็นตัวตนผู้ยิ่งใหญ่แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะยังเก็บความลับเอาไว้ และเขาคงเห็นแล้วว่านางคือผู้ฝึกตนกลับชาติมาเกิด!
ในยุคสมัยนี้ ผู้ที่สามารถเผยกฎแห่งสวรรค์และโลกของยุคโบราณผ่านเสียงของกู่ฉินได้ หากมิใช่ตัวตนเช่นเทพเซียนขึ้นไป ก็มิมีตัวตนอื่นแล้ว!
ดูจากเมื่อครู่แล้ว นางคิดได้อย่างเดียวเท่านั้น
อันที่จริง นางไม่จำเป็นต้องคิด เพราะความลับของนางไม่นับว่าเป็นสิ่งใดต่อหน้าผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่เลย
‘คราวหน้ามาแลกเปลี่ยนกัน…’ เป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่กำลังบอกใบ้ว่าอยากสอนนางเพิ่ม?
“ข้านั้นโง่เขลาเสียจริง ผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่เชิญข้าไปที่บ้าน และบอกชัดเจนว่าต้องการสอนข้า แต่ข้ากลับนึกว่าเขามีเจตนาแอบแฝงเสียได้…”
หลังจากหลิงอินคิดถึงอย่างระมัดระวัง หว่างคิ้วของนางย่นเข้าหากันด้วยความเสียใจ
นางไม่ได้คว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้า แถมยังปฏิเสธอีก …นางช่างโง่งมเสียจริง!
“ที่นี่มีคนเยอะ และผู้อาวุโสคงไม่อาจชี้ทางให้ข้าได้… แต่กระนั้นก็บอกใบ้บางอย่างอยู่!”
หลิงอินหัวเราะในใจ นางดีใจมากราวกับว่าเห็นภาพตนกลายเป็นจักรพรรดิแล้ว
“เดี๋ยวก่อนนะ… เหตุใดข้าถึงได้ฟื้นความทรงจำก่อนมาพบกับผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่กัน นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือ? เกรงว่าเรื่องนี้ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ก็คงคำนวณไว้แล้ว!”
หลิงอินอดไม่ได้ที่จะคิดในใจ นางคิดว่าการฟื้นความทรงจำของนางอาจเกี่ยวข้องกับผู้อาวุโส!
“ผู้อาวุโสคงจะเห็นว่าข้าไม่อาจข้ามผ่านสังสารวัฏได้โดยง่าย จึงต้องการช่วยเหลือข้า ด้วยเหตุนี้ข้าเลยได้รับความทรงจำก่อนมาพบเขา แล้วก็ยังได้รับการบอกใบ้เพื่อชี้ทางเพิ่ม…”
ยิ่งคิดมากเท่าไร นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามาถูกทางมากเท่านั้น สุดท้ายแล้ว เหตุใดนางถึงไม่ตื่นรู้ก่อนหรือหลัง แต่มาตื่นรู้ก่อนพบกับผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่กันเล่า?
‘เกรงว่าการเล่นลิ้นต่อหน้าผู้อาวุโสโดนรู้ทันเข้าแล้ว โชคดีที่เขาอารมณ์ดีจึงไม่สนใจข้า…’
หัวใจของหลิงอินเปี่ยมไปด้วยความสุข และเหงื่อเย็นไหลซึมออกมาจากร่างกายราวกับว่าเดินผ่านประตูนรกมาก็มิปาน
ไม่ใช่ว่านางเดินผ่านประตูนรกมาหรือไร…
เกรงว่าหากผู้อาวุโสไม่สนใจนาง นางคงตายไปนานแล้ว
‘ขอบพระคุณผู้อาวุโสเจ้าค่ะ!’
นางขอบคุณหลี่จิ่วเต้าในใจ
“โปรดรอข้าวางแผนใหม่ และไปหาผู้อาวุโสผู้ยิ่งใหญ่อีกครั้ง ข้าจะไม่ทำพลาดซ้ำสองอีก!”
นางไม่ได้ไปหาหลี่จิ่วเต้าตรง ๆ และมองว่าควรวางแผนให้ดีกว่านี้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะทำพลาดอีก
หลี่จิ่วเต้ากลับมายังร้านและพบลวี่เหลียงกับโจวตง บรรพชนแห่งสำนักเมฆาลับฟ้ากำลังยืนอยู่หน้าร้านของเขา
“เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่หรือ?”
ชายหนุ่มถามด้วยรอยยิ้ม
“พวกเรามีธุระกับสำนักไท่หัว และต้องการจะมาหาท่านก่อนไป”
โจวตงยิ้มและทำความเคารพหลี่จิ่วเต้า
พวกเขาเคยพบผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่มาก่อน และเขายังอาศัยอยู่ในเมืองชิงซานใกล้สำนักไท่หัว ด้วยเหตุนี้แล้ว พวกเขาจะไปสำนักไท่หัวโดยไม่มาเยี่ยมเยียนท่านผู้นี้ก่อนได้อย่างไร
หากทำเช่นนั้นจริง จะเป็นการหยามหน้าผู้อาวุโสเป็นอย่างมาก พวกเขาไม่บังอาจทำเช่นนั้น
“พวกเจ้าช่างใจดีนัก!”
หลี่จิ่วเต้าเอ่ยจากใจจริง
ผู้ฝึกตนสองคนนี้ช่างสุภาพกับเขาเหลือเกิน นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดมาก่อน